นรกไปทางนี้-เชิญ!...
ที่มา ASTVผู้จัดการ
เมื่อ วานนี้ (15 ต.ค.) รายการตีแสกหน้า ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 13.00-14.30 น. โดยมี น.ส.กมลพร วรกุล เป็นผู้ดำเนินรายการ นายชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย นายประพันธ์ คูณมี และนายเทิดภูมิ ใจดี เป็นแขกรับเชิญ
ศึกฮั่นกัดเกียเสื้อเหลืองด่าปชป.เนรคุณ-แว้งกัด
นาย ประพันธ์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยรุ่นที่ 2 ระบุว่า ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์หลายคนได้ออกมาตอบโต้กลุ่ม พันธมิตรฯ หลังเมื่อวันศุกร์ที่ 12 ต.ค. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 1 ได้ออกรายการกล่าวพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ และความโปร่งใสของสื่อในเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ โดยระบุว่าตั้งแต่มีข่าวความขัดแย้งระหว่างกลุ่มพันธมิตรฯ กับพรรคประชาธิปัตย์นั้นตนยังไม่เคยเห็นผู้ใหญ่ในพรรคประชาธิปัตย์ออกมาแสดง ท่าทีที่เป็นมิตร หรือแม้กระทั่งแสดงความขอบคุณในการต่อสู้ของประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ ที่เสียสละ ต่อสู้ ล้มตายจนกระทั่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ได้เป็นรัฐบาล
“คน ของพรรคประชาธิปัตย์ หรือสาวกประชาธิปัตย์ มักจะบอกว่าพันธมิตรฯ ชอบผลักมิตร ผลักพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นศัตรู ไปอยู่ฝั่งศัตรู คำถามก็คือว่า พรรคประชาธิปัตย์คิดว่าพันธมิตรฯ เป็นมิตรคุณจริงหรือเปล่า หรือคุณคิดว่าพันธมิตรฯ เป็นเพียงเครื่องมือ หรือคุณอยากได้คะแนนเสียงจากพันธมิตรฯ ไปเลือกตั้ง ... และอยากอาศัยการต่อสู้ของพันธมิตรฯ เป็นเครื่องมือนำทางคุณขึ้นไปสู่ตำแหน่งรัฐบาล” นายประพันธ์ระบุ และกล่าวต่อว่า
ถาม ว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เนรคุณกับพันธมิตรฯ ระหว่างที่นายอภิสิทธิ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้ดำเนินการอะไรกับกลุ่มคนเสื้อแดง กับกลุ่ม พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและนักโทษหนีคำพิพากษาจำคุกบ้าง หรือเคยดำเนินการอะไรที่จะเปลี่ยนประเทศให้หลุดจากการครอบงำของระบอบทักษิณ บ้างหรือไม่ ในทางตรงกันข้ามกลับตั้งข้อหาก่อการร้ายกับพี่น้องกลุ่มพันธมิตรฯ
“คุณ ไม่เลย คุณกลับมาแว้งกัด ... ด้วยการตั้งข้อหาก่อการร้าย ซึ่งเกิดขึ้นในยุคของคุณ โดย พล.ต.ท.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ในรัฐบาลนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายสุเทพก็เป็นคนที่พูดว่าทั้งเหลือง ทั้งแดงเป็นพวกที่มีปัญหาใช่หรือไม่ ถ้าหากประชาธิปัตย์มองว่าพันธมิตรฯ เป็นมิตรของคุณ แล้วควรจะมีข้อหาอัปยศอย่างนี้เกิดขึ้นหรือไม่?” แกนนำพันธมิตรฯ รุ่นที่ 2 ระบุ
