ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์แห่งชาติออสเตรเลีย (เอบีซี) มั่นใจ หากลงคะแนนพรุ่งนี้ เพื่อไทยชนะขาดแน่นอน
โดยผู้สื่อข่าวเอบีซีถาม ถามว่า เป็นไปได้อย่างที่พรรคเพื่อไทยซึ่งขณะนี้ เป็นพรรคฝ่ายค้าน จะชนะเลือกตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่าจากผลสำรวจของหลายสำนัก เขาเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยชนะได้เสียงข้างมาก โดยเขากล่าวว่า ความนิยมของพรรคเพื่อไทยขณะนี้สูงกว่าก่อนหน้าที่พรรคพลังประชาชนจะถูกยุบ ซึ่งขณะนั้นพรรคมีคะแนนเสียงในสภาอยู่ 230 เสียง หากการเลือกตั้งมีขึ้นในวันพรุ่งนี้เพื่อไทยจะชนะอย่างเด็ดขาด
เขา กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยนั้นพร้อมและเป็นฝ่ายเสนอแนวทางสมานฉันท์ แม้ว่าที่ผ่านมา พรรคเพื่อไทยจะเป็นเหยื่อของความขัดแย้งทางการเมืองที่ผ่านมาก็ตาม
อย่าง ไรก็ตามผู้สื่อข่าวถามถึงความเป็นไปได้ว่า แม้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งแต่ไม่ชนะขาด แต่ก็อาจจะไม่ได้ตั้งรัฐบาล และพรรคประชาธิปัตย์อาจจะสามารถตั้งรัฐบาลผสมได้จากการรวมตัวกับพรรคเล็ก ซึ่งน่าจะมีความเป็นไปได้อย่างยิ่ง
ทักษิณกล่าวว่า เขายังคงมองโลกในแง่ดี เขาเชื่อว่า เพื่อไทยจะชนะขาดถ้าการเลือกตั้งเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ และตามหลักการประชาธิปไตยแล้ว พรรคที่ได้คะแนนเสียงข้างมากย่อมมีความชอบธรรมที่จะได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน เว้นเสียแต่ว่าจะมีการใช้กำลังบังคับ ซึ่งก็จะสร้างความขัดแย้งในประเทศขึ้นมาอีกครั้ง
ทักษิณกล่าวปฏิเสธ การเป็นผู้นำพรรค เพียงแต่อยากเห็นพรรคเพื่อไทยประสบความสำเร็จ และใช้ประสบการณ์ในฐานะที่เป็นอดีตนายกรัฐมนตรี และประสบการณ์จากการเดินทางไปรอบโลกมาแนะนำแนวทางให้กับคนในพรรคเท่านั้น และพรรคเพื่อไทยก็มีทีมของตัวเองในการกำหนดนโยบาย และเขากล่าวว่า มีนโยบายหลายอย่างสำหรับกลุ่มคนที่หลากหลาย เช่น นโยบายด้านการศึกษา เยาวชน เป็นต้น
เขากล่าวยืนยันด้วยว่า นโยบายของเขาไม่ใช่แค่การนำเสนอเพื่อเรียกคะแนนนิยมเท่านั้น แต่สิ่งที่ทำให้พรรคได้รับความนิยมก็เพราะ พรรคสามารถทำตามสิ่งที่พูด เช่น นโยบาย 1 หมู่บ้าน หนึ่งล้านบาท หรือนโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรค
สำหรับ ความเหมาะสมของยิ่งลักษณ์ ในฐานะที่เป็นผู้เข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ทักษิณกล่าวว่ายิ่งลักษณ์มีความเหมาะสมในแง่การศึกษา และประสบการณ์การทำงานกับองค์กรธุรกิจที่มีผลกำไรถึง 5,000 ล้านบาท และฐานะผู้หญิง ยิ่งลักษณ์ ก็มีความเหมาะสมในการทำงานเชิงสมานฉันท์
แม้ว่ายิ่งลักษณ์จะไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง แต่ทักษิณกล่าวว่า เขาเองก็เคยไม่มีประสบการณ์มาก่อนเช่นกัน และเธอเป็น “ตัวแทนของผม”
ทักษิณ อธิบายความหมายที่เคยกล่าวว่าเธอคือ “โคลนนิ่ง” ของเขาว่า ยิ่งลักษณ์คือน้องสาวคนเล็กของเขา ซึ่งเขาส่งเสียให้เรียน สอน และฝึกฝนทักษะในการทำงานมาตลอด ดังนั้นคำว่า โคลนนิ่ง สำหรับเขาแล้ว หมายถึงการมาจากพื้นฐานเดียวกัน มีธรรมชาติที่เหมือนๆ กัน และมีทัศนคติเหมือนๆ กัน และเขากล่าวย้ำอย่างหนักแน่นด้วยว่า “ผมสนับสนุนเธอให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทักษิณต้องการการอภัยโทษใช่หรือไม่ เขาตอบว่า การสมานฉันท์เป็นความสำคัญอันดับแรก การอภัยโทษนั้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการสมานฉันท์ แต่สิ่งหนึ่งท่าสำคัญมากที่จะต้องทำในการสมานฉันท์ก็คือการ ปฏิรูปนิติรัฐ เพราะขณะนี้ประเทศไทยไม่ได้อยู่บนแนวทางนิติรัฐตามแนวปฏิบัติสากล และการปฏิรูปนิติรัฐไม่ใช่เพื่อเป้าหมายทางการเมืองเท่านั้น
ผู้สื่อ ข่าวถามย้ำถึงความต้องการอภัยโทษ ทักษิณกล่าวตอบว่า “อย่ามาคิดเรื่องผมมากขนาดนั้น ได้โปรดสร้างความเป็นหนึ่งเดียวให้กับประเทศก่อน แล้วผมจะได้รับประโยชน์จากสิ่งนั้น ผมเป็นเพียงส่วนหนึ่งของสิ่งนั้น”
เขา กล่าวด้วยว่า ขณะนี้เขาลงตัวกับชีวิตและดำเนินธุรกิจมากมายนอกประเทศ และมีหลายสิ่งที่ต้องทำอยู่แล้ว และเมื่อน้องสาวคนเล็กเข้าสู่ตำแหน่งนายกแล้วเขาก็ไม่มีความจำเป็นต้องกลับ สู่ประเทศไทยในฐานะนายกอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า จริงหรือไม่ที่เขาต้องการกลับไทยภายในสิ้นปีนี้ เขาตอบว่าใช่เพราะเขาอยากกลับมาแสดงความจงรักภักดีในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัวทรงพระชนมายุครบ 84 พรรษา
เขากล่าวถึง อนาคตของตนเอง ว่าอยากจะสอนหนังสือ และทำธุรกิจของตัวเอง และเมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าไม่อยากกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกหรือเขากล่าวว่า ไม่จำเป็นในเมือน้องสาวคนเล็กของเขาจะดำรงตำแหน่งนั้นอยู่แล้ว และเงื่อนไขที่จะทำให้เขากลับไปดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีก็มีเพียงในกรณีที่ เขาจะสามารถสร้างประโยชน์ให้ประเทศได้มากที่สุด และหากประเทศต้องการเขาเท่านั้น หากไม่เช่นนั้นแล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องกลับไปดำรงตำแหน่งอีก
ผู้สื่อข่าวถามว่า ทักษิณคือสัญลักษณ์ของคนเสื้อแดง เขาไม่คิดหรือว่าตัวเขาเองคือปัญหาที่สร้างความแตกแยก ความเกลียดชัง
เขา ตอบว่า ต้องให้ความยุติธรรมแก่เขาด้วย เพราะระบบยุติธรรมสองมาตรฐานนั้นมีอยู่ ประชาชนเกลียดความไม่ยุติธรรม ไม่ชอบรัฐประหาร พวกเขาต้องการที่จะหยุดยั้งสิ่งที่เขาเกลียดชัง คุณต้องทำให้ระบบยุติธรรมดำเนินไปได้ และทำให้เกิดการเลือกตั้งที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งเป็นสิ่งที่ประเทศไทยต้องการ
เขากล่าวว่า เมื่อพิจารณาจากการพิจารณาคดีของศาล ก็จะเห็นเองว่าระบบยุติธรรมไทยนั้นไม่ได้ดำเนินไปตามหลักกฎหมาย เพียงแต่รับใช้การเมืองเท่านั้น
เมื่อทหารทำการรัฐประหาร และประกาศนิรโทษกรรมให้ตัวเองได้ แต่ไม่มีทางที่รัฐบาลประชาธิปัตย์จะนิรโทษให้กับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง ทั้งนี้ การนิรโทษกรรมก็เป็นเรื่องที่ต้องถกเถียงเช่นกันว่าควรจะเป็นไปอย่างไร
อย่าง ไรก็ตาม ทักษิณกล่าวว่าในเบื้องต้น เสียงที่จะต้องฟังก็คือคนที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมือง เช่นคนที่บาดเจ็บและผู้เสียชีวิต
ผู้สื่อข่าวถามถึงความรู้สึกส่วน ตัวของทักษิณต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจากการ สลายการชุมนุมเมื่อปีที่แล้ว เขากล่าวว่า เขาเสียใจมากต่อผู้เสียชีวิตทั้งฝ่ายผู้ชุมนุมและทหาร และว่าไม่ควรมีสิ่งแบบนี้เกิดขึ้น เพราะเราคือคนไทย เราควรจะมีการเจรจา แต่การเจรจากลับไม่เกิดขึ้น และสิ่งที่รัฐบาลปฏิบัตินั้นมันไม่เป็นธรรม และมีแต่สร้างความโกรธแค้นมากยิ่งขึ้น