บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

โพล"ปู"ถล่มทลาย ปชป.ยวบ กทม.เหลือ5เขต

ที่มา ข่าวสด



กรณ์บี้ผู้สมัครเร่งหาเสียง ลุ้นสร้างวาทะเด็ดพลิกเกม เพื่อไทยลุยปราศรัยโค้งท้าย มั่นใจกวาดสส.อีสาน101ที่นั่ง



บุกชัยภูมิ - น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครปาร์ตี้ลิสต์ ลำดับ 1 พรรคเพื่อไทย โบกมือทักทายชาวชัยภูมินับหมื่น คน ที่มาร่วมฟังการปรา ศรัยช่วยผู้สมัครทั้ง 7 เขต ที่สนามกีฬาจังหวัดชัยภูมิ เมื่อ 23 มิ.ย.

กรุง เทพโพลชี้พท.นำขาด 28 เขตในกทม. ส่วนปชป.นำอยู่แค่ 5 เขต ด้านมาร์คเมินโพลสำนักนี้ ลั่นคะแนนนิยมตีตื้นขึ้นแล้ว กรณ์เรียกประชุมผู้สมัครกทม.ของพรรค ชูธุรกิจบัณฑิตย์โพลไล่ทุกคนลงพื้นที่เก็บคะแนน เหตุแพ้ถึง 32 เขต ขณะ "พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค"แนะให้รอวาทกรรม "โค้งสุดท้าย" เอาไปหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายเพื่อพลิกสถานการณ์ ด้านยิ่งลักษณ์งดตอบโต้ปชป. มุ่งเดินสายหาเสียงรอฟังผลหลังเลือกตั้ง พร้อมติวเข้มประชาชนกาบัตรหวั่นพลาดกาช่องโลโก้จนบัตรเสีย ส่วนพท.ร้องศาลปกครองระงับระเบียบบัตรเสียแล้ว

โพลชี้พท.นำขาดในกรุงเทพฯ

วัน ที่ 23 มิ.ย. ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพล) เผยผลสำรวจ ความคิดเห็นของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีทะเบียนบ้านในเขตกรุงเทพฯ 3,338 คน เก็บข้อมูลเมื่อวันที่ 16 - 22 มิ.ย. ที่ผ่านมา พบว่า การเลือกตั้งส.ส.เขต คนกรุงเทพฯจะเลือกผู้สมัครของพรรคเพื่อไทยร้อยละ 37.9, ผู้สมัครพรรคประชาธิปัตย์ร้อยละ 22.2, ผู้สมัครพรรครักษ์สันติร้อยละ 1.2, ไม่เลือกใครเลยร้อยละ 5.1, ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกผู้สมัครของพรรคใดร้อยละ 22.1 และไม่ตอบร้อยละ 7.6

เมื่อแยกพิจารณาคะแนนนิยมในแต่ละเขต พบว่าใน 33 เขต พรรคประชาธิปัตย์ชนะเพียง 5 เขต คือเขต 1 (เขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย และ สัมพันธวงศ์), เขต 4 (เขตคลองเตย และเขตวัฒนา), เขต 17 (เขตมีนบุรี และคันนายาว ยกเว้นแขวงรามอินทรา), เขต 18 (เขตคลองสามวา) และ 22 (เขตสวนหลวง และประเวศ เฉพาะแขวงหนองบอนและแขวงดอกไม้) ส่วนอีก 28 เขตที่เหลือพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำ สำหรับการเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ คนกรุงเทพฯจะเลือกเพื่อไทยร้อยละ 38.3, ประชาธิปัตย์ร้อยละ 21.6, รักประเทศไทยร้อยละ 3.4, รักษ์สันติร้อยละ 1.6, จะไม่เลือกใครเลยร้อยละ 4.7, ยังไม่ตัดสินใจร้อยละ 20.6 และไม่ตอบร้อยละ 7.8

คนลุ้นมีนายกฯหญิง 47.2%

สำหรับ คำถามว่าอยากได้ใครมาเป็นนายกฯ พบว่าอยากได้น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ร้อยละ 47.2 โดยให้เหตุผลว่า อยากลองให้โอกาสคนใหม่บ้าง อยากให้เป็นนายกฯ หญิงคนแรกของไทย มีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจ อันดับที่ 2 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ร้อยละ 28.0 เพราะอยากให้สานงานต่อ งานจะได้ต่อเนื่อง พรรคมี นโยบายที่ดี อันดับที่ 3 ร.ต.อ.ปุระชัย เปี่ยม สมบูรณ์ ร้อยละ 5.1 เพราะเป็นคนตรงไปตรงมา ซื่อสัตย์ ทำงานจริง อันดับที่ 4 นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ร้อยละ 3.9 เพราะกล้าพูด พูดตรง เปิดเผยจริงใจ ส่วนความเชื่อมั่นต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ในการควบคุมดูแลการเลือกตั้งให้มีประสิทธิภาพและโปร่งใสยุติธรรม ร้อยละ 57.1 ไม่ค่อยเชื่อมั่นถึงไม่เชื่อมั่นเลย ขณะที่ร้อยละ 42.9 เชื่อมั่นค่อนข้างมากถึงเชื่อมั่นมาก

