ผังล้มเจ้า-เป็นเอกสารที่ ศอฉ เคยแถลงข่าว(ดูรายละเอียดข่าว) และสื่อนำไปขยายผล จนเป็นเหตุอ้างในการสังหารผู้ชุมนุมกว่า 92 ศพเมื่อปีกลาย เพราะถูกทำให้เชื่อว่าเป็นพวกล้มเจ้า แม้แต่ตอนนี้ธาริตDSIยังนำมาออกหมายเรียก19แกนนำ นปช. แต่พอสรรเสริญ แก้วกำเนิดสารภาพกลางศาลว่าเชื่อมโยงมั่วๆแล้วสื่อขยายความขยายผลไปเอง ปรากฎว่าไม่มีสื่อกระแสหลักนำเสนอข่าวนี้เลย นี่เป็นความเงียบอันอึกทึกครึกโครมอีกครั้งของวงการสื่อไทย
โดยทีมข่าวไทยอีนิวส์
26 พฤษภาคม 2554
ดร.สุธา ชัย ยิ้มประเสริฐ อาจารย์คณะอักษรศาสตร์ จุฬาฯได้ถอนฟ้องคดี"ผังขบวนการล้มเจ้า"ต่อนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด แล้ว หลังจากพ.อ.สรรเสริญได้แถลงยอมรับต่อศาลว่า ผังขบวนการล้มเจ้าเป็นแค่การโยงบุคคลต่างๆ ว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้เป็นต้น มิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น
ที่น่าประหลาดใจคือไม่มีสื่อกระแสหลักนำเสนอข่าวนี้เลย ทั้งที่ตอน ศอฉ แถลงข่าวผังขบวนการล้มเจ้ามีการนำเสนอย่างคึกโครม
นาย ประเวศ ประภานุกูล ทนายความดร.สุธาชัยในคดีนี้เปิดเผยว่า คดีนี้ดร.สุธาชัยได้ถอนฟ้องตั้งแต่วันที่ 22 มีนาคม 2554 ที่ผ่านมา แต่เหตุที่เพิ่งมาแถลงข่าวเมื่อวานนี้ ก็เพราะเพิ่งได้สำเนารายงานกระบวนพิจารณาฉบับจริง(รับรองสำเนาถูกต้องโดยศาล อาญา)ซึ่งในที่ประชุมแถลงข่าวก็มีสื่อมวลชนทั้งโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์จำนวนมากมาทำข่าว"ส่วนว่าทำไมสื่อไม่นำเสนอข่าวนี้เลย ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน อาจเป็นเพราะดร.สุธาชัยตอกกลับ ศอฉ แรง และตอนนั้นสื่อก็นำไปขยายผลอย่างคึกโครมหรือเปล่าก็ไม่ทราบ"
อย่างไร ก็ตามมีปัญหาตามมาว่าการที่นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีDSIออกหมายเรียก19แกนนำนปช.มามอบตัวในวันที่ 2 มิถุนายน โดยอ้างอิงจาก"แผนผังขบวนการล้มเจ้าของศอฉ."นั้น จะมีผลอย่างไร ในเมื่อศอฉ.ที่เป็นต้นเหตุบอกว่า โยงไปให้คนคิดเอง แถมคนเอาผังล้มเจ้าไปขยายผลแบบนายธาริตก็ต้องรับผลกรรมจากการถูกดำเนินคดี เองด้วย
ดร.สุธาชัยได้ถอนฟ้องจำเลยทั้งสาม ภายหลังจากพ.อ.สรรเสริญ ในฐานะจำเลยที่สาม ได้แถลงต่อศาล ดังนี้
"ประการที่หนึ่ง ศอฉ ในขณะนั้นเชื่อมั่นว่ามีขบวนการที่จ้องจะล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์จริง
ประการ ที่สอง ในช่วงเวลานั้น มีข้อมูลข่าวสาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอินเตอร์เน็ตกล่าวหาในลักษณะทำนองว่า ท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ ซึ่งเป็นราชเลขาธิการในพระองค์ของสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ โทรศัพท์มาสั่งการศอฉ อยู่ตลอดเวลา ให้ดำเนินการนานับประการกับกลุ่มผู้ชุมนุม ซึ่งข้อเท็จจริงมิได้เป็นเช่น ซึ่งหมายความว่ามีความพยายามยามจะสร้างภาพให้สังคมเห็นว่า พระองค์ท่านมีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องการเมือง ซึ่งมิได้เป็นความจริง ศอฉ ก็มีความจำเป็นที่ต้องชี้แจงข้อมูลข่าวสารให้สีงคมได้รับทราบความจริงเป็น เช่นไร
