RKK POLL ได้ระบุว่า พรรคการเมืองที่ได้รับการตอบรับมากที่สุดในขณะนี้ คือพรรคเพื่อไทย แต่...จะพ่ายแพ้กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทุกหน่วยงานของรัฐในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุ่มทุนอย่างสุดตัว โดยเฉพาะ ศอ.บต.งบเร่งด่วน หรืองบลับ ที่ผ่านไปยัง ผู้ว่าราชการทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อการเลือกตั้งครั้งนี้โดยเฉพาะ
โดย ปาแด งา มูกอ
30 มิถุนายน 2554
เรื่อง การสำรวจโพลล์ว่าใครจะได้ส.ส.เท่าไหร่ พรรคไหนมาแรงนี่ถือว่าเป็นเรื่องที่คอการเมืองติดตามใส่ใจ ทางชายแดนใต้นี่เขาก็มีโพลล์นะครับ เรียกว่า RKK POLL คงไม่เคยได้ยินกันใช่ไหมหละครับ...
ผมในฐานะว่าอยู่ชายแดนภาค ใต้เลยขอนำโพลการเลือกตั้ง ของ อาร์เคเค โพล มาให้ท่านผู้อ่านในภาคอื่นๆของประเทศได้รับทราบว่า ทางสามจังหวัดชายแดนใต้ ซึ่งนอกจากจะมีโพลล์ทางการของ มอ.วิทยาเขตปัตตานีแล้วก็มีRKK POLLอย่างที่เกริ่นมาด้วยครับ
สำหรับโพลล์ของมอ.ปัตตานีนั้น ได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ส.ส. สุ่มสำรวจประชากรจำนวน 3,000 ตัวอย่าง ช่วงวันที่ 13-19 มิ.ย. พบว่าร้อยละ 98.9 ตั้งใจจะไปเลือกตั้ง ร้อยละ 1.1 ไม่ไปเลือกตั้ง
โดยร้อยละ 69.4 ตัดสินใจเลือกผู้สมัครและพรรคไว้แล้ว ร้อยละ 30.6 ยังไม่ตัดสินใจ ส่วนพรรคการเมืองต้องการให้เป็นรัฐบาลมากที่สุด 5 อันดับ ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ร้อยละ 35.4 พรรคเพื่อไทยร้อยละ 21.6 พรรคมาตุภูมิร้อยละ 8.3 พรรคภูมิใจไทยร้อยละ 4.8 และพรรครักประเทศไทย ร้อยละ 2.1
และ ปัญหาที่ต้องการให้รัฐบาลใหม่เข้ามาแก้ไขหลังเลือกตั้งมากที่สุด คือ ปัญหาเรื่องรายได้และค่าครองชีพ ปัญหาการว่างงาน ปัญหาความไม่สงบ ปัญหาด้านการศึกษาและปัญหายาเสพติด
ส่วนโพลล์ของ อาร์เคเค (เป็นชิ่อของกลุ่มขบวนการก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนใต้) ที่ทางการไม่ยอมรับ และไม่กล้ารับ แต่คนในพื้นที่ทุกหมู่บ้าน ตำบล อำเภอ ในสามจังหวัดชายแดนใต้ เขารับรู้กันทุกคน
RKK POLL ได้ระบุว่า พรรคการเมืองที่ได้รับการตอบรับมากที่สุดในขณะนี้ คือพรรคเพื่อไทย แต่...จะพ่ายแพ้กับพรรคประชาธิปัตย์ ที่ทุกหน่วยงานของรัฐในจังหวัดชายแดนภาคใต้ทุ่มทุนอย่างสุดตัว โดยเฉพาะ ศอ.บต.งบเร่งด่วน หรืองบลับ ที่ผ่านไปยัง ผู้ว่าราชการทั้งสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อการเลือกตั้งครั้งนี้โดยเฉพาะ (ประเด็นนี้หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล ควรตรวจสอบงบของ ศอ.บต.ในห้วงของเดือน พ.ค.-มิ.ย.54 ว่าใช้ไปในเรื่องอะไร)
ส่วนพรรค มาตุภูมิ ของ พล.อ.สนธิฯที่มีผู้ลงสมัครซึ่งถือว่าเป็นผู้มีอิทธิพลค่อนข้างมาก โดยเฉพาะในจังหวัดนราธิวาส ก็มิใช่จะชนะการเลือกตั้งอย่างง่ายๆ ซึ่งหมายรวมไปยังพรรคอื่นๆด้วย
ดังนั้น ปัจจัยตัวชี้วัดในการชนะเลือกตั้งของพื้นที่สามจังหวัดชายแดนใต้ครั้งนี้ จึงขึ้นอยู่กับ “จำนวนเงิน” ว่าพรรคใดจะกล้าทุ่มมากกว่ากัน
ถาม ว่า RKK POLL ทำไมถึงกล้าฟันธงเช่นนี้ คำตอบ คือ กลุ่มขบวนการนี้มันคือหัวคะแนนตัวจริงเสียงจริง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้ จะต้องมือบวมไปตามๆกันของเหล่าบรรดาแกนนำกลุ่ม RKK ……
งบ ลับ ไหล
นาย กฤษฎา บุญราช ผู้ว่าราชการจังหวัดยะลา กล่าวว่า เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้ประชาชนมาใช้สิทธิเลือกตั้งในครั้งนี้ให้มาก ทางจังหวัดยะลาจึงได้ ตั้งรางวัลให้กับหมู่บ้าน ที่มีประชาชนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งเต็ม100% จะได้รับเงินอุดหนุนในการพัฒนาหมู่บ้านจำนวน 300,000 บาท และ อำเภอใดมีผู้มาใช้สิทธิ 100% จะได้รับเงินอุดหนุนเพื่อพัฒนาพื้นที่ 500,000 บาท ทั้งนี้เพื่อมอบเป็นขวัญและกำลังใจต่อทุกฝ่ายโดยตั้งเป้าว่าจะมีประชาชนมา ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งนี้ประมาณ 90%
ทั้งนี้การเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)ในวันที่ 3 กรกฎาคม 2554 นี้ ในส่วนของจังหวัดยะลา ยังได้วางแนวทางการดำเนินงานเกี่ยวกับการเลือกตั้งไว้ 4 เรื่อง คือ ให้ทุกส่วนราชการวางตัวเป็นกลางในการเลือกตั้ง ให้การสนับสนุนช่วยเหลือในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรตามที่คณะ กรรมการการเลือกตั้งร้องขอ พร้อมร่วมรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ผู้มาใช้สิทธิ์ออกเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรไม่น้อยกว่า 70 %ของผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง และการเลือกตั้งที่โปร่งใส เป็นธรรม ปราศจากการซื้อสิทธิ์ขายเสียง
นอก จากนี้ได้สั่งการนายอำเภอ ปลัดอำเภอ เข้าดูแลการเลือกตั้งในระดับตำบลโดยใช้กำลังอาสาสมัครรักษาดินแดน และอาสาสมัครรักษาหมู่บ้าน ในการดูแลหน่วยเลือกตั้ง
กอ.รมน.หนุนพลังสตรีชายแดนใต้
อีก ข่าวที่อยากนำมาเล่าให้ฟังก็คือข่าวตามที่ผมจั่วหัวไว้ข้างต้น ซึ่งเห็นข่าวนี้แล้วก็พลอยยินดีไปกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า นานๆครั้งจะได้เห็นความเข้าท่าในการปฎิบัติงานของ กอ.รมน.ภาค 4 ซึ่งดีกว่า กอ.รมน.ส่วนกลางใน กทม.ที่มัวบ้าอยู่กับแผน 315 เป็นไหนๆ
นี่แสดงว่า เจ้าหน้าที่ชุดดังกล่าวมีวิสัยทัศน์ หรือพูดง่ายๆว่าทันเกมสามารถจับกระแสทางการเมืองถูก
ต้องยอมรับว่า ภายหลังจาก ยามีละห์ยิ่งลักษณ์ เดินทางมาเปิดตัวในสามจังหวัดชายแดนใต้ นั้น กระแสการตอบรับของสตรีชาวไทยมุสลิม มันพุ่งขึ้นอย่างมากมาย สามารถทำเอาบรรดานักเลือกตั้งเขี้ยวลากดินชายอกสามศอกทุกพรรคการเมืองผวาไป ตามๆกัน จนถึงขั้นต้องปรับเปลี่ยนกลยุทธ์สารพัดวิธีรวมถึงการทุ่มเงินเพื่อให้ได้รับ การเลือกตั้งครั้งนี้
จากนโยบายเพื่อพัฒนาสตรี ของคุณยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ที่ได้ประกาศนโยบายด้านสตรี ในวันเข้าเยี่ยมหารือกับสภาสตรีแห่งชาติ
1. พรรคเพื่อไทยมีนโยบายส่งเสริมสตรีทั้งในเรื่องของสิทธิ บทบาทความเท่าเทียมในสังคม และศักดิ์ศรี
2. พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่จะตั้งกองทุนส่งเสริมบทบาทสตรี โดยจะตั้งงบเฉลี่ยจังหวัดละ 100 ล้านบาท เพื่อเป็นการส่งเสริมในเรื่องของรายได้และเป็นศูนย์ฝึกอาชีพให้กับสตรี ซึ่งหากพรรคเพื่อไทยได้จัดตั้งรัฐบาลก็จะทำงานร่วมกับสภาสตรีฯ และกลุ่มแม่บ้านในแต่ละจังหวัดควบคู่กันไปด้วยทั้งนี้โอท็อปถือเป็นการแสดง ถึงความสามารถของสตรี ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงมีนโยบายที่จะส่งเสริมอาชีพให้กับผู้หญิง และเพื่อให้องค์กรสตรีสามารถขับเคลื่อนได้ มีความคล่องตัวในการตอบโจทย์และวัตถุประสงค์ของสตรีอย่างแท้จริง
3. พรรคเพื่อไทยจะเทียบโอนหน่วยกิตให้กลุ่มแม่บ้านที่ไม่ได้จบการศึกษาระดับ ม.6 แต่มีความรู้ความสามารถ สามารถสอบซ่อมและเชื่อมหน่วยกิตที่เคยเรียนในอดีตเพื่อเป็นการยกระดับให้กับ กลุ่มแม่บ้านภายใน 1 ปี เพื่อจะได้มีวุฒิไปใช้สมัครงานได้
4. เพิ่มและพัฒนาศักยภาพของศูนย์พึ่งได้ OSCC (One Stop Crisis Center) 24 ชั่วโมง
5. 1 อำเภอ 1 Day care Center สถานที่ดูแลเด็กในที่ทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนรวมไปถึงในชุมชน
6. การประยุกต์กฎหมายการละเมิดสตรีเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและยังเป็นการป้อง ปรามไม่ให้เกิดเหตุแล้วค่อยมาป้องกัน ด้วยการเพิ่มโทษผู้ที่กระทำความรุนแรงในครอบครัว พัฒนาสตรีให้มีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์เท่ากับชาย โดยการได้รับความคุ้มครองจากรัฐในการมีชีวิตอยู่โดยปราศจากการถูกกระทำ รุนแรง และถูกละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
ด้วยนโยบายอันนี้นี่เอง ที่โดนใจบรรดาสตรีชาวไทยมุสลิมในสามจังหวัดชายแดนใต้ เพราะไม่เคยปรากฎพบเห็นกับนโยบายในรูปแบบนี้จากพรรคการเมืองใดๆมาก่อน พูดง่ายๆว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยอันนี้ สามารถซื้อใจและวัดใจสตรีไทยทั้งประเทศได้เลยทีเดียว
รายละเอียดข่าวกอ.รมน.ภาค4กนุนพลังสตรีชายแดนใต้ มีดังต่อไปนี้ครับ
กอ.รมน.หนุนพลังสตรีนราฯ ช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์ดับไฟใต้ สร้างสมานฉันท์ ปชช.ในพื้นที่
นราธิวาส:ที่ ห้องประชุมโสภาพิสัย โรงแรมตันหยง อ.เมือง จ.นราธิวาส พ.อ.สมพล ปานกุล รองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน(กอ.รมน.) จ.นราธิวาส(ฝ่ายทหาร) เป็นประธานในการเปิดการเสวนาเพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์กับองค์กรภาค ประชาชน
โดยได้มีการระดมพลังกลุ่มสตรีในพื้นที่ 13 อำเภอของ จ.นราธิวาส จำนวนกว่า 50 คนเข้าร่วมแสดงความคิดเห็น เพื่อเปิดโอกาสให้กลุ่มสตรีได้มีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์การแก้ไข ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามนโยบายของ พล.ท.อุดมชัย ธรรมสาโรรัชต์ แม่ทัพภาคที่ 4 ที่น้อมนำยุทธศาสตร์พระราชทาน "เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา" แนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งยุทธศาสตร์รอง 6 ด้านเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ เพื่อให้เกิดความสันติสุขแบบยั่งยืน
โดยการเสวนามี พ.อ.(ญ)วันทนา ท้าวลา หัวหน้าคณะทำงานภาคประชาสังคม กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ภาค 4 ส่วนหน้า เป็นแกนนำในการระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ เพื่อประมวลเป็นแนวทางในการแก้ปัญหาร่วมกับทุกภาคส่วนในพื้นที่
โดย ให้กลุ่มสตรีนำสิ่งที่สะท้อนในที่ประชุม ไม่ว่าจะเป็นแนวทางการสร้างสมานฉันท์ของหน่วยงานภาครัฐ รวมทั้งปฏิบัติการณ์เชิงรุกเพื่อสร้างความเข้าใจที่ดีและตรงกัน
โดย ให้กลุ่มสตรีนำไปต่อยอดสร้างความเข้าใจกับชาวบ้านให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ เพื่อให้การทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐเกิดความคล่องตัวและเกิดประสิทธิภาพสูง สุดต่อชีวิตและทรัพย์สินของผู้บริสุทธิ์
ขณะเดียวกันการประชุมครั้ง นี้ ได้เน้นให้กลุ่มสตรีกลับไปช่วยกันรณรงค์เพื่อเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนใน ระดับรากหญ้าที่มีความรู้น้อยได้เกิดความเข้าใจที่ถูกต้องในระบอบ ประชาธิปไตย ที่ต้องการให้ผู้มีสิทธิ์ออกไปทำหน้าที่พลเมืองที่ดีของชาติอย่างพร้อม เพรียงกัน