เมื่อถามถึงการติดต่อซื้อ เสียงจากคนในพื้นที่ ร้อยละ 69.9 ระบุว่าไม่มี, ร้อยละ 6.9 ระบุว่ามี และร้อยละ 23.2 ไม่ทราบ เมื่อแยกพิจารณาเป็นรายเขตเลือกตั้ง พบว่ามีเพียง 3 เขตที่ไม่มีการซื้อเสียง ได้แก่ เขต 12 (เขตดอนเมือง ยกเว้นแขวงสนามบิน), 14 (เขตบางเขน) และเขต 27 (เขตบางขุนเทียน) ส่วนเขตที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งระบุว่ามีการติดต่อซื้อเสียงมากที่สุด 3 อันดับแรก ได้แก่ เขต 4 (เขตคลองเตย และเขตวัฒนา) ร้อยละ 35 เขต 17 (เขตมีนบุรี และคันนายาว ยกเว้นแขวงรามอินทรา) ร้อยละ 33.3 และเขต 2 (เขตปทุมวัน บางรัก และสาทร) ร้อยละ 31

ยิ่งลักษณ์ไม่โต้ปชป.ปราศรัย

เมื่อ เวลา 07.00 น. ที่สนามบินขอนแก่น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 1 พรรคเพื่อไทย พร้อมคณะ ลงพื้นที่หาเสียงในจ.กาฬสินธุ์ จ.ขอนแก่น จ.ชัยภูมิ และ จ.นครราชสีมา มีประชาชนบางส่วนเดินทางมารอรับ

น.ส.ยิ่งลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี พรรคประชาธิปัตย์จัดเวทีปราศรัยบริเวณแยกราชประสงค์ที่อาจมีผลกระทบกับพรรค เพื่อไทย ว่าคงต้องรอดูรายละเอียดหลังการปราศรัย ส่วนการปราศรัยพาดพิงต้องดูที่ประเด็น ซึ่งเป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมายที่ต้องพิจารณา ส่วนตัวเชื่อมั่นว่าทุกพรรคจะหาเสียงและปราศรัยอย่างสร้างสรรค์และสงบเรียบ ร้อย

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า เจตนาหลักของพรรคเพื่อไทยคือ อยากเห็นทุกฝ่ายก้าวข้ามความขัดแย้ง ถ้าเป็นเช่นนั้นประเทศก็จะก้าวหน้า ไม่ใช่มาพูดถึงเรื่องเก่าๆ ซึ่งจะเป็นการบ่มความขัดแย้งให้มากยิ่งขึ้น ดังนั้นทุกฝ่ายควรที่จะคิดตอบโจทย์และแก้ปัญหาให้กับประชาชนจะดีกว่า ส่วนที่นายอภิสิทธิ์กล่าวโจมตีพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย มีความเชื่อมโยงกับกลุ่มคนเสื้อแดง น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า "เราคงไม่สามารถสั่งการใครได้ และใครก็ไม่สามารถสั่งการเราได้เช่นกัน"

เมื่อ ถามว่านายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ เตรียมจะขึ้นปราศรัยและกลัวจะซ้ำรอยเหตุการณ์ในเดือนพ.ค.35 ที่มีการกล่าวหาว่าพาคนไปตายหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าประชาชนคงต้องใช้วิจารณญาณ ตนไม่อยากจะพูดไปล่วงหน้า แต่เชื่อว่าทุกคนคงจะมีเจตนาดีต่อประเทศและประชาชนจะเป็นผู้พิจารณาเอง

รอนับคะแนนวันใช้สิทธิ

น.ส.ยิ่ง ลักษณ์ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวที่พรรคประชาธิปัตย์จะจับมือกับพรรคภูมิใจไทย และจัดตั้งรัฐบาลว่า คงต้องกลับมาดูที่หลักการของประชาธิปไตย ควรฟังเสียงส่วนใหญ่เป็นหลัก ตามหลักปฏิบัติควรให้สิทธิฝ่ายที่ได้เสียงข้างมากจัดตั้งรัฐบาล เพราะถือว่าประชาชนส่วนใหญ่ได้ให้การสนับสนุน

เมื่อถามถึงผลโพลของ ประชาธิปัตย์ที่ระบุว่าคะแนนนิยมสูสีกับพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่าตอนนี้หากนำผลโพลของหลายสำนักที่มีการสำรวจความคิด เห็นของประชาชนมาพิจารณาประกอบกับผลโพลของพรรคเพื่อไทยก็จะเห็นว่าไม่แตก ต่างกันมากนัก แต่ผลโพลก็ถือเป็นส่วนหนึ่งในการสำรวจเท่านั้น คงต้องรอวัดคะแนนกันจริงๆ จากการใช้สิทธิในวันที่ 3 ก.ค.นี้จะดีกว่า

เดินสายรณรงค์กาให้ตรงช่อง

เวลา 09.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์พร้อมคณะ อาทิ นายเสนาะ เทียนทอง ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ นายพายัพ ชินวัตร ประธานภาคอีสาน ร่วมด้วยผู้สมัครส.ส.เขต และบัญชีรายชื่อของจ.กาฬ สินธุ์ และจังหวัดใกล้เคียงกว่า 20 คนได้เดินทางไปปราศรัยเวทีแรกที่ลานอเนกประสงค์ข้างการไฟฟ้า อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ช่วยนายคมเดช ไชยศิวามงคล ผู้สมัครส.ส.กาฬสินธุ์ เขต 3 หาเสียง ท่ามกลางประชาชนกว่า 2,000 คนที่มารอฟัง

หลังการปราศรัย น.ส.ยิ่งลักษณ์ได้สาธิตการกากบาทช่องลงคะแนนในบัตรเลือกตั้งทั้งส.ส. บัญชีรายชื่อและระบบเขต โดยใช้ผืนผ้าขนาดใหญ่สกรีนเลียนแบบบัตรเลือกตั้งที่มีปัญหาโลโก้ของพรรคมี ขนาดเล็กจนเหมือนช่องว่าง ขณะที่ของพรรคอื่นจะมีขนาดใหญ่ โดยเตือนให้ประชาชนดูให้ดีอย่าไปกาในช่องที่มีโลโก้เล็กของพรรคเพราะจะทำให้ บัตรเสีย ให้กาในช่องทำเครื่อง หมายซึ่งอยู่ท้ายสุด ส่วนบัตรลงคะแนนเลือกส.ส.เขต บัตรจะเข้าใจยากมาก ขอความกรุณาและระวังบัตรอาจจะเขียนติดยาก ถ้าเขียนแล้วไม่ติดให้แจ้งเจ้าหน้าที่ ไม่เช่นนั้นเขาจะลบออกให้เป็นบัตรเสีย

แวบบินกลับร่วมยินดี"ลูกเรียนดี"

ช่วง บ่าย น.ส.ยิ่งลักษณ์ และคณะเดินสายปราศรัยและลงพื้นที่พบปะกับประชาชนที่โรง เรียนบ้านเสียวพิทยาสรร จ.กาฬสินธุ์ ตามด้วยปราศรัยที่ศาลากลาง จ.กาฬสินธุ์ จากนั้นได้เดินพบปะกับประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าที่ตลาดสดทุ่งนาทอง ก่อนจะเดินทางมาปราศรัยที่โรงเรียนกมลาไสย จากนั้นได้เดินทางไปปราศรัยที่หลังสถานีรถไฟ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น จุดนี้มีประชาชนมารุมล้อมมอบดอกกุหลาบสีแดง พร้อมตะโกนว่า "นายกหญิงของเมืองไทย" "นายกหญิงคนสวย" และได้มีหญิงสูงอายุประมาณ 60-65 ปี จำนวน 2 คน บอกว่าดีใจมากที่พบนายกหญิงคนแรกของเมืองไทยอย่างใกล้ชิด ร้องไห้เข้าหา น.ส.ยิ่งลักษณ์ แต่เจ้าหน้าที่ได้ห้ามเข้าใกล้

จาก นั้นไปปราศรัยที่ อ.พล และเดินทางไปปราศรัยที่ลานสระใหญ่ อ.บัวใหญ่ จ.นครราช สีมา ก่อนปิดท้ายปราศรัยที่ อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ซึ่งมีประชาชนมารับฟังการปราศรัยเต็มพื้นที่สนามกีฬา ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์และคณะ จะเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยเช่าเหมาลำเครื่องบินเอกชนเพื่อกลับไปแสดงความยินดีกับ ด.ช.ศุภเสกข์ อมรฉัตร บุตรชาย ที่ได้รับรางวัลเรียนดี ที่โรงเรียนนานาชาติ แฮร์โรว์ ในวันที่ 24 มิ.ย.นี้ ก่อนจะนั่งเครื่องบินเช่าเหมาลำกลับมาลงพื้นที่หาเสียงต่อที่ จ.ชัยภูมิ จ.ขอนแก่น และ จ.นครราช สีมา ในช่วงบ่ายของวันเดียวกัน

ปูปราศรัยจนเสียงแหบ

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศการปราศรัยในแต่ละจุดยังมีประชาชนมารอให้การต้อนรับและร่วม ฟังปราศรัยกว่า 1 หมื่นคน ท่ามกลางแดดที่ร้อนอบอ้าว โดยเฉพาะที่ลานสระใหญ่ได้มีประชาชนมาร่วมฟังปราศรัยกว่า 2 หมื่นคน ทำให้ต้องปิดการจราจร 4 ช่องทาง ขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ต้องใช้เวลาในการเดินฝ่าฝูงชนเข้าไปประมาณ 10 นาที เนื้อหาการปราศรัยยังคงเป็นการเน้นย้ำนโยบายการแก้ไขปัญหาปากท้องและสินค้า ราคาแพง รวมทั้งการขยายโอกาสเพิ่มรายได้ให้กับคนยากจน

ผู้สื่อข่าว รายงานว่า การปราศรัยในพื้นที่ภาคอีสานช่วงโค้งสุดท้ายในครั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ แม้จะมีสีหน้ายิ้มแย้มสดใส แต่ที่ต้องเดินทางไปปราศรัยในหลายพื้นที่ ทำให้เสียงของน.ส.ยิ่งลักษณ์ แหบแห้งอย่างเห็นได้ชัด และทำให้การปราศรัยในแต่ละจุดใช้เวลาเพียง 5 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งจองตั๋วเครื่องบินมาร่วมปราศรัยกับคณะของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ยกเลิกการเดินทางดังกล่าวอย่างกะทันหัน เนื่องจากต้องเฝ้าติดตามการปราศรัยใหญ่ของพรรคประชาธิปัตย์ที่แยกราชประสงค์ ขณะที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของ

พ.ต.ท.ทักษิณ แยกตัวไปเดินสายช่วยผู้สมัคร ส.ส.มหาสารคาม ลงพื้นที่หาเสียงในจุดที่คะแนนยังสูสีกันอยู่

พท.ยังต้องลุ้นโคราช

ผู้ สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างการลงพื้นที่ปรา ศรัยของน.ส.ยิ่งลักษณ์ที่จ.กาฬสินธุ์ แกนนำพรรครายหนึ่งที่มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการเลือกตั้งในภาคอีสาน เปิดเผยผลโพลที่พรรคสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อผู้สมัครส.ส.เขต เทียบเคียงกับผู้สมัครส.ส.พรรคอื่นๆ ไล่เรียงจากลำดับที่ 1-3 ครอบคลุม 20 จังหวัดในภาคอีสาน รวมทั้งสิ้น 126 เขตเลือกตั้ง ที่บันทึกไว้ในไอแพดส่วนตัว ให้สื่อมวลชนดูทุกจังหวัด ยกเว้นที่เดียวคือ จ.บุรีรัมย์ พบว่าในจังหวัดที่น่าสนใจเพราะมีการแข่งขันสูสี อาทิ จ.อุบลราชธานี เขต 3 และเขต 10 ยังมีคะแนนตามผู้สมัครจากพรรคประชาธิปัตย์ และชาติไทยพัฒนาตามลำดับ

ขณะที่จ.นครราชสีมา ที่มีเขตเลือกตั้ง 15 เขต ในเขต 1, 2, 6, 9, 10 และ 12 เป็นพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน และพรรคภูมิใจไทย ที่มีคะแนนนำพรรคเพื่อไทย โดยคะแนนนิยมของพรรคเพื่อไทยเฉลี่ยที่ 30-40 เปอร์เซ็นต์ ส่วนจังหวัดที่เป็นพื้นที่ของคนเสื้อแดง เช่น จ.อุดร ธานี ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยมีคะแนนชนะขาดคู่แข่งยกจังหวัด จ.บึงกาฬ ผู้สมัครพรรคเพื่อไทยมีคะแนนนำทั้ง 2 เขต ในสัดส่วน 55 เปอร์เซ็นต์ และ 53 เปอร์เซ็นต์ โดยแกนนำคาดว่าจะได้ส.ส. เขตในอีสานถึง 101 เขต ส่วนที่เหลือยังสูสีในหลายเขต หากรวมระบบเขตและบัญชีรายชื่อด้วยจะได้ส.ส.อีสานมากถึง 150 คน และจะได้ส.ส. ยกจังหวัดที่ 15-17 จังหวัด โดยได้แสดงความมั่นใจถึงขั้นท้าพนันกับผู้สื่อข่าวว่า พรรคเพื่อไทยจะได้ส.ส.รวมทั้งสิ้น 240 ที่นั่ง


อ่านรายละเอียดทั้งหมดคลิ้ก ข่าวสด

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker