เมื่อ วันที่ 25 พฤษภาคม นายสุธาชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แถลงข่าวว่า ตนเองได้ถอนฟ้องคดี "ผังขบวนการล้มเจ้า" ต่อ พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก ในฐานะโฆษกศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) แล้ว หลังจาก พ.อ.สรรเสริญ ได้แถลงยอมรับต่อศาลว่า ผังขบวนการล้มเจ้าเป็นแค่การ โยงบุคคลต่างๆ ว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้เป็นต้น มิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น
นายสุธาชัยระบุว่า ตนเองได้ถอนฟ้อง ภายหลังจากพ.อ.สรรเสริญ ในฐานะจำเลยที่สาม ได้แถลงต่อศาล ดังนี้
"ประการที่หนึ่ง ศอฉ .ในขณะนั้นเชื่อมั่นว่ามีขบวนการที่จ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง
ประการที่สอง ในช่วงเวลานั้น มีข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเตอร์เน็ตกล่าวหาในลักษณะทำนองว่า มี "สตรีสูงศักดิ์" โทรศัพท์มาสั่งการศอฉ. อยู่ตลอดเวลา ให้ดำเนินการนานับประการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่นนั้น ซึ่งหมายความว่ามีความพยายามยามเป็นความจริง ศอฉ. ก็มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจงข้อมูลข่าวสารให้สังคมได้รับทราบความจริงเป็น เช่นไร
นอกจากนั้นแล้ว ศอฉ. ก็ได้ขยายความลงไปเพราะว่าทางราชการมีหน่วยงานทางด้านความมั่นคง ที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งขึ้น โดยมีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของขบวนการที่จ้องจะ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงได้นำข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้มาประกอบเพื่อใช้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับ สังคม
ประการที่สาม ในช่วงเวลาเช้าของวันเกิดเหตุ ข้าฯได้มีการแถลงข่าวให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าไม่เป็นความ จริงตามข้อมูลที่พยายามกล่าวหาใส่ร้าย "สตรีสูงศักดิ์" คนดังกล่าว โดยแถลงกำกับตอบไปด้วยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้านั้น ในขณะนั้นมีคุณดา ตอร์ปิโด กับคุณจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งทั้งสองคนนี้มีหมายจับไว้แล้ว ในช่วงเวลาเย็นเกิดจากการประชุมในช่วงบ่ายของศอฉ.ได้มีมติของศอฉ. ที่ต้องการจะให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่สังคมเป็นลายลักษณ์อีกษรอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สังคมพิจารณา
ข้าฯได้รับมอบหมายให้นำเอกสารเหล่านั้นไปแจกแก่สื่อมวลชน ซึ่งเอกสารที่ไปแจกนั้นมิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยว ข้องในฐานะอยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเอกสาร ว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น
แต่ หลังจากนั้นมีสื่อมวลชนนำเรื่องราว ต่างๆ เหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในแผนผังดังกล่าว ทำให้ได้รับความเสียหายจากมุมมองของสังคม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องตัดสิน ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยายความใน ทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของศอฉ. ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา"
ทั้ง นี้ ศาลได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท เมื่อโจทก์ (นายสุธาชัย) รับฟังข้อเท็จจริงจากจำเลยที่สาม (พ.อ.สรรเสริญ) ที่ลงนามยอมความ จึงไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสามอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่สามในที่สุด
