บทความ 16 ตุลาคม 2555
โดย ธิดา ถาวรเศรษฐ ....
คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จบคำพูดในรายการเวที “ผ่าความจริง” ที่พรรคประชาธิปัตย์จัดในห้องสวนลุมพินีวันที่ 13 ตุลาคม 2555 ด้วยใบหน้ายิ้มเยาะพร้อมเอ่ยวาจาเย้ยหยัน ถ้าการชุมนุมของคนเสื้อแดงไม่มีชายชุดดำ ไม่มีกองกำลังอาวุธ ก็ไม่มีคนตายจากการปราบปรามโดยเจ้าหน้าที่รัฐ ผู้เขียนฟังด้วยความสมเพชว่าคุณอภิสิทธิ์รู้หรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา นี่คงคิดว่าเป็นข้อแก้วตัวที่มีเหตุผลที่สุดในการใช้กำลังทหารจัดการกับ ประชาชนจนบาดเจ็บเสียชีวิตมากที่สุดนับแต่มีการลุกขึ้นประท้วงในท้องถนนซึ่ง เกิดนับจากปี 2516 เป็นต้นมา นี่คุณอภิสิทธิ์สารภาพออกมาแล้วว่าเหตุผลที่เอามาอ้างในการปราบปรามประชาชน รุนแรงก็ง่าย ๆ แค่นี้เอง คือ ก็พวกเอ็งมีกองกำลังอาวุธนี่ แม้หนึ่งคน ห้าคนก็ตาม
ทั้งนี้การใช้กระสุนจริงยิงประชาชนมีตั้งแต่ตอนบ่าย มีคนเสียชีวิต 1 คน ส่งไปที่โรงพยาบาลวชิระ จากนั้นประชาชนก็ตายและทหารก็ตาย บาดเจ็บตั้งแต่ช่วงหัวค่ำเพราะมีทั้งการใช้กระสุนจริง กระสุนยาง และแก๊สน้ำตา การเสียชีวิตสิ้นสุดก่อน 20.20 น. ซึ่งเป็นเวลาที่พบผู้ถืออาวุธไม่ทราบฝ่าย แต่จากปากคำประจักษ์พยานและวัตถุพยานและผลการสืบสวนสอบสวนในวันที่ 10 เมษายน ไม่มีใครพบ “ชายชุดดำ” ของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ณ. บริเวณที่มีการตายเกิดขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณที่ทหารเสียชีวิต มีกำลังทหารและรถเกราะเต็มไปหมด เป็นไปไม่ได้ที่จะมีชายชุดดำเข้ามาใช้ M67 ขว้างในรัศมีประมาณ 50 เมตรได้อย่างแม่นยำตรงที่มีผู้บังคับบัญชาระดับสูงอยู่ และยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พรรคประชาธิปัตย์จะอ้างตาม คอป. ว่า มีคนไปอยู่บนบ้านไม้โบราณและขว้างระเบิดลงมา เพราะทหารเต็มไปหมดแถวยืนอยู่บนรถเกราะสูงระดับตามองเห็นทั่ว ถ้ามีคนชุดดำ จริงยิงทหารที่ยืนเด่นอยู่ไม่ง่ายกว่าหรือไร ? นี่ยังไม่ต้องพูดถึงการประดิษฐ์วาทกรรมเรื่องชายชุดดำยิงสู้กับทหารที่วัด ปทุมและตั้งข้อสงสัยเรื่องเสื้อกาชาด วิธีคิดประดิษฐ์เรื่องราวที่มาต่อสู้ประเด็นต่าง ๆ ที่มีการยิงจากรถรางไฟฟ้าที่วัดปทุมนั้นเหนือความคาดหมายอย่างยิ่ง ประหนึ่งว่าถ้าสร้างภาพชายชุดดำออกมาแล้ว พวกเขาก็ชอบธรรมที่จะฆ่าประชาชนมือเปล่าได้ แถมยังมีการบีบน้ำตาจากตนตัวดำ ใจดำ แบบเดียวกับที่เคยทำที่แยกราชประสงค์เพื่อเรียกคะแนนเสียงก่อนเลือกตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์ยังเป็นพวกหลงอดีตอยู่กับวิธีการประดิษฐ์วาทกรรม ใส่ร้ายป้ายสี พูดเท็จ เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ทั้ง ๆ ที่มีคนรุ่นใหม่เข้ามาอยู่ในพรรคเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่นายกรณ์ จาติกวนิช ที่ใช้ตรรกะว่า คนที่สร้างเหตุการณ์ความรุนแรงเป็นผู้ได้ประโยชน์ การได้รับชัยชนะจากการเลือกตั้งนั้นตรงข้ามกับที่พวกคุณคิด ก็คือประชาชนเขาเชื่อว่าผู้ชุมนุมบริสุทธิ์ ไม่ใช่พวกก่อความรุนแรง การสร้างความรุนแรงกลับกลายเป็นปัญหาและอุปสรรคในการต่อสู้ทางการเมือง ดังนั้นอย่ามาใช้ตรรกะว่า ให้พวกเสื้อแดงใช้ความรุนแรงแล้วพรรคเพื่อไทยและคุณทักษิณได้ประโยชน์ นี่มันตรรกะที่ผิด หรือพวกคุณเชื่ออย่างนี้จึงพยายามใช้ความรุนแรงปราบปรามประชาชน คิดว่าจะทำให้ได้เปรียบทางการเมือง ตรงข้าม ประชาชนกลับเกลียดชัง คนหนุ่ม ๆ แท้ ๆ หลงยุค กลายเป็นพวกจารีตนิยม ป่าเถื่อน การพยายามออกมาสร้างภาพชายชุดดำโดยขยายผลจากหน่วยงานความมั่นคงและคอป. แสดงถึงเครือข่ายโยงใยทั้งความคิดและการกระทำในบทบาทต่าง ๆ กัน ล้วนมีเป้าหมายในการแก้ตัวให้กับข้อหาฆ่าประชาชนโดยหวังจะทำให้สังคมหลง เชื่อ ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานใด ๆ ใช้การแสดงและวาทกรรมเพื่อครอบงำความคิดคนให้ไปในทิศทางที่ตนต้องการ แต่ไม่ได้คิดว่าหลักฐาน พยาน ทั้งคนไทย คนต่างประเทศ ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บนับพันล้วนชัดเจนว่าการตาย, บาดเจ็บเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐ เพราะสายตาพวกเขาเห็นแต่ชายชุดเขียวและชายนอกเครื่องแบบติดอาวุธที่อยู่กับ ทหาร
นายมิเชล มาส ผุ้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์โฟลกส์ครานต์และสถานีวิทยุโทรทัศน์เอ็นโอเอสของ เนเธอร์แลนด์เป็นหนึ่งในผู้สื่อข่าวที่ได้รับบาดเจ็บมาให้ปากคำกับดีเอสไอใน ฐานะพยานเหตุการณ์คดีการเสียชีวิตของนักข่าวชาวอิตาเลียน ฟาบิโอ โปเลนสกี และฐานะผู้เสียหายเนื่องจากถูกกระสุนปืนยิงเข้าบริเวณหลังด้านขวา มีกระสุนปืน M16 เป็นหลักฐานชัดเจน นี่เป็นเพียงบางตัวอย่างเท่านั้น แต่คอป.และประชาธิปัตย์เลือกจะไม่พูดถึงการตายกว่า 80 ศพที่ชัดเจนว่าผู้ใช้อาวุธยิงคือทหารจากคำสั่งศอฉ.ของสุเทพ เทือกสุบรรณภายใต้การตัดสินใจและนโยบายของอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะที่สั่งการให้ใช้กระสุนจริงยิงปราบปรามประชาชน และใช้กำลังทหารกว่า 60,000 คน อาวุธ-ยานยนต์เต็มรูปแบบของสงคราม ในขณะที่คนนับแสนที่มาชุมนุมมือเปล่าปราศจากอาวุธถูกกระชับพื้นที่และล้อม ยิงทั้งที่สูงและแนวราบ “ประดุจนกในกรง” โดยอ้างว่ามีผู้ใช้กำลังอาวุธ 1 ถึง 5 คน (แต่โฆษณาว่ามี 500 คน) รายละเอียดว่าผู้ชุมนุมสันติวิธีมือเปล่านั้น สามารถหาข้อมูลได้ทุกวันทุกเวลา เพราะที่ชุมนุมไม่มี “สถานที่ห้ามเข้า” ไม่มี “เวลาห้ามเข้า” ไม่การการสั่งการและสะสมอาวุธ มีแต่คืนให้หมด ส่วนจะไปหายที่ไหนในสถานการณ์แบบนี้หลังการฆ่าประชาชนนั้นเราไม่อาจทราบได้ เพราะในคลังอาวุธของท่านก็หายกันประจำใช่หรือไม่ ?
