เริ่มตั้งแต่พรรคเพื่อไทยมีมติส่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ลงสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อหรือปาร์ตี้ลิสต์ลำดับ 1
ซึ่งเท่ากับเป็นการประกาศไปในตัวว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ คือผู้ท้าชิงตำแหน่งนายกฯ กับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคและผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ลำดับที่ 1 จากพรรคประชาธิปัตย์
ต่อมาในการยื่นเปิดรายชื่อผู้สมัครส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ที่กฎหมายกำหนดไว้ 125 คนต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่หัวหน้าพรรคแต่ละพรรคต้องจับสลากหมายเลขประจำพรรค
ปรากฏพรรคเพื่อไทยจับได้เบอร์ 1 พรรคประชาธิปัตย์จับได้เบอร์ 10
ส่วนพรรคดังๆ ที่เหลือ พรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน เบอร์ 2 พรรครักประเทศไทยของนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เบอร์ 5 พรรคพลังชล เบอร์ 6
พรรครักษ์สันติของร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ เบอร์ 12 พรรคกิจสังคม เบอร์ 14 พรรคภูมิใจไทย เบอร์ 16 พรรคชาติไทยพัฒนา เบอร์ 21 และพรรคมาตุภูมิของพล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เบอร์ 26
พรรคไหนได้เบอร์อะไรถึงจะไม่มีผลต่อคะแนนเสียง แต่ก็น่าจะมีผลกับขวัญกำลังใจผู้สมัคร
จากนี้ยังต้องรอวันที่ 24-28 พ.ค. คิวเปิดรับสมัครส.ส.ระบบเขต ก่อนจะนำเบอร์ประจำแต่ละพรรคไปขึ้นป้ายหาเสียงเหมือนกันทั้ง 375 เขตทั่วประเทศ
สรุปว่าใครเป็นใคร สังกัดพรรคใดในการเลือกตั้ง ต้องรอถึงวันสุดท้ายของการรับสมัคร 28 พ.ค.นี้ก่อนถึงจะแน่นอนร้อยเปอร์เซ็นต์
ถึงจะมีความคืบหน้าในหลายเรื่อง แต่ภาพรวมการเลือกตั้งยังไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
ยังเป็นสนามต่อสู้ของ 2 พรรคใหญ่คือประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย โดยมีพรรคขนาดกลางและเล็กเป็นตัวแปร
เพื่อไทยนั้นได้ชื่อเป็นพรรคการเมืองทุนหนา โดดเด่นในเรื่องนำนโยบายมาทำให้เป็นจริงในทางปฏิบัติ
การที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตัดสินใจส่งน้องสาวคนเล็กมาทำหน้าที่แม่ทัพสู้ศึกเลือกตั้งหนนี้ หลายคนเชื่อว่าน่าจะมีรายการ'จัดหนัก'ไม่ต่างจากพ.ต.ท.ทักษิณมาเอง
หรืออาจจะยิ่งกว่า เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ คงไม่ปล่อยให้น.ส.ยิ่งลักษณ์ น้องสาวที่เป็นทั้งทายาททางธุรกิจ และทายาททางการเมือง ต้องพ่ายแพ้หมดรูปแน่นอน
ขณะที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ เองหลังเข้ามาทำหน้าที่นำทัพพรรคเพื่อไทย ก็ฉายแววให้เห็นว่าถึงเป็นผู้หญิงแต่ก็เป็นคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อกับนาย อภิสิทธิ์
โดยเฉพาะประโยคทอง'ไม่แก้แค้น แต่จะแก้ไข' กลายเป็นคำฮิตติดตลาดเพียงชั่วข้ามวัน
ส่วนนโยบายหาเสียงภายใต้สโลแกน'ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ' คือการตอกย้ำความเชื่อมั่นว่าชื่อ'ทักษิณ' ยังขายได้ในตลาดเมืองไทย
การที่น.ส.ยิ่งลักษณ์ มีประสบการณ์เป็นผู้บริหารธุรกิจหมื่นล้านมาก่อน ทำให้มีข้อเด่นเหนือกว่าคู่แข่งในด้านความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจเงินๆ ทองๆ
ถึงประสบการณ์ทางการเมืองจะเป็นรองก็จริง แต่ก็มีคนในพรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยเติมส่วนที่ขาดตรงนี้
การเข้าสู่การเมืองของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ถึงจะไม่ได้อยู่นอกเหนือความคาดหมาย แต่ก็สร้างความหวาดวิตกให้กับพรรคประชาธิปัตย์ไม่น้อย
เห็นจากการที่ลูกพรรคบางคนแค่ได้ยินว่า'ยิ่งลักษณ์'จะมาเป็นปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับ 1 ก็งัดเอาข้อมูลเรื่องส่วนตัวขึ้นมาโจมตีทันที จนผู้ใหญ่ในพรรคต้องรีบห้ามปรามเพราะกลัวเข้าเนื้อตัวเอง
หรือล่าสุดมีความพยายามจะบอกว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ อาจขาดคุณสมบัติลงสมัครส.ส. เนื่องจากมีส่วนเกี่ยวพันกับคดีที่พ.ต.ท.ทักษิณถูกยึดทรัพย์
ยังดีที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. รีบออกมาเคลียร์ให้ก่อน เรื่องเลยจบเร็ว
หลังเกมตื๊อ'ดีเบต'ไม่ได้ผล แถมถูกคนโดนตื๊อตอกกลับว่าถนัดทำงาน ไม่ถนัดพูด
พรรคประชาธิปัตย์จึงต้องเปลี่ยนเป้า หันมาโจมตีน.ส.ยิ่งลักษณ์ เข้ามาทำงานการเมืองเพื่อหาทางนิรโทษกรรมให้พี่ชายของตนเอง
ทั้งยังพยายามขยายผลขัดแย้งเรื่องที่เพื่อไทยวางตัวแกนนำเสื้อแดงไว้ในบัญชีปาร์ตี้ลิสต์จำนวนมาก
อย่างไรก็ตามเรื่องที่นำมาโจมตี เท็จจริงอย่างไรต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
โดยเฉพาะการนิรโทษกรรมพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ต่อให้พรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งก็ใช่ว่าจะทำได้ง่ายๆ หรือทำได้เลยทันที เพราะถ้าชัดเจนขนาดนั้นประชาชนคงไม่ยอม
สำหรับโพลสำรวจคะแนนนิยมพรรคการเมือง ที่ผ่านมาช่วงโค้งแรกยังผลัดกันแพ้-ชนะ ระหว่างพรรคประชาธิปัตย์กับเพื่อไทย
โดยมีกลุ่มพลังเงียบอีกกว่าครึ่งยังไม่ตัดสินใจเพราะต้องการรอฟังนโยบายแต่ละพรรคให้ชัดเจนกว่านี้ก่อน
ขณะที่สองพรรคใหญ่ยังเกทับกันไปมาด้วยจำนวนตัวเลขที่คาดว่าจะได้รับเลือก แล้วก็เป็นฝ่ายประชาธิปัตย์ที่เผยพิรุธออกมาก่อน
เพราะในขณะที่ปากบอกมั่นใจจะได้ส.ส.เกินกว่า 200 เสียง ยกทีมพรรคร่วมหน้าเก่ากลับมาจัดตั้งรัฐบาลอีกรอบ
แต่พอฝ่ายตรงข้ามท้าทายให้จับมือลงสัตยาบันเปิดทางให้พรรคเสียงมากอันดับ 1 ได้จัดตั้งรัฐบาลก่อน กลับทำไม่รู้ไม่ชี้อ้างกฎหมายเปิดช่องให้พรรคที่รวบรวมเสียงข้างมากได้เป็น ฝ่ายจัดตั้งรัฐบาล
สอดรับกับกระแสคนวงในฟันธงถึงเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้ง แต่ก็ไม่ได้เป็นรัฐบาล ขู่ให้พรรคเล็กพรรคน้อยถอยห่างออกจากคนชื่อทักษิณ
ทำให้ล่าสุด"นายใหญ่'ต้องออกมายืนยัน
ทั้งยังให้นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคแถลงย้ำซ้ำสองว่าถ้าหากพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งได้ส.ส.เกินครึ่ง 250 เสียง
ก็ยังพร้อมเปิดกว้างจับมือกับพรรคอื่น ตั้งเป็น'รัฐบาลผสม'เพื่อให้เกิดความมั่นคงในการบริหารประเทศ
เพื่อไทยเปิดจุดยืนแลกหมัดกับประชาธิปัตย์ ล่อใจพรรคขนาดกลางและพรรคขนาดเล็กเข้าเป็นพวก หวังหักล้างประเด็น'ชนะแต่ไม่ได้เป็นรัฐบาล'
ต้องจับตาเพื่อไทยจะฝืนชะตากรรมสำเร็จหรือไม่