นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการประชาไท
นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เนชั่น
นายวัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนและคอลัมนิสต์
รับชมข่าว VDO ชมคลิป
เมื่อ วันที่ 10 พ.ค. ที่อนุสรณ์สถาน 14 ตุลา สี่แยกคอกวัว ได้มีการจัดเสวนาภายใต้หัวข้อ "คุกคามสื่อ คุกคามประชาชน" ต่อกรณีนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข บรรณาธิการนิตยสาร voice of taksin ถูกจับเมื่อวันที่ 30 เม.ย. ที่ผ่านมา
นายชูวัส ฤกษ์ศิริสุข บรรณาธิการบริหารเว็บไซต์ประชาไท กล่าวว่า ตามข่าวที่ว่าเว็บไซต์ประชาไทถูกคุกคามในรูปแบบต่างๆ นับว่าเป็นปรากฎการณ์ที่ถือว่าโชคดี เพราะว่าโดนน้อยที่สุด เนื่องจากกรณีอื่น หลายๆ กรณีโดนข้อหาหมิ่นฯ หรือมาตรา112 ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อม และมักจะมีมาตรฐานที่ไม่ได้รับประกันตัว ส่วนกรณีของคุณจีรนุช เปรมชัยพร ผู้อำนวยการเว็บไซต์ประชาไท ก็อยู่ในสถานะที่ดีกว่าเพราะไม่ได้โดนมาตรา 112 เหมือนคุณสมยศ แต่โดนเนื่องจากผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในมาตรา 14 กล่าวคืออยู่ในสถานะตัวกลาง
ซึ่งกรณีดังกล่าวมัน น่าจะจบไปแล้ว ที่ตัวกลางไม่ควรโดนเพราะเป็นแค่เวทีเผยแพร่ความคิดเห็นเท่านั้น ต่อให้ความคิดเห็นนั้นมีลักษณะหมิ่นประมาทก็ตาม ทั้งที่ความผิดควรจำกัดอยู่ที่ข้อความเห็นเท่านั้น ไม่ใช่โดนทั้งเข่ง และคุณจีรนุชเองก็น่าจะเป็นคนแรกๆ ที่ถูกดำเนินคดี หลังการรัฐประหาร 2549 โทษฐานที่เว็บไซต์ประชาไทเปิดให้มีการแสดงความคิดเห็น ทั้งที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการแสดงความคิดเห็นนั้นเลย เมื่อพิจารณาแล้วก็เป็นเพียงความคิดเห็นต่าง ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ในขั้นตอนพิจารณาของศาล
ประชา ไทถูกบังคับไม่ให้นำเสนอคือ เรื่องเกี่ยวกับสถาบัน ศาสนา และชาติพันธุ์หรือเชื้อชาติ แต่ที่เป็นปัญหาเพราะข้อความที่วิพากษ์วิจารณ์ ถูกตีความอย่างกว้างขวางจากรัฐ ไม่ว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ประชาไทต้องมีส่วนรับผิดชอบในกรณีที่ผ่านๆ มา แต่ด้วยความที่คุณจีรนุชเป็นผู้หญิง เรียบร้อย เข้าใจว่าได้รับเห็นใจก็เลยให้ประกันตัว อีกทั้งคุณจีรนุชพูดภาษาอังกฤษได้ ทำให้การถูกคุกคามของประชาไท ได้เปิดประตูสู่โลกให้เห็นว่า เกิดอะไรขึ้นในประเทศไทย และมีการละเมิดสิทธิต่างๆ มากมายขนาดไหน