แฉเบื้องหลังสังหารลิ้มมีคนรัฐบาลอภิสิทธิ์เกี่ยวข้อง
ประการต่อมา นายประพันธ์กล่าวว่า การ ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุลถูกลอบสังหารเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2552 บริเวณสี่แยกบางขุนพรหม ใจกลางกรุงเทพฯ ระหว่างที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และนายอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ ซึ่งจากข้อเท็จจริงจากการสอบสวนของ พล.ต.อ.ธานี สมบูรณ์ทรัพย์ ก็มีข้อเท็จจริงโยงใยไปถึงคนในรัฐบาล และคนที่อยู่ในอำนาจ ณ ขณะนั้น
“คุณ รับปากว่าจะจับ และดำเนินคดีถึงที่สุด แล้วคุณทำอะไรบ้าง” นายประพันธ์ถามถึงนายอภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ และยังกล่าวด้วยว่า ยังไม่นับกรณีนายวีระ สมความคิด และ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ที่ต้องไปติดคุกกัมพูชาทั้งๆ ที่ยืนอยู่บนผืนแผ่นดินไทย
นอก จากนี้ นายอภิสิทธิ์และพรรคประชาธิปัตย์ระหว่างที่เป็นรัฐบาล ยังละเลยเรื่องการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ, การจับกุม พ.ต.ท.ทักษิณมาดำเนินคดี, การดำเนินคดีต่อ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ กรณี 7 ตุลาคม 2551 ซ้ำยังช่วยเหลือ พล.ต.อ.พัชรวาทและพวกอีกต่างหาก, กรณีแดงเผาเมืองปี 2553 คนในรัฐบาลประชาธิปัตย์ก็ยังไปช่วยประกันตัวกลุ่มคนเสื้อแดงที่กระทำผิด และปล่อยให้ประชาชนต้องเผชิญหน้ากับการกระทำรุนแรงในบ้านเมืองของกลุ่มคน เสื้อแดงด้วยตัวเอง
“พฤติกรรมอย่างนี้ต่างหากที่ (พรรคประชาธิปัตย์) น่าจะถูกมองว่าเป็นแนวร่วมทักษิณมากกว่า” น.ส.กมลพรกล่าวเสริม
นาย ประพันธ์แสดงความเห็นด้วยและกล่าวต่อว่า นอกจากนี้พรรคประชาธิปัตย์ยังไม่เคยช่วยสนับสนุนสถานีโทรทัศน์เอเอสทีวี ที่เป็นปากเสียงของประชาชนตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเลย ตรงกันข้ามกับกรณีพรรคเพื่อไทยที่เห็นได้ชัดว่า ถ้าใครเป็นมิตรเขาจะช่วยหมด แม้ว่าจะเป็นผู้ร้ายเผาบ้านเผาเมืองก็ตาม
“คุณ นอกจากไม่ช่วยพันธมิตรฯ แล้วยังเนรคุณอีก แต่เวลานี้ที่คุณต้องต่อสู้กับทักษิณ ไม่ใช่เพราะโดยสำนึก แต่เพราะว่าฝ่ายทักษิณเป็นพรรครัฐบาล คุณเป็นฝ่ายค้าน คุณไม่มีโอกาสก็เลยไม่มีที่ยืน เมื่อเขาไม่เอาคุณ คุณก็เลยต้องยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม แต่ถ้าคุณได้เป็นรัฐบาล คุณกลับไปจูบปากกับทักษิณ” นายประพันธ์กล่าว และว่า พันธมิตรฯ ไม่เคยผลักพรรคประชาธิปัตย์ไปเป็นศัตรู แต่พรรคประชาธิปัตย์เลือกที่จะยืน เอาตัวรอด ฉวยโอกาส แล้วเหยียบย่ำกลุ่มพันธมิตรฯ และกล่าวหาว่าไม่ช่วยตัวเอง สาดโคลน ใส่ร้ายแกนนำพันธมิตรฯ ว่ารับเงินอย่างนั้นอย่างนี้ ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ของพรรคประชาธิปัตย์เป็นพฤติกรรมที่น่าขยะแขยง
“เพราะ ฉะนั้น พันธมิตรฯ ไม่ได้ไปหาพรรคเพื่อไทย และไม่ได้ชอบนิยมพรรคเพื่อไทย แต่ก็ไม่ได้ชอบพวกคุณด้วย เราเองจึงเป็นตัวของตัวเอง อยู่บนหลักการที่ถูกต้องของเรา เราไม่ไปเป็นเครื่องมือรับใช้คนที่ทรยศปล้นบ้านกินเมือง และก็ไม่ยอมเป็นเครื่องมือของคนที่ฉวยโอกาส เห็นแก่ตัว ทรยศ หักหลัง เนรคุณประชาชน” นาย ประพันธ์กล่าว และถามต่อว่า ถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไปกล่าวหาทักษิณว่าเหยียบศพเสื้อแดงขึ้นมามีอำนาจ นายอภิสิทธิ์ก็คงไม่ต่างกันเพราะเหยียบย่ำพันธมิตรฯ เพื่อให้ตนมีอำนาจ
“ตอน คุณเป็นรัฐบาล ทำไมคุณไม่ตามหาชายชุดดำ คุณต้องลากคอมันเข้าคุกแล้ว ตอนนี้กลับมาจัดแรลลีทำไม มันกลายเป็นเรื่องที่น่าตลก น่าสมเพช เล่นละครว่าคุณสู้กับทักษิณแบบเอาเป็นเอาตาย แต่คุณไม่ได้สู้จริง” แกนนำพันธมิตรฯ รุ่น 2 กล่าวต่อและว่า ทางที่ดีหากอยากได้พันธมิตรฯ กลับมาเป็นมิตร คนประชาธิปัตย์ต้องทบทวนตัวเองและพิจารณาตัวเอง
ชี้ กกต.บ้อท่า สื่อพรรคการเมืองเกลื่อน
ส่วน กรณีที่คนฝั่งพรรคประชาธิปัตย์ เช่น นายวิทเยนทร์ มุตตามระ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และกรรมการผู้จัดการบลูสกายแชนเนล ได้พยายามออกมาชี้แจงถึงที่มาของเงินที่ใช้ในการดำเนินการสถานีโทรทัศน์ผ่าน ดาวเทียมบลูสกาย หลังจากนายสนธิออกมาถามถึงที่มาของงบประมาณที่ใช้ในสถานีโทรทัศน์ซึ่งเป็น แนวร่วมของพรรคประชาธิปัตย์ ประกอบไปด้วย ทีนิวส์, บลูสกาย และไทยทีวีดี ว่าหาเงินมาจากไหนเพื่อดำเนินการ นายประพันธ์กล่าวว่า สถานีโทรทัศน์บลูสกายเอา ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ไปจัดรายการ รวมถึงนายอภิสิทธิ์ด้วย ซึ่งหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เอาจริง พรรคประชาธิปัตย์ไม่น่าจะรอด
นาย วิทเยนทร์ มุตตามระ อดีตผู้สมัคร ส.ส.ปชป., อดีตเลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย และกรรมการผู้จัดการบลูสกายแชนเนล กับนายอภิสิทธิ์
รายการฟ้าวันใหม่กับอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้าน รายการประจำทางช่องบลูสกาย
รายการ สายล่อฟ้า ทางสถานีโทรทัศน์บลูสกาย ดำเนินรายการโดย ส.ส. และนักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 3 คน คือ นายศิริโชค โสภา, นายเทพไท เสนพงศ์ และนายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต
“ปัญหา มันอยู่ที่ กกต.ไม่ทำงาน ถ้า กกต.ทำงาน ป่านนี้คุณอาจจะถูกยุบพรรคไปแล้ว” นายประพันธ์ระบุ และว่าการที่นายวิทเยนทร์ออกมาระบุว่ากระทบกระเทียบเอเอสทีวีว่า รายได้ของบลูสกายเป็นรายได้ที่แลกมาด้วยการทำงานอย่างหนัก มิได้มาโดยขอรับบริจาคแบบหน้าด้านๆ นั้นถือเป็นการดูถูกประชาชนที่ให้การสนับสนุนเอเอสทีวี และมีศรัทธาต่อสถานีโทรทัศน์ช่องนี้ที่ต่อสู้และนำความจริงมาเสนอต่อสังคม ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผิดกับสถานีโทรทัศน์ในเครือข่ายประชาธิปัตย์ที่เพิ่งออกมาสู้เมื่อตนเองกลาย เป็นฝ่ายค้าน
“แล้ว คุณช่วยตอบคำถามหน่อยซิว่า พรรคของคุณเคยได้รับบริจาคจากบริษัทคิงเพาเวอร์ไหม? แล้วบริษัทคิงเพาเวอร์มีพฤติกรรมในการปฏิบัติหรือประกอบธุรกิจในสนามบิน สุวรรณภูมิมีรายได้มาแบบไหน? เลขาฯ พรรคของคุณ คุณสุเทพเคยห้ามปรามไม่ให้พูดบริษัทคิงเพาเวอร์ไหม?” นายประพันธ์ตั้งคำถามต่อ และว่าแล้วเงินสนับสนุนพรรคและสนับสนุนสื่อในเครือข่ายของพรรคประชาธิปัตย์ มีจำนวนมากเท่าไหร่ ช่วยให้คำตอบหน่อย
พร้อม กล่าวต่อว่า คนของพรรคประชาธิปัตย์หรือผู้ประกอบการโทรทัศน์ในเครือข่ายประชาธิปัตย์อีก 2-3 ช่องนั้นทางที่ดีต้องชี้แจงบัญชีรายรับ-รายจ่ายให้ชัดเจน เหมือนกับที่เอเอสทีวีชี้แจงให้กับประชาชนรับทราบ ดีกว่ามาแว้งกัดสื่ออย่างเอเอสทีวี
“ประเด็น ใหญ่คือว่า พรรคของคุณ คนของคุณ พวกของคุณ ได้พิสูจน์หรือยังว่าคุณสู้กับทักษิณจริง หรือว่าสู้แบบจอมปลอมแล้วก็หลอกเพื่อหวังคะแนนนิยมจากประชาชนที่ยังไม่เข้า ใจคุณ พวกเราเป็นคนที่รู้ธาตุแท้คุณแล้วว่าคุณไม่ได้สู้จริงไง ถ้าคุณสู้จริง วันนี้ทักษิณจะไม่มีวันเข้มแข็งแบบนี้ รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีวันที่จะฟื้นกลับมาอย่างนี้ แล้วถ้าคุณสู้กับทักษิณจริงไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณจะไม่สามัคคีกับพี่น้อง พันธมิตรประชาชนฯ แต่เขาไม่สามัคคีเพราะเขารู้ธาตุแท้ เพราะเขา”
อนึ่ง รัฐ ธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 48 ระบุว่า ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการหนังสือ พิมพ์ วิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ หรือโทรคมนาคม มิได้ ไม่ว่าในนามของตนเองหรือให้ผู้อื่นเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นแทน หรือจะดำเนินการโดยวิธีการอื่นไม่ว่าโดยทางตรงหรือทางอ้อมที่สามารถบริหาร กิจการดังกล่าวได้ในทำนองเดียวกับการเป็นเจ้าของกิจการหรือถือหุ้นในกิจการ ดังกล่าว
ขุดข้อมูลทีวีเสื้อฟ้าโยง ปชป.ลึกซึ้ง-แนบแน่น แถมทนายเทือกถือหุ้นทีนิวส์ของสนธิญาณ