นอกจากนั้นแล้ว ศอฉ ก็ได้ขยายความลงไปเพราะว่าทางราชการมีหน่วยงานทางด้านความมั่นคง ที่สำนักนายกรัฐมนตรีได้จัดตั้งขึ้น โดยมีหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องเป็นตัวขับเคลื่อน ซึ่งหน่วยงานด้านความมั่นคงก็มีการรวบรวมข้อมูลข่าวสารของขบวนการที่จ้องจะ ล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์มาโดยตลอด จึงได้นำข้อมูลทั้งหลายเหล่านี้มาประกอบเพื่อใช้ในการชี้แจงทำความเข้าใจกับ สังคม
ประการที่สาม ในช่วงเวลาเช้าของวันเกิดเหตุ ข้าฯได้มีการแถลงข่าวให้สังคมรับทราบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นว่าไมม่เป็นความ จริงตามข้อมูลที่พยายามกล่าวหาใส่ร้ายท่านผู้หญิงจรุงจิตต์ โดยแถลงกำกับตอบไปด้วยว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องกับขบวนการล้มเจ้านั้น ในขณะนั้นมีคุณดาตอร์ปิโด กับคุณจักรภพ เพ็ญแข ซึ่งทั้งสองคนนี้มีหมายจับไว้แล้ว ในช่วงเวลาเย็นเกิดจากการประชุมในช่วงบ่ายของศอฉ.ได้มติของศอฉ ที่ต้องการจะให้นำเสนอข้อมูลข่าวสารแก่สังคมเป็นลายลักษณ์อีกษรอีกทางหนึ่ง เพื่อให้สังคมพิจารณา
ข้าฯได้รับมอบหมายให้นำเอกสารเหล่านั้นไปแจกแก่สื่อมวลชน ซึ่งเอกสารที่ไปแจกนั้นมิได้หมายความว่าผู้ที่มีชื่อในเอกสารเป็นผู้เกี่ยว ข้องในฐานะอยู่ในขบวนการล้มล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ แต่เป็นความเกี่ยวข้องสัมพันธ์ในลักษณะต่างๆ ซึ่งให้สังคมพิจารณาและวินิจฉัยเอาเอง ซึ่งมีรายละเอียดอยู่ในเอกสาร ว่าแต่ละคนเกี่ยวข้องกันในฐานะอะไร เช่น เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะญาติพี่น้อง เกี่ยวข้องสัมพันธ์กันในฐานะผู้ทำธุรกิจร่วมกันอย่างนี้เป็นต้น ซึ่งมิได้แถลงเลยว่า บุคคลทั้งปวงเหล่านั้นมีความสัมพันธ์ในฐานะที่เป็นผู้อยู่ในขบวนการ และมิได้ให้หมายความเช่นนั้น
แต่หลังจากนั้นมีสื่อมวลชนนำเรื่องราว ต่างๆเหล่านี้ไปขยายผล ขยายความ ซึ่งอาจจะส่งผลต่อผู้ที่เกี่ยวข้องในแผนผังดังกล่าว ทำให้ได้รับความเสียหายจากมุมมองของสังคม เพราะเป็นเรื่องที่สังคมจะต้องตัดสิน ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยายความใน ทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของศอฉ ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา"
ทั้ง นี้ศาลได้ดำเนินการไกล่เกลี่ยและประนอมข้อพิพาท เมื่อโจทก์(ดร.สุธาชัย)รับฟังข้อเท็จจริงจากจำเลยที่สาม(พ.อ.สรรเสริญ)จึง ไม่ติดใจที่จะดำเนินคดีต่อจำเลยทั้งสามอีกต่อไป จึงขอถอนฟ้องจำเลยที่สาม
ก่อน หน้านี้นายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เคยให้สัมภาษณ์ว่าแผนผังดังกล่าวเป็นเรื่องที่คิดกันขึ้นสดๆในที่ประชุมศอ ฉ.ในตอนที่จะหาเหตุสลายการชุมนุมเสื้อแดงเมื่อเดือนพฤษภาคมปีกลายนั่นเอง และยังรู้สึกละอายใจที่กุเรื่องนี้ขึ้นมา
แผนผังล้มเจ้าธาริตนำมาเป็นเครื่องมือออกหมายเรียก19แกนนำนปช.
