บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ. 2551

เสียดายเงิน

ข้อเสนอตั้งรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อผ่าทางตันวิกฤติการเมืองไทย ที่คุณหมอประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส เป็นผู้ขายไอเดีย

ถือเป็นข้อเสนอด้วยความปราถนาดีและบริสุทธิ์ใจ

หลักการก็เพื่อป้องกันความขัดแย้ง ไม่ให้ปะทุไปสู่ความรุนแรง

ฉะนั้น ทุกฝ่ายต้องหยุดการต่อสู้ หยุดการเผชิญหน้า หยุดความขัดแย้ง กลับมาแก้ ปัญหาตามแนวทางสันติวิธี

โดยให้พรรคการเมืองฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านร่วมมือจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเฉพาะ กิจเป็นเวลา 2 ปี!!

ปรากฏว่าไอเดียของคุณหมอประเวศยังขายไม่ออกตามเคย

เพราะฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านปฏิเสธความหวังดีของ “ราษฎรอาวุโส” ด้วยเหตุผล 5 ประการ

1, สถานการณ์ขณะนี้ยังไม่ใช่วิกฤติร้ายแรง

2, กติกาประชาธิปไตยจำเป็นต้องมีฝ่ายค้านตรวจสอบถ่วงดุล

3, ถ้าตั้งรัฐบาลแห่งชาติก็เท่ากับฝ่ายรัฐบาลกับฝ่ายค้านซูเอี๋ยกัน

4, ถ้าตั้งรัฐบาลแห่งชาติฝ่ายไหนจะเป็นนายกรัฐมนตรี

หรือต้องมีนายกฯ 2 คน เหมือนรัฐบาลเขมรเคยมี??

5, ถ้าจะเอา “คนนอก” เป็นนายกฯคนกลางก็ขัดรัฐธรรมนูญ

เพราะนายกรัฐมนตรีต้องมาจาก ส.ส.อย่างเดียว!!

สรุปว่า ข้อเสนอจัดตั้งรัฐบาลแห่งชาติเพื่อผ่าทางตันก็หลงเข้าซอยตันซะเอง

อย่างไรก็ตาม การที่พรรคพลังประชาชนยอมถอยสุดซอย สั่งเบรกญัตติแก้รัฐธรรม- นูญไม่ให้เข้าไปอาละวาดในสภาฯ

และการที่รัฐบาลยอมตกลงตามข้อเสนอ ของฝ่ายค้านให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ เพื่อศึกษาการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ได้ข้อยุติร่วมกัน

ทำให้กระแสต่อต้านการแก้รัฐธรรมนูญลดลงพอสมควร

“แม่ลูกจันทร์” เห็นว่าถ้ามีการตั้ง คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษารัฐธรรมนูญชุดใหญ่ของสภาฯ ซึ่งประกอบด้วยฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้าน และนักวิชาการที่เป็นกลางไม่เกิน 60 คน

กำหนดกรอบเวลาศึกษารัฐธรรมนูญไม่เกิน 60 วัน หรือ 90 วัน

ย่อมดีกว่าใช้เสียงข้างมากลากไป

แม้จะทำให้การแก้รัฐธรรมนูญต้องยืดเยื้อไปอีกหลายเดือน

ก็ยังคุ้มที่เสียเวลา

แต่ประเด็นที่ “แม่ลูกจันทร์” ขอเสนอ เพิ่มเติมก็คือ เมื่อมีการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมของสภาฯ เพื่อศึกษาการแก้รัฐธรรมนูญ อย่างเป็นทางการ

การจัดออกเสียงประชามติรัฐธรรมนูญก็อาจไม่จำเป็น

ถือว่าคณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาฯ ทำหน้าที่แทนประชาชน

จะแก้รัฐธรรมนูญประเด็นใด? ทำไมถึงต้องแก้? และจะแก้เป็นอย่างไร? ก็อยู่ที่ คณะกรรมาธิการ 60 คน จะเป็นผู้ตัดสินใจ

อย่างน้อยก็ประหยัดเงินงบประมาณที่ใช้จัดลงประชามติอีกก้อนโต!!

ข้อสำคัญ...ถ้ามีการจัดออกเสียงประชามติก็ยังรับประกันไม่ได้ว่างบ ประมาณสองพันล้านจะคุ้มค่าที่เสียไป??

เพราะ ก.ม.กำหนดให้ประชาชนออก เสียงประชามติ “ต้องไม่น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์” ของจำนวนผู้มีสิทธิออกเสียงทั่วประเทศ 45 ล้านคน

ถ้าประชาชนไปออกเสียงประชามติ “น้อยกว่า 50 เปอร์เซ็นต์” ถือว่าการลงประชามติไม่มีผล...

เงินสองพันล้านบาทก็ต้องสูญฟรี!!

ก็อีหรอบเดียวกับตอนรัฐบาลทักษิณ ประกาศยุบสภาฯ แล้วพรรคประชาธิปัตย์ บอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง ฉะนั้นแล

งบเลือกตั้งสองพันล้านบาทที่เสียไป ป่านนี้ยังไม่ได้คืน.

แม่ลูกจันทร์



ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker