แม่ทัพ 4 ตั้งกรรมการอิสระสอบสุไลมาน แนซา ตายในค่ายอิงคยุทธบริหาร ประชุม 3 ครั้ง ยังสรุปไม่ได้ผู้คอตายหรือถูกทำให้ตาย ตั้งประเด็นสอบภาวะกดดันก่อนตาย พบพิรุธสวมหมวกปิดรอยช้ำตอนญาติมาเยี่ยม
แวดือราแม มะมิงจิ ประธาณคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี
นายแวดือราแม มะมิงจิ ประธาณคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดปัตตานี ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบการเสียชีวิตของนายสุไลมาน แนซา ผู้ถูกควบคมตัวที่เสียชีวิตในค่ายอิงคยุทธบริหาร อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานี ซึ่งมาจากการแต่งตั้งของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) ภาค 4 เปิดเผยว่า คณะกรรมการจะนัดประชุมครั้งที่ 4 ในเวลา 13.00 น. วันที่ 1 สิงหาคม 2553 ที่โรงแรมเซาท์เทิร์นวิว อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี
นายแวดือราแม เปิดเผยต่อว่า จากการประชุมไป 3 ครั้งที่ผ่านมา ยังไม่สามารถสรุปได้ว่านายสุไลมานผูกคอตายเองในห้องควบคุมตัวที่พบศพหรือถูกทำให้ตายโดยผู้อื่น เนื่องจากยังต้องรอแพทย์นิติเวชมาให้ข้อมูลยืนยันอีกครั้งในการประชุมครั้งที่ 4 ที่จะมีขึ้นนี้
นายแวดือราแม เปิดเผยอีกว่า อย่างไรก็ตามจากการประชุมที่ผ่านมา คณะกรรมการได้ตั้งประเด็นของการตายของนายสุไลมานไว้ 3 - 4 ประเด็น ได้แก่ ความกดดันของนายสุไลมานก่อนเสียชีวิต ซึ่งจากการสัมภาษณ์ญาติของนายสุไลมานที่ได้เข้าไปเยี่ยมนายสุไลมานก่อนตาย 2 วัน พบว่านายสุไลมานมีอาการอ่อนเพลีย ทั้งนี้ก่อนพบศพนายสุไลมานเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2553 นายสุไลมานถูกควบคุมตัวมาตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2553
นายแวดือราแม เปิดเผยต่อว่า ประเด็นต่อมา คือสภาพการตาย เนื่องจากพบว่านายสุไลมานคอหักและมีรอยช้ำตามตัวหลายจุดว่า เกิดจากอะไร ได้แก่ บริเวณคอ ต้นขา บริเวณลูกอัณฑะและทวารหนักมีเลือดไหลซึมออกมาไม่หยุด เป็นต้น ซึ่งต้องรอผลการวินิจฉัยของแพทย์นิติเวช แต่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ฝ่ายทหารและตำรวจยืนยันว่าสภาพศพปกติ และเป็นการฆ่าตัวตาย
นายแวดือราแม เปิดเผยด้วยว่า ที่ผ่านมา คณะกรรมการได้เชิญหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลแล้ว รวมทั้งได้ตั้งคณะอนุกรรมการ 2 ชุด ในการตรวจสอบในเรื่องนี้ โดยชุดแรกทำหน้าที่ลงไปเก็บข้อมูลในพื้นที่ โดยการสัมภาษณ์พ่อแม่และผู้ที่เกี่ยวข้อง ชุดที่สองทำหน้าที่เก็บข้อมูลในศูนย์เสริมสร้างความสมานฉันท์(ศสฉ.) ภายในค่ายอิงคยุทธบริหาร ซึ่งคณะอนุกรรมการทั้ง 2 ชุด ได้รายงานผลการเก็บข้อมูลมาแล้ว
นายแวดือราแม เปิดเผยเสริมว่า สำหรับคณะกรรมการชุดนี้ เกิดขึ้นเนื่องจากการยื่นคำร้องของกลุ่มนักศึกษาไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 ในฐานะผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 โดยเชิญตนมาเป็นประธาน จากนั้นได้เชิญตัวแทนหน่วยงานต่างๆมาเป็นกรรมการทั้งจากภาครัฐและภาคประชาชน โดยมีกรอบเวลาในการทำงาน 1 เดือน แต่อาจต้องขยายเวลาเพิ่ม
นายแวดือราแม กล่าวว่า ตนเองก็ไม่เชื่อว่านายสุไลมานจะผูกคอตายเองเช่นเดียวกับคนทั่วๆ ไป เนื่องจากศาสนาอิสลามสอนว่าการฆ่าตัวตายนั้นเป็นบาป และตนเองก็อยากรู้เช่นกันว่า เหตุใดนายสุไลมายถึงไปตายในค่ายทหาร ซึ่งกรณีนี้ทางพล.ท.พิเชษฐ์ วิสัยจร แม่ทัพภาคที่ 4 ได้ให้อิสระเต็มที่ในการตรวจสอบของคณะกรรมการชุดนี้
ส่วนในรายงานการประชุมครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม 2553 ที่โรงแรมซีเอส อำเภอเมือง จังหวัดปัตตานี ระบุถึงการให้ข้อมูลของนายรุสดี ตาเยะ ประธานชมรมอิหม่ามจังหวัดปัตตานีว่า ก่อนนายสุไลมานเสียชีวิต 2 วัน ครอบครัวของนายสุไลมานไปเยี่ยมที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร พบว่า นายสุไลมานได้สวมหมวกออกมาพบ ซึ่งผิดวิสัยเนื่องจากทุกครั้งที่มาเยี่ยมนายสุไลมานไม่เคยสวมหมวก