หน้าห้องพิจารณาคดีที่ 7 ชั้น 2 ตึกศาลยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ มีคนกลุ่มหนึ่งมาเจอกัน โดยแทบจะไม่มีใครรู้จักกันมาก่อน พวกเขามาเพราะเชื่อมั่นว่า “เราไม่ทอดทิ้งกัน”
ลุงสุจิต อินทชัยและป้าศรีบุตร์ผู้เป็นภรรยานั่งรออยู่หน้าห้องด้วยสีหน้าวิตกกังวล ลุงกำลังจะเข้าฟังศาลอ่านคำพิพากษา นิกรเพื่อนของลุงสุจิต ผู้ถูกดำเนินคดีเสื้อแดงอีกคนนั่งหน้าหม่นไม่ต่างกัน เขาขี่มอเตอร์ไซค์มาจาก อ.แม่ออนเพื่อมาให้กำลังใจลุง ทนายอาสาสองคนจากกลุ่มยุติธรรมล้านนาปรึกษาหารือกันเรื่องจะหาเงินประกันตัว จากไหนหากลุงถูกตัดสินจำคุก อาสาสมัครจากศปช. (ศูนย์ข้อมูลประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากการสลายการชุมนุมเม.ย.-พ.ค.53) และนักกิจกรรมหญิงซึ่งพยายามจัดตั้งกลุ่มครอบครัวผู้ต้องขังคดีการเมืองยืน ลุ้นตัวโก่งอยู่หน้าห้อง เกือบได้เวลาอ่านคำพิพากษา ทนายของลุงคือคุณกิตติไกร ไกรคุ้ม ซึ่งไม่มีใครเคยเจอมาก่อนก็เดินทางมาถึง
ระหว่างที่ลุงอยู่ในคุก ภรรยาและลูกชายจะไปเยี่ยมสัปดาห์ละครั้ง ฝากเงินให้ลุงไว้ใช้จ่ายครั้งละ 500-1,000 บาท ป้าเล่าว่า “ตำรวจมาจับตัวลุงไปตั้งแต่วันที่ 30 พ.ค. 53 มาตอน 7 โมงเช้า ลุงยังไม่ตื่น ป้าขึ้นไปปลุก แล้วเขาก็เอาตัวลุงซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ไป ลุงเขาชอบไปชุมนุม ใส่เสื้อแดง โพกผ้าแดง เอาธงแดงติดรถมอเตอร์ไซค์ ป้าห้ามก็ไม่ฟัง ลุงว่าทำเพื่อลูกเพื่อหลาน ช่วงวันที่ 10 มีนาก็ไปชุมนุมที่กรุงเทพด้วยสิบกว่าวัน ลุงขอเงินป้าไป เราเป็นห่วงแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ลุงมีโรคประจำตัวต้องกินยาจากโรงพยาบาลสวนปรุงทุกวัน ไม่กินจะเพี้ยน”
โชคดีที่ทนายกิตติไกร เพื่อนบ้านของลุงเข้ามาช่วยเหลือว่าความให้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ผมรู้จักกับลุงมาก่อน ลุงนิสัยดี ป้าเขามาขอให้ผมช่วย ไปเยี่ยมผมยังต้องเอามาม่าไปฝากเป็นลัง มาศาลก็เลี้ยงข้าว และให้ค่าน้ำมันลุงด้วย ลุงเขามีอาชีพรับจ้าง รายได้น้อย”
กลับบ้านเย็นนี้ลุงสุจิตต้องทำกับข้าวเลี้ยงทนายกิตติไกรเป็นการตอบแทน ที่ช่วยว่าความให้ (แต่ทนายเป็นคนซื้อและออกค่ากับข้าว ส่วนแกเป็นคนทำ-ฮา) “ผมเสียพระเครื่องไปสององค์ให้ทนาย แกไม่คิดเงินผม” ลุงยังยิ้มไม่หุบ ลุงบอกว่า “รู้สึกดีใจมาก โล่งใจ ตอนอยู่ในคุก เครียดมาก อยากออกมาลุย รัฐบาลมันสองมาตรฐาน มันไม่เป็นธรรม อยากต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม”
นอกจากลุงสุจิตและนิกรแล้ว กลุ่มยุติธรรมล้านนายังมีคดีของคนเสื้อแดงอยู่ในมืออีกกว่า 40 คดี และมีทนายอาสาสมัครอีก 25 คนที่อาสาทำคดีให้กับผู้ต้องหาเสื้อแดงโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
...เช้านี้ที่ศาลยุติธรรมจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับข่าวดีของลุงสุจิต ความหมายของข้อความ “เราไม่ทอดทิ้งกัน” ได้ปรากฏให้เห็นอย่างเด่นชัดผ่านภาพการมารวมตัวกันของมวลชนคนธรรมดา ทั้งผู้ต้องขัง ผู้ต้องหา ญาติ ทนายอาสาและนักกิจกรรม
วันที่ 3 ก.ค. ที่จะมาถึงในอีกไม่กี่วัน ในฐานะมวลชนผู้ตื่นตัวทางการเมืองและผ่านการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาอย่าง โชกโชน พวกเขาจะไปใช้สิทธิเลือกตั้งให้หายอยาก อย่างไม่จำเป็นต้องถาม แน่นอนว่าพวกเขาเลือกพรรคเพื่อไทย คำถามที่เหลือจึงมีเพียงว่า เมื่อมวลชนไม่ทอดทิ้งกันและไม่ทอดทิ้งพรรค สุดท้ายพรรคจะทอดทิ้งมวลชนหรือไม่