ต้นตำรับ 3 บัญชีของพรรคไทยรักไทย ที่มีทั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ-ส.ส. เขต และบัญชีชื่อรัฐมนตรี ถูกนำมาดัดแปลงปรับใช้
ในยุคเพื่อไทยยังคงใช้แนวทาง 3 บัญชี แต่จัดแบ่งประเภทใหม่
บัญชีแรก-ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ แบ่งเป็น 4 ระดับ ระดับแรกมาจากกลุ่ม ส.ส.ตัวจริงได้เข้าสภาผู้แทนฯแบบปลอดภัย อยู่ในลำดับที่ 1-60
ระดับที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 61-70 ให้แต่งตัวเป็นว่าที่รัฐมนตรี
ระดับที่ 3 ถูกบรรจุอยู่ในลำดับที่ 71-80 เตรียมตัวเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรี-เลขานุการรัฐมนตรี และตำแหน่งในฝ่ายบริหาร
ระดับ สุดท้าย เป็นลำดับที่มีความเสี่ยงที่จะไม่ได้เข้าสภาผู้แทนฯ ถูกใส่ชื่ออยู่ในแถวที่ 81-125 แต่ได้รับการันตีพิเศษสายตรงจาก "ทักษิณ" ระบุถึงรูหูโทรศัพท์ว่า ลำดับที่ 120-125 มีสิทธิ์เป็น "รัฐมนตรี"
ทั้ง นี้ แกนนำที่ได้รับ "สายตรง" จาก "ทักษิณ" มีทั้งชื่อ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ที่ได้เลื่อนมาอยู่ในลำดับที่ 6 นายบัณฑูรย์ สุภัควณิช อดีต ผอ. สำนักงานงบประมาณ ที่เดิมไม่มีรายชื่อขยับมาอยู่ลำดับที่ 13 ขณะที่ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ อดีต รมช.พาณิชย์ จากเดิมลำดับเกิน 80 ได้ขยับขึ้นมา อยู่ลำดับที่ 18 นายพิชัย นริพทะพันธุ์ อดีต รมช.คลัง สุดท้ายมีชื่ออยู่ลำดับที่ 124
บัญชีที่ 2-บัญชี "ส.ส.เสื้อแดง" มี การเสนอชื่อเพื่อพิจารณาไว้ 22 ชื่อ ได้รับการพิจารณาทั้งตัวจริง-ภรรยา-ลูกและตัวแทน ถูกบรรจุไว้ในลำดับที่ปลอดภัย
แม้มีบัญชีที่สลับ-ซุกซ้อนหลายชั้น ทำให้เกิดการต่อรองหลายรอบ แต่ในที่สุด "บัญชีแดง" จึงถูกจัดเต็มก่อนบัญชีอื่น ๆ
บุคคลในเวทีแดงและเครือญาติรวม 20 คน ได้อยู่ในระดับ "เซฟโซน"
ทั้ง นี้ แกนนำคนเสื้อแดงนั้นมีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อผู้สมัคร ส.ส.พท. 15 คน ได้แก่ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ลำดับที่ 8, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ลำดับที่ 9, น.พ.เหวง โตจิราการ ลำดับที่ 19, นางรพิพรรณ พงศ์เรืองรอง ภรรรยานาย อริสมันต์ พงศ์เรืองรอง อยู่ในลำดับที่ 27, น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล ลูกสาว พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือเสธ.แดง อยู่ในลำดับที่ 42, นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ลำดับ 46, นางเยาวนิตย์ เพียงเกษ ภรรยานายอดิศร เพียงเกษ ลำดับ 47
นายก่อแก้ว พิกุลทอง ลำดับที่ 54, น.ส.จารุพรรณ กุลดิลก นักวิชาการ คนเสื้อแดง บุตรสาว พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลำดับที่ 56, นายวิเชียร ขาวขำ ลำดับ 60, นางอุดมรัตน์ อาภรณ์รัตน์ ภรรยา พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ลำดับที่ 66, นายชินวัฒน์ หาบุญพาด ลำดับที่ 72, นายชนะศักดิ์ อัตถาวงศ์ น้องชายนายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ ลำดับ 77, นาย เพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำเชียงใหม่ 51 ลำดับที่ 86, นายธนกฤติ ชะเอมน้อย หรือวันชนะ เกิดดี ลำดับ ที่ 105
