สุชาติ นาคบางไทร อดีตนักโทษคดี112ที่เพิ่งพ้นโทษ กล่าวในงานฌาปนกิจศพ"อากง"นักโทษคดี112เ้มื่อวันที่ 26 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยเชิดชูจิตใจว่าอากงนั้น"ฟ้าสั่งมาเกิด การเสียชีวิตของคนๆหนึ่งที่สัเทือนถึงจักรวาล"ได้อุทิศตนไม่ต่างไปจากลุงนวม ทอง แท็กซี่ที่พลีชีพเพื่อต่อต้านเผด็จการ
สุชาติกล่าวว่าแม้เขา เพิ่งจะออกจากคุก มีคนเตือนว่าไม่ควรพูดอะไีร แต่การที่ต้องโทษคดี112มาแล้วก็เหมือนได้วัคซีนเป็นภูมิคุ้มกัน นับแต่ต่อนี้ไปคนจะกล้าพูดมากขึ้นเรื่อยๆ ไม่เกิน 5 ปีจากนี้ไปประชาชนจะครองเมือง และบันทึกประวัติศาสตร์ด้วยตัวของพวกเราเอง
พร้อมกันนั้นได้กล่าวเชิญชวนไปร่วมงานเดี่ยวโทรโข่งของเขาในวันที่ 3 พฤศจิกายนนี้ ว่าจะเปิดเผยทุกเรื่องราวและมีมุกมายิงกระจาย
คำปราศรัย อ.ธิดา ถาวรเศรษฐ ในงานฌาปนกิจศพ อากง 26 ส.ค. 2555
ที่มา เว็บไซต์ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน
สวัสดี ค่ะ...นมัสการพระคุณเจ้าทั้งหลาย... ณ วันนี้ดิฉันถือว่าเป็นเกียรติยศอย่างสูงที่ได้มาพูด ณ ที่นี้ในงานฌาปนกิจของคุณอำพน ตั้งนพคุณ ที่เราเรียกกันทั้งประเทศและทั่วโลกว่า “อากง” เรามาร่วมกันส่งวิญญาณของคุณอำพนให้ไปสู่สุคติ และเพื่อที่เราจะได้สืบทอดปณิธานเพื่อไม่ให้การเสียชีวิตของคุณอำพนนั้นเป็น การเสียชีวิตที่ไม่สูญเปล่า
แน่ นอน ! อาจมีคนวิพากษ์วิจารณ์ประชาชนทั้งหลายและคนในประเทศนี้จำนวนมากว่า ควรจะทำหลายอย่างที่ดีกว่านี้ในกรณีอากง นั่นก็เป็นความจริงส่วนหนึ่งและก็เป็นความจริงระดับหนึ่ง ดิฉันในเมื่อพอจะมีเวลาก็อยากจะพูดว่าการเสียสละชีวิตของคุณอำพนนั้น ส่งผลสะเทือนถึงสังคมไทยและสังคมโลกทั้งหมด
ประการ แรกที่สำคัญที่สุดคือ อากงเป็นคนธรรมดา อากงไม่ใช่นักการเมือง อากงไม่ใช่นักวิชาการปัญญาชน อากงไม่ใช่ผู้ยิ่งใหญ่ แต่อากงเป็นประชาชนธรรมดาและความเป็นประชาชนธรรมดานั้นจึงยิ่งใหญ่ที่สุดที่ สร้างผลสะเทือนต่อประเทศไทยและสังคมทั้งโลกโดยที่ฝ่ายระบอบอำมาตย์ฯ ไม่รู้ตัวว่าทำอะไรอยู่ เพราะฉะนั้นความเป็นคนธรรมดานั้นคือความยิ่งใหญ่ ไม่จำเป็นต้องเป็นผู้นำนักต่อสู้ แต่ว่าคนธรรมดาสามารถสร้างผลสะเทือนทางการเมืองยิ่งใหญ่ได้ นี่คือแบบอย่างอากง
ตัว ดิฉันเองได้มีโอกาสเข้าไปพบอากงในเรือนจำและได้ฝากคำพูดนี้กับอากงว่า คืออากงเป็นคนถ่อมเนื้อถ่อมตัว ฝากเนื้อฝากตัว ดิฉันได้เข้าไปกับทนายและเข้าไปพบกลุ่มผู้ถูกคุมขังทั้งหมดตอนนั้น 40 กว่าคน และดิฉันได้เรียนกับอากงตอนมีชีวิตอยู่ว่า อากงจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม แต่อากงได้สร้างประวัติศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ว่า คนธรรมดาคนหนึ่งสามารถทำให้ประเทศไทย ระบอบอำมาตย์ฯไทยสั่นสะเทือน และชนชั้นนำไทยนั้นสั่นสะเทือนด้วยความง่าย ๆ อ่อนน้อมถ่อมตัว และการที่คนทั่วโลกพร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างว่า อากงไม่ควรจะเป็นผู้ถูกกล่าวหาเยี่ยงนี้