การ ที่สื่อถูกคุกคามด้วยกฎหมาย ถือว่าเป็นเรื่องปกติ ประชาไททุกวันนี้อยู่ได้ด้วยนายทุน นายทุนงดให้การสนับสนุนเพราะกลัวถูกผลกระทบด้านภาพลักษณ์ ประชาไทก็ยังอยู่ได้ด้วยการบริจาค แต่หลังจากเกิดเรื่อง งบจากการบริจาคก็ถูกตัด จะมีแต่องค์กรสิทธิมนุษยชนที่เข้ามาช่วยเหลือในสถานการณ์ที่ถูกละเมิด
นอก จากนี้ยังมีการคุกคามจากโทรศัพท์ และรูปแบบอื่นๆ ทำให้คนในประชาไทเกิดความกลัว หวาดระแวง อยู่ไม่ปกติ โดยเฉพาะเมื่ออยู่ออฟฟิศแค่ 2 หรือ 3 คน ทุกวันนี้ได้บอกทุกคนในประชาไทยว่าต้องยึดหลักเสรีภาพ ไม่ต้องกลัว ฉะนั้นจะไม่มีความเป็นตัวตน ทุกวันนี้การคุกคามมันบังคับให้เราต้องประจบสอพลอกับอำนาจต่างๆ จนทำให้ความเป็นมนุษย์และความเป็นสื่อลดลง ทั้งที่มีสิทธิจะพูดถึงประเด็นเหล่านั้นได้
ประชา ไทจะยังสู้ต่อ ถ้าเป็นการเสนอข่าวที่ไม่หมิ่นความเป็นมนุษย์ เราก็ยืนยันจะนำเสนอต่อ ก็จะเหลือแต่เรื่องในชั้นศาล และจะมีการพิจารณาคดีในเดือนตุลาคม ถ้าใครไปดูการพิจารณาคดี จะเห็นว่าศาลต้องย้ายห้องพิจารณาคดีจากห้องเล็กไปห้องใหญ่ ไม่ใช่ว่ามีสื่อไทยไปทำข่าวมากเพราะสื่อไทยมีน้อยมาก แต่จะมีสื่อต่างชาติจำนวนมาก
ประเด็นของคุณสมยศ ก็คือ ไม่ว่าจะอย่างไร คุณสมยศอยู่ในฐานะสื่อสารมวลชน และถือว่าเป็นตัวกลาง บทความที่เขียน คุณสมยศไม่ได้เขียนเอง คุณสมยศอยู่ในฐานะบรรณาธิการและโดนคดีนี้ นี่เป็นเรื่องน่าเศร้าที่สื่อกระแสหลักทั้งหลายนั้นเงียบกริบ สื่อหลายๆ สื่อก็มีความกลัวเช่นเดียวกับประชาไท สำคัญกว่าความกลัวก็คือความชินชา สำคัญกว่าชินชาคือความหมดวิญญาณจากความเป็นสื่อ ซึ่งมันเริ่มมาจากปี 2548 ในแถลงการณ์เรื่องสื่อแท้สื่อเทียมของสมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ที่จำแนกสื่อในกลุ่มวิชาชีพ ว่าพวกเราเป็นสื่อกระแสหลัก ขณะที่ PTV หรือ ASTV ที่อยู่ตามเคเบิล ไม่ใช่สื่อ จึงไม่แปลกที่คุณสมยศจะไม่ถูกจัดเป็นสื่อ
หน้าที่ ต่อไปของสื่อก็คือ พวกเราในฐานะที่เป็นพลเมืองจะต้องผลิตข่าวสารขึ้นมา และทำให้น่าเชื่อถือ เพื่อให้มีพลังพอที่จะต่อรองกับผู้มีอำนาจให้ได้
ขณะที่นายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์เดอะ เนชั่น กล่าวว่า ก่อนหน้านี้องค์กรฟรีดอมเฮาส์ จัดให้ประเทศไทยที่จากเดิมมีเสรีภาพของสื่อแบบกึ่งเสรี ให้กลายเป็นสื่อไม่มีเสรีภาพ เลยทำให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับประเด็นนี้อย่างมากในวงการสื่อ แต่ถามว่าสังคมไทยโดยรวมตระหนักดีแค่ไหนว่าสื่อไทยมีเสรีภาพเพียงใด เอาเข้าจริงแล้วไทยอาจจะแย่กว่าสิงคโปร์หรือจีนแผ่นดินใหญ่ด้วยซ้ำ ซึ่งตอนนี้ไทยอยู่ในกลุ่มเดียวกันกับประเทศเหล่านั้นจากการจัดโดยฟรีดอม เฮาส์ ขณะที่คนบางกลุ่มยังหลงคิดว่าไทยมีเสรีภาพทางสื่ออยู่ แต่ผมก็คิดว่ามันมีกรอบของเสรีภาพอยู่ ทำให้สื่อจำนวนมากยึดติด และทุกวันนี้สื่อกระแแสหลักจำนวนมากไม่กล้านำเสนอข่าว
