เมื่อ วันที่ 11 พฤษภาคม ที่กองการบินกรมการขนส่งทหารบก (ขส.ทบ.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ให้สัมภาษณ์ก่อนเดินทางไปตรวจพื้นที่บริเวณชายแดน จ.แม่ฮองสอน ถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลรักษาความปลอดภัยในช่วงเลือกตั้งว่า เป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ไม่ได้เป็นความรับผิดชอบของทหารโดยตรง แต่ในส่วนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) จะมีหน้าที่เกี่ยวข้อง โดยจะมีการติดตามข้อมูลด้านการข่าวและบูรณาการการข่าวเหล่านั้นไปสู่การ ปฏิบัติ ซึ่งหากมีข่าวไม่ดีหรือมีเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยก็จะแจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ ตำรวจ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงรับทราบเพื่อให้ดำเนินการทหารคงไม่มีส่วนเกี่ยว ข้องตรงนี้
เมื่อถามว่า ในช่วงเริ่มต้นของการเลือกตั้งก็มีเหตุรุนแรง มีการยิงนายประชา ประสพดี อดีต ส.ส.สมุทรปราการ พรรคเพื่อไทย กองทัพมองเรื่องนี้อย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า แค่เริ่มต้นยังไม่สามารถพูดได้ กระบวนการประชาธิปไตยต้องว่ากันไป ประชาธิปไตยแบบไทยๆ ถ้าเรายังแก้กันไม่ได้ ก็อย่าไปหาคนอื่นมาแก้ ต้องแก้กันเอง ถ้าทุกเรื่องแก้ไม่ได้หมด ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ตนเคยพูดไปตั้งแต่แรกแล้วว่า ทหารเรามีหน้าที่ของเราเฉพาะอยู่แล้ว ดังนั้น ถ้าท่านโยงทหารเข้าไปเกี่ยวในทุกเรื่องมันเป็นไปไม่ได้ เรื่องต่างๆ เหล่านี้อยากให้สื่อมวลชนไปเตือนไปพูดให้ประชาชนได้ตระหนักถึงภัยที่กำลังจะ เกิดขึ้น มีการเลือกตั้งมาไม่รู้กี่สิบครั้งแล้ว ก็มีความรุนแรงทุกครั้ง แล้วตนอยากถามว่าเกิดจากใคร ก็ต้องไปหาให้เจอว่าใครเป็นคนทำให้เกิด แล้วจะต้องดำเนินคดีกับใคร หลายอย่างอยู่ที่ประชาชนเป็นผู้เลือก เป็นผู้ที่กำหนดชะตาของบ้านเมือง เพราะเป็นระบบประชาธิปไตย
"ไม่ ใช่เฉพาะเลือกตั้งแล้วแรง บ้านเมืองไทยก็แรงอยู่แล้ว เพราะคนไม่เคารพกฎหมาย ถ้าเคารพกฎหมายทุกอย่างจบหมด ถ้าประชาชนเคารพกฎหมาย เจ้าหน้าที่ปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัดมันคงไม่มีเรื่อง ดังนั้น อยู่ที่ 2 ประเด็นนี้เท่านั้น ประเด็นอื่นๆ ไม่มีใครที่จะสามารถจะทำนอกกฎหมายได้ เจ้าหน้าที่ก็ทำผิดไม่ได้ ถ้าทำผิดก็ต้องมาว่ากันตามกระบวนการยุติธรรม ทั้งนี้ ทุกอย่างต้องมาพูดคุยกันว่าจะทำยังไงให้บ้านเมืองปลอดภัย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย แล้วสังคมเป็นคนตัดสินว่าอะไรถูกอะไรผิด ใครดีใครไม่ดี แล้วท่านจะเลือกตั้งใคร ไม่เลือกตั้งใคร ก็เรื่องของประชาชน โตแล้ว มีประชาธิปไตยมากี่ปีแล้ว แล้วถึงวันนี้ท่านก็ยังมาทวงถามประชาธิปไตยกันอยู่ ผมก็ไม่เข้าใจว่าบ้านเมืองเรามันไม่เป็นประช่าธิปไตนตั้งแต่เมื่อไร ก็เห็นเป็นประชาธิปไตยมาตลอด" พล.อ.ประยุทธ์ระบุ
เมื่อถามว่า มีความเป็นห่วงสถานการณ์ในช่วงเลือกตั้งที่เกิดขึ้นนี้หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทุกคนคนในประเทศไทยก็ต้องเป็นห่วง คงไม่ใช่เฉพาะทหาร เคยบอกไปแล้วว่าประเทศไทยจะเดินไปข้างหน้าได้ไม่ได้อยู่ที่เจ้าหน้าที่เพียง อย่างเดียว ทั้งประชาชนและเจ้าหน้าที่ต้องร่วมมือกันทำหน้าที่ในการที่ในการทำให้ประเทศ ไทยมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ประชาชนต้องช่วยกันเฝ้าระวัง รวมทั้งไม่ให้ความร่วมมือในการกระทำผิดกฎหมายทุกรูปแบบ อย่างไรก็ตาม ตราบใดก็ตามที่ประชาชนยังไม่ตระหนักถึงภัยอันตรายที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองของ เราเอง ยังร่วมมือกันกระทำผิดกฎหมาย หรือเห็นการกระทำผิดกฎหมายแล้วไม่ได้แจ้งเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามกฎหมาย ที่มีอยู่ ท่านก็จะหาความปลอดภัยในบ้านเมืองไม่ได้ ดังนั้น ประชาชนทุกคนต้องร่วมมือกันและแจ้งเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่มีวาระความรับผิดชอบทางกฎหมายอยู่ มีผู้รับผิดชอบโดยตรงอยู่แล้ว ดังนั้น ประชาชนต้องมีส่วนร่วม
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวต่อว่า ทหารพยายามไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองอยู่ตลอด แต่ยังมีบางสื่อที่พยายามเสนอว่าทหารจะปฏิวัตินั้น มองว่ามันไม่ใช่เวลาและจะไม่พูดเรื่องนี้อีก แต่ก็ยังมีความพยายามเอาทหารเข้าไปยึดโยงเข้าไปยุ่งเกี่ยว ซึ่งหากจะวิจารณ์อย่างไรก็แล้วแต่ การเมืองจะเป็นอย่างไรก็แล้วแต่ ขอร้องอย่าเอาทหารเข้าไปเกี่ยว เพราะเป็นคนละเรื่อง จะเห็นว่าทหารจะถูกลากไปเกี่ยวข้องในทุกๆ เรื่อง ทำให้ประชาชนอาจจะเข้าใจไม่ถูกต้องและทำให้เสื่อมเสียต่อกองทัพบก โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่เอามาพูดมาว่าทหารอยู่เบื้องหลังของการเมือง ตนเรียนว่าไม่มี เป็นเรื่องของการเมือง
เมื่อถามถึงกรณีที่ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ออกมาระบุห้ามไม่ให้ข้าราชการทำตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้ง พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ข้าราชการคือใคร เป็นทหารหรือไม่ ถ้าเป็นทหารตนก็จะลงโทษ แต่ถ้าไม่ใช่ทหารก็ให้ต้นสังกัดต่างๆ เขาดำเนินการ ซึ่งเท่าที่ทราบก็มีการดำเนินการไปแล้ว มีการตักเตือนหรือมีการลงโทษก็ว่าไป ทั้งนี้ ในส่วนของทหารตนได้สั่งไปแล้วว่าทุกคนต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พยายามอย่าไปยุ่งเกี่ยว เป็นเรื่องของทางการเมือง