ประการ ที่สำคัญที่สุดก็คือ ชี้ให้เห็นว่าประเทศนี้ระบบนิติรัฐนิติธรรมนั้นยังไม่ถูกต้อง กระบวนการกล่าวหาหรือข้อพิสูจน์ หลักฐานต่าง ๆ นั้นมันไม่เป็นไปตามที่ควรจะเป็นในประเทศที่เจริญแล้วทั้งหลาย มันยังเป็นเครื่องยืนยันต่อโลกว่าการกล่าวหาโดยหลักฐานอ่อน และการที่ไม่พบว่ามีความผิดชัดแจ้งเพียงแต่มีข้อสงสัย ข้อสงสัยก็ทำให้คน ๆ หนึ่งนั้นต้องกลายเป็นนักโทษการเมืองผู้ถูกคุมขังและไม่ได้รับการประกันตัว และคำพูดที่ยิ่งใหญ่ของคนธรรมดาของคุณรสมาลินหรือป้าอุ๊ เมื่อคืนนี้ป้าอุ๊บอกดิฉันว่า “ป้าอุ๊จบ ป.4” แต่ดิฉันบอกป้าอุ๊ว่า คำพูดของป้าอุ๊นั่นสั่นสะเทือนมาก ตอนที่บอกว่า “อากงกลับบ้านกันเถิดเขาปล่อยลื้อแล้ว”
นี่ เป็นคำพูดที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ที่ต้องการที่จะตอกหน้าระบอบอำมาตย์ฯไทยให้รู้ว่า กระบวนการนิติรัฐนิติธรรมไทย ทำให้คน ๆ หนึ่งต้องกลับบ้านด้วยร่างที่ไร้วิญญาณ และทั้งสองคนนั้น คนหนึ่งเสียชีวิตไปแล้ว แต่ครอบครัวที่ยังอยู่ล้วนเป็นวีรกรรมทั้งสิ้นต่อประชาชน นอกจากปัญหาหลักฐานที่ไม่ได้มีความแน่นอนแน่ชัด เพียงแต่สงสัยก็เอาคนเข้าคุก นี่จึงเป็นการพิสูจน์ว่าระบอบนิติรัฐนิติธรรมในประเทศไทยนั้นยังไม่เกิด และดิฉันอยากจะเรียนว่าพี่น้อง เราเศร้าใจ เสียใจ แต่ว่านี่คือสิ่งที่ตอกย้ำให้รู้ว่า ในการเสียสละของอากงนั้นเป็นเหยื่อของความขัดแย้งทางการเมืองในประเทศไทย และอากงถูกหยิบยกขึ้นมาเพื่อที่ต้องการจะปราบปรามจัดการ ไม่ว่าโดยการใช้อาวุธหรือการใช้กระบวนการยุติธรรม เพื่อที่จะมีความเชื่อว่าถ้าทำเช่นนี้แล้ว คนทั้งหมดจะไม่มีใครกล้าที่จะออกมาท้าทายอำนาจรัฐระบอบอำมาตย์ฯอีก แต่เป็นความเข้าใจผิด
เพราะ ฉะนั้น แม้นว่าด้านหนึ่งมันแสดงออกถึงนิติรัฐนิติธรรมที่ยังไม่เกิดขึ้นในประเทศไทย อันนี้เป็นเหมือนสิ่งรับรองก็คือการไม่ให้ประกันตัวอากงและนักโทษหรือผู้ถูก คุมขังทางการเมืองทุกคน มันเป็นเรื่องยากแสนยาก หลายคนอาจจะเป็นผู้กล้าหาญในการพูด แต่ดิฉันรับรองว่า นปช. คนเสื้อแดงทั้งหมดมีความพยามยามในการปฏิบัติโดยไม่ต้องพูดก็ได้ เพื่อที่จะช่วยเหลือว่าจะทำอย่างไรให้พี่น้องเราออกมาให้ได้ คนที่เสียสละชีวิตไปแล้วและคนที่ยังอยู่จำนวนมากก็รู้ว่าเราได้พยายามเต็ม ที่ แต่ถูกกล่าวหาว่าอาจจะมีความกล้าหาญ (ทางจริยธรรม) น้อยไปสักหน่อยก็ได้ ไม่เป็นไร
