เหล็กใน
สมิงสามผลัด
3 ก.ค.นี้ จะเป็นวันชี้ขาดว่าพรรคการเมืองใดจะครองเก้าอี้ส.ส.ได้มากที่สุด
ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
ความจริงแล้ว เริ่มมีการคาดการณ์กันล่วงหน้าบ้างแล้ว
เพราะจากผลโพลของหลายๆ สำนักและหลายๆ หน่วยงานมีความชัดเจนมากขึ้น
พอรู้แล้วว่าพรรคไหนจะได้จำนวนส.ส.เท่าไหร่
พรรคไหนจะได้จำนวนส.ส.ทั้งระบบเขตและปาร์ตี้ลิสต์เกินครึ่ง
พรรคไหนจะได้ส.ส.น้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
จึงเริ่มเกิดกระแสเรียกร้องให้พรรคอันดับ 1 ที่ชนะการเลือกตั้งเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
จะว่าไปแล้วเป็นธรรมเนียมปฏิบัติ เป็นมารยาททาง การเมือง
ที่จะเปิดโอกาสให้พรรคที่มีจำนวนส.ส.มากที่สุดเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
ไม่ใช่พรรคที่รวบรวมส.ส.ได้เกินครึ่งเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
ตรงนี้เป็นประเด็นที่พรรคเพื่อไทยเรียกร้องมาตั้งแต่แรกๆ
เพราะไม่ต้องการให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว
ล่าสุดก็มีบรรดาแกนนำพรรคต่างๆ เริ่มแสดงท่าทีว่าต้องการให้พรรคอันดับ 1 ได้สิทธิ์ในการจัดตั้งรัฐบาลก่อน
แม้แต่ นายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์
ยัง ออกปากว่า "การจัดตั้งรัฐบาลควรเป็นพรรคที่ได้รับเสียงจากประชาชนสูงสุด ไม่ว่าจะเป็นพรรคเพื่อไทยหรือประชาธิปัตย์ ควรให้พรรคที่ชนะอันดับ 1 มีสิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล"
คำพูดประโยคนี้ตบหน้าแกนนำร่วมพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไล่ไปจนถึงบรรดาทีมโฆษก
เพราะก่อนหน้านี้ออกมาจุดประเด็นพรรคที่รวบ รวมส.ส.ได้มากที่สุด มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล
ฉะนั้นแกนนำพรรคประชาธิปัตย์โดยเฉพาะนายสุเทพ
ควรนำคำพูดของนายชวนติดฝาบ้านไว้ก่อน เพราะเวลาผลคะแนนออกมา จะได้ช่วยเตือนความจำว่าพรรคอันดับ 1 ควรได้สิทธิ์จัดตั้งรัฐบาล
ควรเลิกคิดใช้วิธีเดิมๆ แบบปี พึ่ง 'มือที่มองไม่เห็น' ช่วยให้จัดตั้งรัฐบาลกันในค่ายทหาร
ซึ่งเป็นต้นตอนำไปสู่ความแตกแยกรุนแรงในบ้านเมือง
ที่สำคัญหวังว่าหลังการเลือกตั้ง 3 ก.ค.นี้แล้ว
อย่าให้ นายชุมพล ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา
ต้องออกมาแฉอีกครั้งว่า
โดน 'พลังที่เลี่ยงไม่ได้' บีบบังคับให้ร่วมรัฐบาลอีก