จาก นั้น น.ส.กมลพรได้กล่าวอ้างอิงรายงานของ นสพ.คมชัดลึก ถึงผู้ถือหุ้นในสถานีโทรทัศน์ช่องบลูสกาย โดยระบุว่า บริษัท บลูสกาย แชนแนล จำกัด ซึ่งทุนจดทะเบียน 5 ล้านบาท ในวันที่จดทะเบียนมีกรรมการ 4 คน คนแรกคือ นายวิทเยนทร์ ซึ่งไม่เคยประกอบวิชาชีพสื่อมาก่อน แต่เพิ่งมาทำโทรทัศน์ในปี 2554 หลังจากเคยเป็นผู้สมัคร ส.ส.บางเขน พรรคประชาธิปัตย์ และเลขาฯ ของ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมตรีนายสาทิตย์ ส่วนกรรมการคนที่ 2 คือ นายเถกิง สมทรัพย์ ซึ่งเป็นสื่อที่มีความใกล้ชิดกับพรรคประชาธิปัตย์มายาวนาน เคยเป็นทีมงานรายการ “เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์” และปัจจุบันเป็น ผอ.ช่องบลูสกาย
ส่วน กรรมการคนที่ 3 คือ นายบุรฤทธิ์ ศิริวิชัย อดีตยุวประชาธิปัตย์ ซึ่งเคยมีตำแหน่งในสำนักนายกฯ ในช่วงรัฐบาลอภิสิทธิ์ และกรรมการคนสุดท้าย คือ นายภูษิต ถ้ำจันทร์ หนึ่งทีมงานรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ เช่นเดียวกับนายเถกิง และนายวิทเยนทร์
นอก จากนี้ ผู้ถือหุ้นของบลูสกายแชนแนลนั้น มีบริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด มาร่วมถือหุ้นด้วยตั้งแต่ต้น โดยถือหุ้นใหญ่ โดย บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด นั้น จดทะเบียนเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2554 ด้วยทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท โดยมีนายทวีศักดิ์ ณ ตะกั่วทุ่ง เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ทั้งนี้ จากข้อมูลของคมชัดลึกระบุว่า นายทวีศักดิ์นั้นเป็นนักกฎหมายที่มีความใกล้ชิดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โดยนายทวีศักดิ์จะเป็นผู้ดูแลด้านกฎหมายให้นายสุเทพ นอกจากนี้ นายทวีศักดิ์ยังไปร่วมแถลงข่าวกับนายแทน เทือกสุบรรณ ลูกชายนายสุเทพ กรณีรุกที่เขาแพงที่เกาะสมุย ในฐานะที่ปรึกษาทางกฎหมายของนายแทนด้วย
มากกว่า นั้น ลงทุนในบลูสกายแชนแนล 3 ล้านบาทแล้ว บริษัท เทเลคาสท์ มีเดีย จำกัด ยังลงทุนในสำนักข่าวทีนิวส์ จำกัด ผู้ผลิตข่าวช่องทีนิวส์ อีก 11 ล้านบาท(ทีนิวส์เป็นของนายสนธิญาณ หนูแก้ว ที่เพิ่งโดนนายสนธิแฉเมื่อไวๆนี้)
“พี่ ทวีศักดิ์เป็นทนายประจำสำนักงานคนึง ฤาชัย และก็เป็นทนายประจำตัวให้คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็เป็นคนที่คุณสุเทพไว้วางใจ” นายประพันธ์กล่าวเสริมและกล่าวว่า จริงๆ นายวิทเยนทร์ก็คือนักการเมือง ไม่ใช่เป็นสื่อ และการพูดดูถูกเอเอสทีวีและประชาชนที่สนับสนุนก็เป็นคำพูดที่เลว เนื่องจากประเมินค่าและดูถูกความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อสื่อที่ต่อสู้กับ ระบอบทักษิณเพื่อประชาชนมาอย่างยาวนาน
ชี้พรรคตอแหล-สื่อตอแหล
ด้าน นายชัชวาลย์กล่าวว่า การที่นักการเมืองปลอมตัวเป็นสื่อออกมาบอกว่า ตัวเองเป็นสื่อที่ไม่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมือง แล้วยังมาบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นสื่อของพรรคการเมืองนั้นเป็นเรื่องที่น่า ตลก และอาจเรียกได้ว่าเรื่องตอแหลที่โคตรตอแหล
“นี่ แหละวิธีคิดของพรรคการเมืองประเภทนี้ ก็คือไม่ต่างอะไรจากเพื่อไทย เพราะโกหกกัน นี่คือความเสื่อมเสียและความเลวร้ายของนักการเมือง ที่ทำให้พวกเรายิ่งเห็นชัด” นายชัชวาลย์กล่าว และว่าแค่ตำแหน่ง “พันตำรวจโท” ของ พ.ต.ท.ทักษิณ พรรคประชาธิปัตย์สมัยเป็นรัฐบาล 2 ปีกว่ายังไม่กล้าถอดยศ แต่เวลานี้กลับมาเรียกร้องให้รัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตรเป็นคนถอด และมากล่าวหาว่าพันธมิตรฯ รับเงินทักษิณนั้นถือเป็นเรื่องน่าทุเรศอย่างยิ่ง
นอก จากนี้ยังกล่าวต่อว่า ตนเห็นว่าจริงๆ โจรปล้นประเทศนั้นสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภท ประเภทแรกคือ หน้าเป็นโจรมาเลย แต่โจรอีกประเภทหนึ่งหน้าหล่อเป็นพระเอกมาเลย แต่จริงๆ ก็เป็นโจรเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้พันธมิตรฯ จึงโหวตโน
“เรา จะไม่ว่าเลย ถ้าบอกว่าผิดแล้ว ยอมรับผิด แล้วก็มาบอกว่าเราจะทำอะไรกันข้างหน้าให้ดีกับบ้านเมืองใหม่ ไอ้แบบนี้ยังพอคุยกันได้ แต่นี่คุณไม่เคยรับผิดเลย จะเอาแต่ได้อย่างเดียว ใส่ข้อหาผู้ก่อการร้ายให้เราแล้ว วันดีคืนดีกลับบอกว่าพี่ช่วยผมหน่อย พี่มาตายแทนผมหน่อย พี่ออกถนนหน่อย ทำไมมึงไม่สู้ในสภาล่ะ ออกมาสวนลุมฯ ออกมาตามท้องถนนทำไม?” นายชัชวาลย์ถามกลับ
“ภูมิใจไทย” ปรับหัวเพราะอยากร่วม รบ.
นาย เทิดภูมิ ให้ความเห็นกรณีนายเนวิน ชิดชอบ ผู้อยู่เบื้องหลังพรรคภูมิใจไทยประกาศเลิกเล่นการเมือง และช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยมีการปรับเปลี่ยนหัวหน้าพรรคเป็น นายอนุทิน ชาญวีรกูล เนื่องจากพรรคภูมิใจไทย โดยเฉพาะผู้นำกลุ่มมัชฌิมาฯ คือนายสมศักดิ์ เทพสุทิน ต้องการจะเข้าร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยจึงต้องกันให้นายเนวินซึ่งถือว่า เป็นผู้หักหลัง พ.ต.ท.ทักษิณ ออกนอกวงไปก่อน
“การ ที่เขาคิดว่าเขาจะได้ร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์ จะเป็นรัฐบาลต่อ แต่ตอนนี้เขาเคว้งคว้าง เพราะเนวินเขาต้องการเป็นรัฐบาลเท่านั้น ถ้าไม่ได้เป็นรัฐบาลเขาก็ต้องหาตัวแทนขึ้นมา”
ขณะ ที่นายประพันธ์กล่าวเสริมว่า ตนยังจำคำพูดของนายสุเทพได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะไม่ได้เป็นรัฐบาลถ้าไม่มีเนวิน จึงมีภาพจับมือกอดกันระหว่างนายอภิสิทธิ์กับนายเนวิน ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์เมื่อก้าวขึ้นเป็นรัฐบาลกลับลืมการต่อสู้ของประชาชน ไม่เคยเห็นหัวประชาชน ซึ่งเป็นตัวพิสูจน์ว่าไม่เพียงประชาชนไม่คิดว่าพรรคประชาธิปัตย์เป็นมิตร ด้วย เพราะแม้แต่ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ พ่อค้า ก็ไม่คิดว่าประชาธิปัตย์เป็นมิตรด้วย