แต่อีกอันหนึ่งก็คือว่าคำว่า “จริยธรรม” สำหรับ นักต่อสู้ประชาชนเราจะไม่ใช้ เพราะคำว่าจริยธรรมถูกพวกระบอบอำมาตย์ฯจับจองไปแล้วว่าเขาเป็นพวกมีจริยธรรม แต่สำหรับเราจะพูดถึงความเป็นธรรมและความชอบธรรมเท่านั้น
สำหรับ ความขัดแย้งอันนี้ทางการเมืองนั้นเราจะเห็นได้ว่ากรณีของอากงนั้นเป็นการ สะท้อนออกว่า ความต้องการปราบปรามผู้ที่ท้าทายระบอบอำมาตย์ฯนั้นทำได้ทุกส่วน ไม่ว่าจะเป็นการใช้กองกำลังอาวุธปราบปรามเข่นฆ่าประชาชน หรือแม้นว่าใช้กระบวนการยุติธรรมจับกุมคุมขังไม่ให้ประกันตัว จนพวกเราในที่สุดจำเป็นต้องยอมที่จะสารภาพโดยไม่ต่อสู้คดีเพราะรู้ว่าอนาคต นั้นยากมาก แต่เราพร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าผู้ที่ถูกกรณี 112 จะทำอย่างไร ?
เรา มีความเข้าใจว่าแต่ละคนมีเส้นทางชีวิตที่ไม่เหมือนกัน เราพร้อมที่จะอยู่เคียงข้างและสนับสนุน สำหรับความขัดแย้งทางการเมืองและการแสดงออกที่ทำให้อากงต้องเสียสละชีวิต ก่อนวัยอันควรนี้ ขอให้มันเป็นสิ่งที่ประเทศนี้และประชาชนต้องไม่ลืมเลือนที่จะใช้เรื่องราว นี้ในการต่อสู้ และชี้ให้เห็นว่าประเทศนี้ความจริงแล้วความคิดจารีตนิยม ความคิดล้าหล้งที่ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงนั้นอยู่ในฐานะครอบงำในทุกปริมณฑล เพราะฉะนั้น
ใน ฝ่ายประชาชนนั้นจำเป็นที่จะต้องเรียกร้องต่อสู้ด้วยการปฏิบัติที่เป็นจริง การพูดก็เป็นส่วนหนึ่งของการต่อสู้ แต่จะดียิ่งกว่าถ้าเราช่วยกันขับเคลื่อนด้วยความเป็นจริง
เพราะ ฉะนั้นขอให้พวกเราที่อยู่ ณ. ที่นี้ ขอให้รำลึกถึงอากงเพื่อที่ให้วิญญาณของอากงนั้นไปสู่สุคติ เราขอตั้งปณิธานร่วมกันว่าเราที่มีอยู่ทั้งหมดและแม้จะไม่ได้อยู่ ณ ที่นี้ แม้นคำพูดนี้ได้ถ่ายทอดไปยังคนเสื้อแดงและประชาชนทั่วไป เพราะปัญหากรณี 112 ไม่เกี่ยวกับสีเสื้อแต่อย่างใด เป็นหน้าที่ประชาชนไทยทั้งประเทศที่ต่อสู้กับสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ต่อสู้กับความคิดล้าหลังและจารีตนิยมสุดโต่งที่เป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาของ ประเทศต่อไป
เรา จะตั้งปณิธานร่วมกันว่าเราจะยืนหยัดต่อสู้ไม่ให้การเสียสละชีวิตของอากงนั้น สูญเปล่า และขอคารวะดวงวิญญาณของอากงร่วมกันว่า ท่านเสียสละอย่างยิ่งใหญ่ ท่านไม่รู้หรอกว่า ท่านได้กลายเป็นวีรชน และวีรกรรมอันนี้มีคุณประโยชน์ต่อการต่อสู้ของประเทศชาติ
ขอให้พี่น้องทั้งหลายยืนขึ้นเพื่อไว้อาลัยและรำลึกต่อการเสียสละของอากงร่วมกันด้วยค่ะ....ขอบคุณค่ะ.....สวัสดี.....
ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กล่าวในงานฌาปนกิจศพคุณอำพล ตั้งวัฒนกุล (อากง) ณ เมรุวัดลาดพร้าว กรุงเทพมหานคร วันเสาร์ที่ 25 สิงหาคม 2555