1 พ.ค.54 ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จับกุมตัวนายสมยศ พฤกษาเกษมสุข แกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาฯ ที่ด่านตรวจคนเข้าเมืองอรัญประเทศ แล้วนำตัวมาควบคุมไว้ที่กองบังคับการปราบปราม โดยปฏิเสธการให้ประกันตัวไปแล้วนั้น วันนี้ (1 พ.ค.) มีคนเสื้อแดงจำนวนหนึ่งสลับกันเดินทางเข้าเยี่ยมนายสมยศที่กองปราบฯ ตลอดทั้งวัน
สมยศพูดคุยกับผู้มาเยี่ยมผ่านกรงขังว่า เขาคาดว่าการจับกุมครั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากการแถลงข่าวซึ่งเขาเป็นแกนนำกลุ่ม 24 มิถุนาประชาธิปไตยร่วมกับเครือข่ายประชาธิปไตย (คปต.) ซึ่งประกอบด้วยกลุ่มคนเสื้อแดงกว่า 30 กลุ่ม เตรียมล่า 10,000รายชื่อยื่นต่อรัฐสภาเพื่อยกเลิกมาตรา 112 ที่คิดเช่นนี้เนื่องจากได้ยินพนักงานสอบสวนพูดว่าหากไม่ทำเรื่องนี้เขาก็จะยังไม่ถูกจับกุม
เมื่อถามว่าเหตุใดจึงรณรงค์เพื่อยกเลิกมาตราดังกล่าว สมยศกล่าวว่า เพราะพวกเขาต้องการเห็นความเสมอภาค การใช้กฎหมายมาตรานี้เป็นปัญหาทางวัฒนธรรมด้วย มีผลต่อการครอบงำองค์กรตุลาการ ถ้าไม่ยกเลิกจะเป็นเหตุให้เกิดการคุกคามเสรีภาพทางความคิดและการแสดงออกของประชาชนอย่างไม่รู้จบ
“มาตรานี้ข้อความเหมือนไม่มีอะไร แต่ในทางปฏิบัติมันทำให้คนไม่เป็นคน และยังมีบทลงโทษที่รุนแรงเกินไป กระบวนการในการดำเนินคดีมีปัญหา อย่างการไม่ให้ประกันนี้ก็เหมือนกับเป็นการพิพากษาล่วงหน้า”
“เราอยู่ในวัฒนธรรมของความกลัว ความเงียบ เพราะกฎหมายทำให้คนไม่กล้าพูด ไม่กล้าแสดงออก”
เมื่อถามว่าทางกลุ่มรณรงค์จะมีการรวบรวมรายชื่อต่อหรือไม่ เขากล่าวว่า ในเมื่อตัวเขาอยู่ในห้องขัง คงเป็นหน้าที่ของคนข้างนอกที่จะดำเนินการต่อ สิ่งสำคัญคือต้องรักษากระแสรณรงค์เรื่องมาตรา 112 ไว้ให้ได้
“ต้องขยับ จะได้ไม่เสียของ ติดคุกติดตารางกันฟรีๆ เรื่องนี้ถูกทำให้กลายเป็นเรื่องที่พูดถึงไม่ได้เลย โดยเฉพาะพวกคนเสื้อแดง ถ้าคุณเป็นแดง หายใจก็ผิด ตดก็ผิดแล้ว” สมยศกล่าว
สำหรับวันพรุ่งนี้ (2 พ.ค.) ซึ่งตำรวจจะควบคุมตัวเขาปขออนุญาตศาลเพื่อฝากขังนั้น สมยศกล่าวว่า เขามีความหวังอย่างมาก อยากได้รับสิทธิขึ้นพื้นฐานในการประกันตัวสู้คดี
“ผมมั่นใจว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวผม ไม่ได้อยู่ที่ประชาชน แต่อยู่ที่กฎหมายและการตีความ รวมถึงกระบวนการในการดำเนินคดี”
เขากล่าวด้วยว่า การจับกุมครั้งนี้ ภาครัฐน่าจะมีการเตรียมการเป็นอย่างดี ทำอย่างมีจังหวะจะโคน และมีการแบ่งงานกันทำ ให้กองทัพจัดการกับ นปช. ให้กองปราบจัดการกับสุรชัย แซ่ด่าน และให้ดีเอสไอจัดการกับเขาและกลุ่มอื่นๆ อย่างไรก็ตาม เขายืนยันว่าไม่ได้คิดจะหลบหนีดังที่ดีเอสไอให้ข่าว แต่จัดทัวร์คนเสื้อแดงเที่ยวนครวัดเป็นประจำ และกลุ่มที่เดินทางไปนี้ก็มาจากที่เห็นโฆษณาที่ลงในนิตยสารเรด พาวเวอร์ ซึ่งเขาเป็นผู้จัดพิมพ์
“ผมจะหนีทำไม ไม่เป็นไร การถูกจองจำของเราก็คือการต่อสู้ในรูปแบบหนึ่ง จริงๆ เราไม่ได้คาดคิด แต่ในเมื่ออีกฝ่ายที่มีอำนาจเขาอยากให้เราติดคุก เราจะไปทำอะไรได้ เขาคิดว่าขังสุรชัย ขังดา (ตอร์ปิโด) ขังผมแล้วคนจะกลัว แต่มันก็ไม่มีผลอะไร”
“คนอยู่ในคุกโดนจำกัดตารางเมตร แต่คนอยู่ข้างนอกก็ถูกจำกัดเสรีภาพเหมือนกัน มันไม่ต่างกันหรอก เมื่อปราศจากเสรีภาพก็ไม่มีความเป็นคน”
สำหรับหนังสือ Voice of Taksin ซึ่งถูกฟ้องนั้นจัดพิมพ์ไปได้ 22 เล่ม ฉบับสุดท้ายที่ทำให้มีคำสั่งปิดคือฉบับที่นำเสนอเกี่ยวกับ 10 เมษายน 2553 โดยปิดตัวในเดือนพฤษภาคม 2553 และเปลี่ยนมาเป็นหนังสือเรด พาวเวอร์