และนี่เองที่อยากจะบอกอภิสิทธิ์ เวชชาชีวิว่า
1. พวกคุณเตรียมข้อมูลรอไปศาลดีกว่า ไม่ต้องมาตั้งเวที บีบน้ำตา เล่นลิ้นหลอกคน เพราะประชาชนยุคนี้ไม่ใช่ประชาชนที่พวกคุณจะหลอกได้ต่อไป
2. คุณคิดว่าแค่มีภาพชายชุดดำ 2-3 คน ก็ชอบธรรมที่จะฆ่าประชาชนมือเปล่าหรืออย่างไร ? เพราะในโลกนี้ทางสากลและสิทธิมนุษยชนโลก เขาไม่อนุญาตให้คุณใช้อาวุธกระสุนจริงยิงประชาชนมือเปล่า ด้วยเหตุผลนี้หรอกต่อให้มีคนยิงต่อสู้กับคุณเห็นจะจะ คุณก็กราดปืนยิงประชาชนอื่น ๆ ที่เขาไม่มีอาวุธไม่ได้ !!! ความเหี้ยมโหดเช่นนี้เขาใช้กันในพวกอนารยะชนยุคโบราณที่รบพุ่งแย่งชิงดินแดน เห็นชีวิตคนเป็นผักปลาไม่มีค่าอะไร แม้แต่ในสงครามระหว่างประเทศเขาก็ห้ามยิงศัตรูที่ไม่มีอาวุธ การชุมนุมนับแสนคนที่ถูกกระทำซ้ำแล้วซ้ำอีกทำได้ขนาดนี้โดยยึดหนทางสันติ วิธี นี่ก็น่าชมเชยแล้วนะ......จะบอกให้......นี่ไม่ใช่กองกำลังประจำการสั่งหัน ซ้ายหันขวาเรียบวุธได้ นี่เป็นประชาชนชาวบ้านชาวนาชาวไร่ แม้แต่การ์ดของเราก็ไม่มีอาวุธ มีแต่ตรวจจับอาวุธส่งมอบตำรวจทุกวัน พวกที่ติดอาวุธมาล้วนเป็นเจ้าหน้าที่รัฐที่ปลอมตัวเข้ามาทั้งสิ้น
3. ส่วนจะมีภาพบุคคลแต่งตัวเสื้อดำเสื้อแดงก็ไปพิสูจน์ในชั้นศาลต่อไปว่า ใครไปทำอะไร ที่ไหน ตรงไปตรงมา ไม่ใช่พยายามเหวี่ยงแห ตั้งข้อหามั่วว่าก่อการร้ายรวม ๆ กันไปด้วยใจอาฆาต พยาบาท ดังที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ฝันว่าเห็นรายงาน 9,000 กว่าหน้าและแกนนำทั้งหลายจะถูกตัดสินจำคุกหลายสิบปีและประหารชีวิตด้วย ถึงกับตั้งคำถามประชาชนที่มาฟังปราศรัยในห้องประชุมว่า จะให้เอาโทษตายก่อนหรือจำคุกก่อน ล้วนแสดงออกถึงความต่ำทรามในความคิดที่มุ่งร้าย เหี้ยมโหด ไม่สนใจความเป็นจริงในการตั้งข้อหา การพิสูจน์หลักฐานและประจักษ์พยานทั้งหลายอย่างเที่ยงธรรม
การกระทำ กรรมเป็นเครื่องบ่งชี้เจตนา คำพูดและการกระทำทั้งหลายของแกนนำในพรรคประชาธิปัตย์จะเป็นบ่วงรัดคอที่บีบ เข้ามา ท่านอย่านึกว่าจะไปแอบข้างหลังทหารและอำมาตย์ทั้งหลาย และโวยวายให้คนสงสารจะได้ผลในยุคนี้ พ.ศ. นี้ ที่ประชาชนตื่นตัวรับข้อมูลข่าวสารได้มากเกินกว่าการหลอกลวงจะได้ผลเช่นใน อดีตที่ผ่านมาอีกแล้ว !!!!!!