ในขณะที่ฝ่ายอำมาตย์และสมุนพันธมิตรฯ กำลังพยายามเบี่ยงเบนความสนใจของประชาชนด้วยการก่อสถานการณ์สงครามทุเรศที่ชายแดนเขมร และการปล่อยข่าวลือเรื่องรัฐประหารให้เราเป็นกระต่ายตื่นตูม คนเสื้อแดงควรจะตั้งสติ ร่วมกันคิด เพื่อให้มีความชัดเจนทางการเมืองในประเด็นการเลือกตั้งที่อาจจะเกิดขึ้นในปีนี้
แน่นอน... การเลือกตั้งภายใต้กติกาอำมาตย์จะไม่แก้ไขปัญหาวิกฤตการเมืองไทย ไม่ว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะหรือไม่ เพราะการเลือกตั้งในระบบทุนนิยมไม่ได้นำไปสู่การ “ได้อำนาจรัฐ” โดยพรรคการเมืองที่ครองเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา อำนาจรัฐที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งดำรงอยู่ควบคู่กันไปเสมอ ไม่ว่าจะเป็นอำนาจศาล สื่อ กองทัพ หรืออำนาจนายทุน อันนี้เป็นความจริงในประชาธิปไตยของยุโรปตะวันตก แต่ในไทยมันยิ่งร้ายแรง เนื่องจากอำมาตย์ไทยทำรัฐประหารด้วยกองทัพ และศาล ก่ออาชญากรรมด้วยการฆ่าประชาชนมือเปล่า สามารถเซ็นเซอร์สื่อและทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกด้วยกฎหมายเผด็จการ รวมถึงกฎหมายหมิ่นฯ โดยที่การกระทำทั้งหมดดังกล่าวนี้ไม่ถือว่า “มีความผิด”
ถ้าเราจะสร้างประชาธิปไตยแท้ในสังคมที่มีความเท่าเทียมทางการเมืองและเศรษฐกิจ เราต้องปฏิวัติโค่นอำมาตย์ด้วยพลังมวลชน และการนัดหยุดงาน อย่างที่กำลังเกิดขึ้นในหลายๆ ประเทศของตะวันออกกลาง และเราต้องเข้าใจว่าอำมาตย์ไม่ใช่คนคนเดียว และศัตรูหลักของประชาธิปไตยไทยคือกองทัพที่คอยใช้ลัทธิชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในการสร้างความชอบธรรมกับตนเอง
อย่างไรก็ตาม คนเสื้อแดงไม่ควรหลงคิดว่าเราหันหลังให้กับการเลือกตั้งในรัฐสภาได้ เพราะบทบาทสำคัญของการเลือกตั้งภายใต้อำมาตย์คือการสร้างความชอบธรรมกับตนเองทางการเมือง การที่พันธมิตรฯ กับศาลร่วมกันโค่นรัฐบาลพรรคพลังประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง แล้วทหารบงการให้อภิสิทธิ์ ผู้ไม่เคยชนะการเลือกตั้ง ขึ้นมาเป็นนายก “พลเรือน” เป็นความพยายามที่จะสร้างหน้ากากบังหน้าเผด็จการ แต่ถ้าเขาสามารถบงการให้ชนะการเลือกตั้งปีนี้ เขาจะออกมาโอ้อวดประกาศความชอบธรรมมากขึ้นหลายร้อยเท่า ดังนั้นคนเสื้อแดงต้องทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เขาทำอย่างนี้ได้
เมื่อเดือนมกราคมปีนี้ผมได้เคยเตือนว่าถ้ามีการเลือกตั้งปีนี้ อำมาตย์จะโกงด้วยวิธีการหลากหลายเล็กๆ น้อยๆ เพื่อไม่ให้พรรคเพื่อไทยได้คะแนนเสียงส่วนใหญ่ในรัฐสภา ผมเคยเสนอว่าเท่าที่ผ่านมาอำมาตย์ใช้วิธีดังนี้คือ
• การถอนสิทธิ์นักการเมืองพรรคไทยรักไทย
• การทำลายพรรคไทยรักไทย และพรรคพลังประชาชนด้วยศาลในระบบที่ไม่มีมาตรฐานยุติธรรม
• การเอาคนของอำมาตย์ไปไว้ใน กกต.กรรมการสิทธิ์ และการที่ศาลเข้าข้างอำมาตย์ – ตรงนี้มีประโยชน์เพื่อแจกใบเหลืองใบแดงในอนาคตเพื่อลดเสียงพรรคเพื่อไทยในสภา
• การกดดันและซื้อตัว เนวิน ชิดชอบ
• การคุมสื่อกระแสหลักทั้งหมดโดยอำมาตย์ และการเซ็นเซอร์สื่อเสื้อแดงและสื่อทางเลือก