ตอน นี้ยังไม่รู้ว่าผู้ที่ถูกขังเนื่องจากมาตรา 112 มีจำนวนเท่าไหร่ โดยที่ทางการไทยไม่เคยเปิดเผยข้อมูลเลย นอกเหนือจากบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างคุณสุรชัย แซ่ด่าน คุณสมยศ แล้ว คนอื่นๆ อย่าง ดา ตอร์ปิโด ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะฉะนั้นเราจะต้องทำลายความเชื่อผิดๆ ที่ว่าเมืองไทยมีเสรีภาพ ซึ่งถ้าหากเมืองไทยมีเสรีภาพ เวทีการเสวนานี้คงไม่จำเป็น
สังคม ไทยยังไม่ได้เรียนรู้ว่า แม้คนอื่นจะแสดงความเห็นแตกต่าง แต่เราก็ต้องยอมรับได้ ซึ่งเป็นปัญหามาก เลยทำให้สื่อไทยมักจะร้องหาความรับผิดชอบ โดยขออ้างจากบทบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่ง ที่ไม่เห็นด้วยกับฟรีดอมเฮาส์ และระบุว่าสื่อเก่าหรือสื่อใหม่ก็ต้องปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรับผิดชอบ ขณะที่โพลล์บอกว่า 60 เปอร์เซนต์ เชื่อว่าไทยมีเสรีภาพมากขึ้น แต่เราต้องมีเสรีภาพที่มาพร้อมความรับผิดชอบมากขึ้นด้วย ถ้าเราเชื่อโพลล์ มันจะกลายเป็นตลกร้ายอย่างหนึ่งที่ขัดแย้งกับความเป็นจริงในสังคมไทย แล้วคำว่าความรับผิดชอบของสื่อยักษ์ใหญ่คือจะรับผิดชอบใคร ทั้งนี้สื่อกระแส หลักที่เรียกตัวเองว่าสื่อแท้จะต้องมีความรับผิดชอบต่อคนส่วนใหญ่หรือว่าคน ส่วนน้อยในสังคมไทย
ตามที่ได้คุยกับคุณสมชาย หอมละออ ซึ่งออกแถลงการณ์ว่า ทุกวันนี้มีกฎหมิ่นพระบรมเดชานุภาพใช้จับคนจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นการนำสถาบันเข้าสู่การเมือง คุณสมชายส่งแถลงการณ์นี้ไปยังสื่อกระแสหลักต่างๆ แต่ไม่มีสื่อไหนที่ตอบรับเลยนอกจากทางประชาไทที่ยอมลงแถลงการณ์ให้
เรา จึงไม่กล้าตั้งคำ ถาม ว่ามันเป็นสังคมที่ปฏิเสธความจริง ถ้าคุณอ่านแต่สื่อกระแสหลัก คุณจะไม่รู้เลยว่าประเทศไทยไปถึงไหนแล้ว โดยเฉพาะเรื่องปัญหาทางการเมือง อีกอย่างหนึ่งก็คือสื่อกระแสหลักบางครั้งก็ได้ประโยชน์จากคนส่วนน้อยด้วย เขาจึงไม่อยากเปลี่ยนการนำเสนอข่าวไปจากเดิม เพราะถ้าเปลี่ยนแล้วมีคนอ่านน้อยลง รายได้เขาก็น้อยไปด้วย
ผม เชื่อว่าคนไทยทุกวันนี้ต้อง หนีมาพูดความจริงใต้ดิน ซึ่งเป็นเรื่องน่าละอายอย่างยิ่ง ฉะนั้นเราต้องออกมาช่วยๆ กันทำงานลักษณะนี้ให้มากขึ้น เพราะสิ่งที่ฟรีดอมเฮาส์ออกมาพูดเป็นเรื่องถูกแล้ว และมันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว แต่เราเพิ่งตาสว่าง
ด้านนายวัฒน์ วรรลยางกูร นักเขียนและคอลัมนิสต์ กล่าวว่า กรณีคุณสมยศนั้น คุณสมยศเคยบอกไว้ว่า ผมไม่ใช่คนสุดท้าย ยิ่งสังคมยังคงเป็นเผด็จการอยู่ ก็จะต้องมีคนต่อไป ซึ่งคราวหน้าอาจจะเป็นคุณชูวัส คุณประวิตร หรือผมก็ได้ มันมีสิทธิ์เกิดขึ้นได้กับทุกคนที่พูดความจริงหรือแค่พูดธรรมดา และการช่วยเหลือของพวกสิทธิมนุษยชนทั้งหลายนั้น วันก่อนได้พบปะกับ ดร.ธงชัย วินิจจะกูล อาจารย์ก็ตั้งข้อสังเกตว่า ทำไม Human Right Watch เพิ่งออกมาเคลื่อนไหวเรื่องกรณี 6 ศพวัดปทุมวนาราม หรือ 91 ศพ จากเหตุการณ์เมษา-พฤษภา 53 เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปครบปี เหตุผลก็คือว่าองค์กรสิทธิมนุษยชนสากลก็รอฟังข้อมูลจากองค์กรสิทธิมนุษยชน ของไทยเหมือนกัน และที่ช้าเพราะคนที่ตายนั้นเป็นพวกคุณทักษิณ องค์กรสิทธิมนุษยชนก็เลยเกิดการลังเล
กรณีต่อมา คือหมวดเจี๊ยบที่ไปสัมภาษณ์คุณทักษิณ แล้วโดนกองทัพบกสอบสวนนั้น เมื่อที่ผ่านมาผมได้ไปเป็นวิทยากรอบรมนักข่าวใหม่ของสมาคมนักข่าวฯ เสียงส่วนใหญ่ก็บอกว่าเหมาะสมแล้วที่หมวดเจี๊ยบถูกบีบ ก็เลยไปนั่งเถียงกับนักข่าวว่าหมวดเจี๊ยบก็เป็นนักข่าวเหมือนกัน เขามีสิทธิที่จะนำเสนอข้อมูลของเขา และที่กล่าวมานี้ก็คือความเป็นจริงของสังคมไทย
เชื่อ ว่าความเป็นเผด็จการไม่ได้มาจากอำนาจรัฐอย่างเดียว แต่มันเข้าไปกินสมองพวกสื่อ นักข่าวและนักเขียน แม้กระทั่งเพื่อนนักเขียนด้วยกันเอง หรือเข้าไปกินสมองของคณะกรรมการรางวัลรางวัลพานแว่นฟ้า โดยรางวัลนี้มีจุดหมายเพื่อส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย ปรากฎว่ากรรมการบางคนกลับเห็นด้วยกับการรัฐประหาร
สื่อ ในความหมายของตนยังรวมไปถึงเพลง บทกวี ละคร นักเขียนสมัยก่อนกล้าเขียนวิพากษ์วิจารณ์สังคมมากกว่าสมัยนี้ แสดงว่าเวลาที่ผ่านไปสังคมไทยในเรื่องของความกล้าและเสรีภาพมันหดลงจนมืดมน
ปัจจุบัน การจับสื่อแบบยกพวกไม่ มี มีแต่เป็นรายๆ เพราะยุคหลังมานี้พวกที่มีอำนาจในสังคมไทยสามารถควบคุมสื่อไว้ได้ ด้วยสร้างความความกลัวให้รู้จักเซ็นเซอร์ตัวเอง หรือควบคุมนักเขียนด้วยระบบรางวัล ควบคุมโดยผู้ทรงคุณวุฒิทางวรรณกรรมที่มีความเชื่อแบบอนุรักษ์นิยม หากเขียนไปแตะประเด็นอ่อนไหวเข้าก็จะถูกหมายหัว เป็นต้น