นาย ธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอได้นำผังล้มเจ้ามาออกหมายเรียก 19 แกนนำนปช.เข้ารายงานตัวและขู่จับขังคุก หากเป็นไปตามที่พ.อ.สรรเสริญแถลงว่า ส่วนผู้ที่ได้รับความเสียหายที่เกิดขึ้นจะฟ้องร้องกับผู้ที่นำไปขยาย ความในทางที่ผิดจากเจตนารมณ์ของศอฉ ก็สุดแล้วแต่บุคคลเหล่านั้นจะพิจารณา งานนี้นายธาริตน่าจะเจองานเข้าอย่างหนักในลำดับต่อไป
อย่าง ไรก็ตาม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดี ดีเอสไอ แถลงเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่า มีมิติให้ดีเอสไอดำเนินคดีความผิดต่อความมั่นคงว่าด้วยการล่วงละเมิดสถาบันฯ ตั้งแต่ปี 2553
การดำเนินคดีนี้ไม่ใช่การกระทำผิดเฉพาะตัวบุคคล แต่เป็นการกระทำความผิดในลักษณะเครือข่าย มีการแบ่งหน้าที่กันทำ มีทั้งฝ่ายตัวการร่วมฝ่ายผู้สนับสนุน ฝ่ายออกความคิดและฝ่ายให้เงินสนับสนุนให้มีการเปิดเว็บไซต์ เป็นลักษณะเครือข่ายที่เกี่ยวพันต่อเนื่องกันมาโดยตลอด ดีเอสไอมีความเห็นว่าความผิดในคดีล้มเจ้าเป็นความผิดคู่ขนานกับความผิดฐาน ก่อการร้าย ผู้กระทำความผิดทั้ง 2 คดี เป็นบุคคลกลุ่มเดียวกัน
ดัง นั้นการกระทำความผิดล่วงละเมิดสถาบันฯ เมื่อวันที่ 10 เม.ย. 54 จึงไม่ได้เป็นการกระทำความผิดเพียงคนเดียวของนายจตุพร พรพันธุ์ หรืออีก 3 คน ที่ขึ้นพูดบนเวทีปราศรัย แต่ได้พิจารณาเห็นว่ามีผู้ที่เข้าข่ายเกี่ยวข้องไม่เป็นตัวการร่วม หรือเป็นผู้สนับสนุนในความผิด 2 ฐานหลักคือความผิดยุยงปลุกปั่นตามมาตรา 116 และการล่วงละเมิดสถาบันฯ ตามมาตรา 112 ประมวลกฎหมายอาญา จากพฤติการณ์ดังกล่าว เบื้องต้นมีความผิดเพียงพอที่ดีเอสไอจะแจ้งข้อกล่าวหาคดีล้มเจ้ากับผู้ต้อง หา 19 คน โดยทั้ง 19 คน อยู่ในแผนผังตามที่ ศอฉ.ได้ร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดีเอสไอดำเนินคดีก่อนหน้านี้
อธิบดี ดีเอสไอ กล่าวอีกว่า สำหรับกำหนดตารางกันการทำงานของพนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จะเริ่มจากวันจันทร์ ที่ 23 พ.ค. ดีเอสไอจะออกหมายเรียกส่งจดหมายไปยังทั้ง 19 คน เพื่อให้มารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 2 มิ.ย.54 เวลา 09.00 น.ที่สำนักคดีอาญาพิเศษ ดีเอสไอ ชั้น 8 ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียติ อาคารบี
สำหรับ รายชื่อ แกนนำ นปช.และ ส.ส.พรรคเพื่อไทย ถูกดีเอสไอออกหมายเรียกดำเนินคดีล้มเจ้าทั้ง 19 คน ประกอบด้วย นายจตุพร พรหมพันธุ์ นพ.เหวง โตจิราการ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นางธิดา ถาวรเศรษฐ์ นายการุณ โหสกุล นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท นายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ นายชินวัฒน์ หาบุญพาด นายวิเชียร ขาวขำ นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ หรือ แรมโบ้อีสาน นายขวัญชัย สาราคำ หรือ ไพรพนา นายนิสิต สินธุไพร จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ นายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ นางลดาวัลลิ์ วงศ์ศรีวงศ์ นายสมชาย หรือพิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ และนายพายัพ ปั้นเกตุ ที่ถูกเพิ่มชื่อเข้ามาล่าสุด
******
เรื่องเกี่ยวเนื่อง
-ข่าวคึกโครมระดับโลกที่เงียบเชียบในสื่อไทย วิกิลีกส์ตีแผ่อีกเปรม-อานันท์ปูดข้อมูลลับระดับสูงสู่ทูตสหรัฐ
-รวมฮิตลากไส้สื่อเหี้ย เชิญโหลดกระจาย
-จารึกไว้ใต้ZONE TEEN:วัยรุ่นกรี๊ดสรรเสริญ
-ดีเอสไอเรียก 19 นปช.แจ้งข้อหาคดีล้มเจ้า 2 มิ.ย.นี้
-แผนผังล้มเจ้าระเบิดเวลาโค่นเพื่อไทย