• การฆ่าคนเสื้อแดงที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์ เพื่อหวังทำลายความมั่นใจของคนเสื้อแดง
• การที่แกนนำเด่นๆ ของเสื้อแดงติดคุก และหาเสียงไม่ได้ หรือได้ด้วยความยากลำบาก
• การแก้รัฐธรรมนูญเพื่อเพิ่ม สส.สัดส่วน ซึ่งเป็นประโยชน์ให้พรรคใหญ่ สำหรับพรรคประชาธิปัตย์เป็นการลดอำนาจต่อรองจากพรรคงูเห่าเล็กๆ ที่ประชาธิปัตย์จะต้องพึ่งเพื่อให้มีเสียงส่วนใหญ่ แต่ตรงนี้อาจให้ประโยชน์กับพรรคเพื่อไทยบ้าง
• การที่นักการเมืองเลวๆ อย่าง เฉลิม อยู่บำรุง พร้อมจะออกจากเพื่อไทย เหมือนเนวิน ชิดชอบ
และล่าสุดมีข้อเสนอจากพรรคประชาธิปัตย์อีกให้
- พรรคที่ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมากที่สุดมีสิทธิ์ในการพยายามตั้งรัฐบาลก่อนพรรคอื่น ไม่ว่าจะมี ส.ส.ทั้งหมดในจำนวนเท่าไร ซึ่งประชาธิปัตย์มองว่าจะให้เปรียบกับพรรคของเขา
- เลิกสิทธิ์ของ ส.ส.ในรัฐสภาที่จะลงมติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี
- เปลี่ยนรัฐธรรมนูญเพื่อให้ ส.ส.ไม่สังกัดพรรคสามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับ ส.ส. “สลิ่ม” ที่โกหกว่า “ไม่เข้าข้างใคร” และ “อิสระ” เพื่อให้เขาปลอมตัวเข้ามาในรัฐสภา
นอกจากนี้สิ่งที่พวกเราชาวเสื้อแดงไม่ควรมองข้ามคือ ความอ่อนแอทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย เพราะพรรคนี้นอกจากจะขาดนักการเมืองที่มีฝีมือแล้ว ที่สำคัญกว่าคือขาดนโยบายที่จะครองใจประชาชน พอใจที่จะแค่กินบุญเก่าของไทยรักไทย และไม่มีความพยายามแต่อย่างใดที่จะ “คิดใหม่ทำใหม่” เหมือนที่ไทยรักไทยเคยทำ บางคนบอกว่า “พรรคเพื่อไทยต้องเก็บนโยบายไว้เป็นความลับก่อน เพราะประชาธิปัตย์จะลอกแบบ” คำพูดแบบนี้ฟังไม่ขึ้น เพราะการครองใจประชาชนต้องทำล่วงหน้าก่อนการเลือกตั้งหลายเดือน และถ้านโยบายก้าวหน้าพอ ประชาธิปัตย์จะไม่สามารถลอกได้ เช่นนโยบายให้ปฏิรูปกองทัพมือเปื้อนเลือด นโยบายให้ปฏิรูประบบยุติธรรมที่ขาดมาตรฐาน นโยบายที่จะต้านการคลั่งชาติและสร้างสันติภาพในภาคใต้และที่ชายแดนเขมร และนโยบายที่จะพัฒนาสภาพความเป็นอยู่ของประชาชนด้วยการวางรากฐานและสร้างรัฐสวัสดิการอย่างถ้วนหน้าด้วยการเก็บภาษีจากคนรวย เป็นต้น ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ยอมตื่น เขาจะมีส่วนในการสร้างเงื่อนไขให้แพ้การเลือกตั้งเอง
พวกเราเข้าใจดีว่าขบวนการเสื้อแดงเป็นขบวนการเคลื่อนไหวทางสังคมเพื่อประชาธิปไตยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทย ดังนั้นถ้าพรรคเพื่อไทยไม่มีความสามารถและความประสงค์ที่จะสู้เท่าที่ควร มวลชนคนเสื้อแดงจะต้องรับภาระนี้แทน ในประการแรกเราต้องถกเถียงกันและร่วมกันทำความเข้าใจกับปัญหาการเลือกตั้งและการที่อำมาตย์จะพยายามสร้างความชอบธรรมตรงนี้ ต่อมาเราจะต้องร่วมกันเสนอข้อเรียกร้องรูปธรรมที่จะกีดกันไม่ให้อำมาตย์ใช้การเลือกตั้งเพื่อฟอกตัวเอง จริงๆ แล้วเสื้อแดงมีข้อเรียกร้องเป็นรูปธรรมหลายข้ออยู่แล้ว และมีการออกมาเคลื่อนไหวเพื่อสนับสนุนข้อเรียกร้องดังกล่าวหลายรอบด้วยมวลชนจำนวนมาก ดังนั้นมันไม่น่าจะยากที่จะสร้างข้อเรียกร้องที่ครบถ้วน ผมขอเสนอตัวอย่างของข้อเรียกร้องที่ผมคิดว่าคนเสื้อแดงควรจะผลักดัน ซึ่งแน่นอนหลายข้อเราผลักดันกันอยู่แล้ว
1. ต้องปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคน ไม่ใช่แค่แกนนำบางคน และไม่ใช่แค่การประกันตัวเท่านั้น เพราะข้อหาต่างๆ นาๆ ที่อำมาตย์ตั้งกับคนเสื้อแดงเป็นข้อหาทางการเมืองทั้งสิ้น คนของเราไม่ได้ทำความผิด
2. ต้องปล่อยนักโทษกฎหมายหมิ่นฯ และยกเลิกกฎหมายหมิ่นและกฎหมายคอมพิวเตอร์ที่ใช้ปิดปากประชาชนไทย การมีกฎหมายหมิ่นฯ รวมถึงกฎหมายหมิ่นศาล เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพทางวิชาการ และความสามารถของประชาชนที่จะตรวจสอบองค์กรของรัฐ เพื่อความโปรงใส กฎหมายเหล่านี้ไม่มีในประเทศประชาธิปไตย และเราจะไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยแท้ได้ถ้ายังมีกฎหมายนี้อยู่ และเราไม่สามารถร่วมกันกำหนดอนาคตของระบบการปกครองไทยได้อีกด้วย
3. ต้องสร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน โดยการนำนักการเมืองและนายพลที่มีส่วนในการฆ่าประชาชนที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์มาขึ้นศาล อย่างที่ประเทศเกาหลีใต้ และประเทศอื่น เคยทำ
4. ต้องมีกระบวนการที่ชัดเจนในการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ที่ไม่ใช่รัฐธรรมนูญทหาร อาจนำรัฐธรรมนูญปี ๔๐ กลับมาใช้แล้วแก้ให้ดีขึ้น หรืออาจร่างใหม่ แต่คราวนี้ชุมชนคนเสื้อแดงต้องมีส่วนสำคัญในทุกขั้นตอนของกระบวนการ ไม่ใช่ยกให้นักวิชาการหรือเอ็นจีโอที่ชื่นชมเผด็จการร่างแต่ฝ่ายเดียว
5. ต้องมีการปฏิรูปกองทัพ และระบบศาล แบบถอนรากถอนโคน
6. ต้องสร้างสันติภาพในภาคใต้และที่ชายแดนเขมรด้วยมาตรการทางการเมืองที่ปฏิเสธการคลั่งชาติ เราควรร่วมพัฒนาเขาพระวิหารกับฝ่ายเขมร และในสามจังหวัดภาคใต้ควรให้ทหารกลับกรมกอง เพื่อปูทางไปสู่สมัชชาประชาชนในพื้นที่ ที่จะกำหนดวิธีการปกครองที่ประชาชนเหล่านั้นต้องการ
7. ประเทศไทยต้องเริ่มสร้างรัฐสวัสดิการถ้วนหน้าและครบวงจร ผ่านการเก็บภาษีก้าวหน้าจากคนรวย เพื่อสร้าง “ความเป็นพลเมืองเท่าเทียมกัน” แทน “วัฒนธรรมเจ้ากับไพร่”
8. ขบวนการทางสังคม เช่นสหภาพแรงงาน และกลุ่มชุมชน ต้องมีสิทธิเสรีภาพในการต่อรองตามมาตรฐานสากล การก่อตั้งสหภาพแรงงานและการนัดหยุดงานจะต้องไม่ถูกปราบปรามโดยรัฐหรือนายจ้าง ต้องมีการเพิ่มค่าจ้างระดับต่ำให้เพียงพอกับการดำรงชีวิตในโลกจริง และแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านต้องมีสิทธิร่วมเป็นสมาชิกสหภาพแรงงานกับคนงานไทย
ถ้าเราชาวเสื้อแดงยึดมั่นเคลื่อนไหวด้วยพลังมวลชนภายใต้ข้อเรียกร้องแบบนี้ เราจะสามารถผลักดันวาระทางสังคมให้ก้าวหน้าไปสู่การสร้างประชาธิปไตยแท้ได้ ไม่ว่าใครจะชนะการเลือกตั้งอย่างไร และไม่ว่านักการเมืองพรรคเพื่อไทยจะอ่อนแอทางการเมืองแค่ไหน และถ้าเราจะสามารถเคลื่อนไหวภายใต้ข้อเรียกร้องที่ก้าวหน้า และเป็นรูปธรรม เพื่อล้มอำมาตย์ เราจะต้องอาศัยการนำแบบ “แกนนอน” คือนำตนเอง บวกกับการสร้างองค์กรที่รวมศูนย์เพื่อหาจุดร่วม พร้อมๆ กัน