ขณะที่ "บัญชีแดง" ได้รับการปูนบำเหน็จ แต่กลุ่มนักการเมืองบางสาย ถูกจับยัดไว้ใน "บัญชีดำ"
บัญชีที่ 3-บัญชี "ส.ส.สีดำ" เป็น รายชื่อ ส.ส.กบฏที่ถูกจดรายการไว้ มีบทลงโทษ แบ่งเป็น 2 ระดับ
ระดับแรก เป็นกลุ่ม ส.ส.ที่เคย
ลาออกจากกรรมการบริหารพรรค และเป็นกลุ่มที่มีความใกล้ชิด-ชัดเจนกับ กลุ่ม "มิ่งขวัญ-บิ๊กจิ๋ว"
บท ลงโทษสำหรับพวก "บัญชีดำ" คือทุกคนต้องเขียนใบลาออก พร้อมลงนาม-เซ็นชื่อไว้ แต่ไม่ลงวันที่ พร้อม เขียนข้อความระบุไว้ด้วยว่า "ผม-ดิฉัน มีปัญหาการทำงานกับพรรค พร้อมที่จะลาออก โดยไม่ได้ถูกกดดัน หรือถูกขับออกจากพรรค"
บทลงโทษระดับที่ 2 ส.ส.กบฏต้องลงไปผจญภัยในการเลือกตั้งระดับเขต และไม่มีสิทธิ์เป็นรัฐมนตรี
"ถ้า ใช้ฐานเสียง ระบบสัดส่วนเดิม 48% จาก ส.ส. ทั้งหมด เพื่อไทย จะได้ 60 คน รวมกับ ส.ส.ระบบเขตอีกประมาณ 187 คน คาดว่าจะได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 247 คน เท่ากับสมัยเลือกตั้งยุคไทยรักไทย" แกนนำเพื่อไทยกล่าว
ผลโพลลับของเพื่อไทยมียอดส่วนใหญ่มาจากความนิยมในนโยบายหัวหอก 2 ลำดับแรก คือ กองทุนหมู่บ้าน เครดิตชาวนา
และแม้แกนนำสายเสื้อแดงในพรรคจะพยายามเข้าไปมีบทบาทในพรรค ด้วยการเป็นผู้นำในการปราศรัยในเวทีหาเสียงเลือกตั้ง
แต่ "คน" กลับถูกลดบทบาท แต่จะเพิ่มพื้นที่ให้กับ "แผ่นซีดี" ที่เป็นเสียงของ "ทักษิณ" ที่บันทึกเสียง ไว้ในวันเปิดนโยบาย 23 เมษายน 54 แทน
คาดว่าจะมีการแจกจ่ายซีดี-เสียงทักษิณประมาณ 2 แสนแผ่นทั่วประเทศ
นอกจากนี้ แคมเปญนโยบายหาเสียงยังมีระดับการปราศรัย 3 ระดับ คือ ระดับประเทศ ระดับภาค และ ระดับเขต
ทั้งทักษิณและเพื่อไทยจึงไม่มีโจทย์อื่นนอกจากสมการคณะรัฐมนตรีที่มาจาก 2 พรรคร่วมรัฐบาลเท่านั้น
สูตรรัฐบาลที่บวก-ลบ-คูณ-หาร โดย "ทักษิณ" จึงมีทั้ง
สูตรแรกเพื่อไทย + ชาติไทยพัฒนาของบรรหาร ศิลปอาชา
สูตรที่ 2 เพื่อไทย + ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน
และ สูตรที่ 3 เพื่อไทย + ชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน + ชาติไทยพัฒนา
โดย สรุปทุกสูตรมีเพื่อไทย + เสียงได้จากทุกพรรค ยกเว้นพรรคภูมิใจไทยของ "เนวิน ชิดชอบ" เท่านั้นที่ถูกกา ดอกจัน-ขีดเส้นใต้ไว้ล่วงหน้าให้อยู่ฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น
ยุทธศาสตร์แรกของเพื่อไทยจึงหมายตาพรรค "บรรหาร ศิลปอาชา" ไว้ล่วงหน้า และรวมกันตั้งรัฐบาลได้ ไม่น้อยกว่า 350 เสียง
แหล่งข่าวคนใกล้ชิด "ทักษิณ" สรุปว่า "หากเพื่อไทยได้เกิน 250 เสียง ทุกพรรคเป็นไปได้หมด แต่ยังยกเว้นพรรคเนวิน"
สอด คล้องกับแหล่งข่าวที่ใกล้ชิด "บรรหาร" บอกสูตรการจัดรัฐบาลว่า "หากเพื่อไทยชนะเกิน 10 เสียง พรรคชาติไทยพัฒนาจะไปร่วมจัดรัฐบาลด้วย แต่ถ้าหากเพื่อไทยชนะไม่ถึง 10 เสียง เราจะอยู่ในที่ตั้ง ใครมาติดต่อเราก็รับร่วมรัฐบาลด้วย"
ทั้งบัญชีแดง-บัญชีดำ-บัญชีรัฐมนตรี และบัญชีพรรคร่วมรัฐบาล ล้วนอยู่ในมือ "ทักษิณ ชินวัตร" แต่เพียงผู้เดียว