ย้อน กลับไปเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2553 พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษก ศอฉ. ได้เผยแพร่แผนผังเครือข่ายขบวนการล้มเจ้า โดยระบุว่า มีการใช้ข้อมูลข่าวสาร และสื่อ เพื่อมุ่งหวังโจมตีสถาบันเบื้องสูงอันเป็นที่รักเคารพของคนไทยทุกคน โดยเฉพาะมีการดำเนินการอย่างเป็นระบบ ผ่านทางกลุ่มบุคคลที่เป็นแกนนำหลัก และแกนนำรอง รวมถึงบางคนที่มีคดีติดตัว และหลบหนีไป
"เช่น ดา ตอร์ปิโด สุชาติ นาคบางไทร จักรภพ เพ็ญแข ชูพงษ์ ถี่ถ้วน ซึ่งท่านทั้งหลายเป็นที่ทราบว่ามีพฤติกรรมอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางสื่ออินเตอร์เน็ต เว็บไซต์ นปช.ยูเอสเอ เรดเชิ้ตอินเตอร์เนชั่นแนลออร์แกไนเซชั่น สื่อสิงพิมพ์ เช่น หนังสือพิมพ์ความจริงวันนี้ ไทยเรดนิวส์ วอยซ์ ออฟ ทักษิณ รวมถึงวิทยุชุมชนต่างๆ กลุ่มคนรักแท็กซี่ของนายชินวัฒน์ หาบุญพาด เหล่านี้คือสื่อสีแดงที่ให้ข้อมูลข่าวสารที่หมิ่นเหม่และจาบจ้วงต่อสถาบัน เบื้องสูงอันเป็นที่รักของคนไทยตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีโรงเรียนผู้ปฏิบัตินปช.แดงทั้งแผ่นดินซึ่งแกนนำนปช.ล้วนเป็น บุคลากรหลักของโรงเรียน มีความพยายามสร้างวาทกรรม มีชุดความคิดอำมาตย์ ไพร่ มีเนื้อหาในเชิงบิดเบือน ปลุกปั่น กระทบต่อความมั่นคงของรัฐตลอดเวลา" พ.อ.สรรเสริญกล่าว
ขณะ เดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ก็ยอมรับถึงการถือกำเนิดของเครือข่ายดังกล่าว โดยก่อนหน้านี้มีการพูดเป็นนัย โดยตั้งข้อสังเกตว่า พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล และแกนนำ นปช. น่าจะทำงานเชื่อมโยงกัน โดยนายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์" เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2553 ว่า ภาพรวมหลังเหตุการณ์การชุมนุมของคนเสื้อแดงผ่านมากว่า 40 วัน เริ่มมีภาพเล็กติดต่อกันชัดเจนมากขึ้นว่ากลุ่มไหนโยงกัน เมื่อฝ่ายค้านขึ้นเวทีประกาศร่วมการต่อสู้ พร้อมทั้งเหตุการณ์เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่มีการใช้กำลังอยู่ในพื้นฐานความรุนแรง มีกลุ่มเสื้อดำปฎิบัติการ ซึ่งกลุ่มคนใช้ความรุนแรงอยู่ในกลุ่มผุ้ชุมนุมบางส่วน พอความชัดเจนปรากฎก็เกิดภาพต่อสมบูรณ์แล้ว เราก็ได้เตรียมการอย่างต่อเนื่อง รัฐบาล กองทัพ ตำรวจและฝ่ายปกครอง กำลังดำเนินการให้สอดรับกันเพื่อให้มีความพร้อมในการดำเนินการขั้นต่อไป
"ชื่อ ต่างๆ ที่ปรากฎออกมา ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่ต่างคนต่างทำ ทั้งเสธ.แดง (พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกในขณะนั้น) พล.อ.ชวลิต (ยงใจยุทธ อดีตนายกฯ) หรือแกนนำผู้ชุมนุม" นายอภิสิทธิ์กล่าวเมื่อหนึ่งปีก่อน
ต่อ มาในวันที่ 24 พฤษภาคม 2553 นายสุธาชัยซึ่งมีรายชื่อใน "ผังล้มเจ้า" ของศอฉ. ได้เข้ามอบตัวกับกองปราบปราม ในฐานะผู้ต้องหาตามหมายจับในความผิดตาม พ.ร.ก.บริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จากนั้น ศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ได้มีคำสั่งให้นำตัวนายสุธาชัย ไปควบคุมตัว ณ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี โดยไม่มีการระบุข้อหาที่ชัดเจน ส่งผลให้เครือข่ายนักวิชาการ-นักศึกษา ออกแถลงการณ์ประณามกรณีดังกล่าว
ระหว่าง ถูกควบคุมตัว นายสุธาชัยได้ทำการอดอาหารประท้วง หลังเจ้าหน้าที่ได้ทำการยึดหนังสือวิชาการซึ่งนักวิชาการผู้นี้ได้นำติดตัว เข้าไปอ่านเตรียมการสอนในสถานที่ควบคุมตัว เพราะเห็นว่าตนเองถูกคุกคามสิทธิส่วนตัวและสิทธิเสรีภาพทางวิชาการ
พ.อ.สรรเสริญ ได้ให้สัมภาษณ์แก่สื่อมวลชนในกรณีการอดอาหารประท้วงของนายสุธาชัยว่า การที่นายสุธาชัยไม่รับประทานอาหารคงทำให้หิว ซึ่งเป็นสิทธิของนายสุธาชัย แต่หากไม่ทานอาหารจริง "ท่านกินเจเล่ก็คงจะอิ่มอยู่แล้ว"
กระทั่งวันที่ 31 พฤษภาคม 2553 นายสุธาชัยจึงได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