Sat, 2012-08-25 08:05
คืนนี้หยิบหนังสือที่ปราบดา หยุ่นแปลชื่อเป็นภาษาไทยไว้อย่างงดงามว่า “จะเป็นผู้คอยรับไว้ไม่ให้ใครร่วงหล่น”ขึ้น มาอ่านอีกหนึ่งรอบ ในวันที่ทั้งการมีชีวิตและการไม่มีชีวิต...ค่อยๆหล่นไปๆ.... พรุ่งนี้อากงจะกลายเป็นธุลีที่เป็นแค่ผงฝุ่นเล็กๆที่คงบังอาจทำได้เพียงทำ ให้บางคนเคืองตาไปตลอดชีวิต... หรืออาจลอยสูงเหนือไปกว่านั้นผ่านน้ำตาของใครอีกหลายคน
ข้อความเหล่านี้เขียนให้”ป้าอุ๊” (รสมาลิน)
สำหรับชีวิตที่หนักหน่วงในช่วงไม่ถึง2 ปีสุดท้ายกับอากง
มาจนถึงแม้หลังโศกนาฏกรรมส่วนตัวของครอบครัว
ป้าอุ๊ก็ยังคอยรับไว้อีกหลายชีวิตอย่างแข็งขัน
ด้วยไม่อยากให้ใครร่วงหล่นลงมาอีก... เหมือนกับที่แกเคยแบกรับไว้ไม่ทัน...
หนุ่มในห้องขัง
ปลายเดือนธันวา 2554 หนุ่มในห้องขังชะเง้อมองหาพวกเรา ด้วยความเงอะงะของพวกเราเองที่ไม่รู้ว่าเลยเวลารอบเยี่ยมที่กำหนดไว้ เพียง15นาทีต่อคนต่อรอบที่พวกเราลงเวลาไว้ ...”ลงรอบใหม่เลยครับ” หนุ่มตะโกนร้องบอกทันทีตอนเห็นเราวิ่งเข้าไปถาม...แม้เราต่างก็ไม่รู้จักกัน มาก่อนเลย.... หนุ่มพรั่งพรูตอบทุกอย่างที่เราถาม กระหายในมิตรภาพ สุภาพในทุกคำพูด “อยากได้หนังสืออ่านครับ...ผมอยากเข้าใจ” ...เขาคือ”หนุ่ม(เรดนนท์)และช่องทางหนึ่งของอิสรภาพที่เขาต้องการเพื่อไปให้ พ้นจากสิ่งที่กักขังเขาไว้....
ปลายเดือนธันวา 2554 หนุ่มในห้องขังชะเง้อมองหาพวกเรา ด้วยความเงอะงะของพวกเราเองที่ไม่รู้ว่าเลยเวลารอบเยี่ยมที่กำหนดไว้ เพียง15นาทีต่อคนต่อรอบที่พวกเราลงเวลาไว้ ...”ลงรอบใหม่เลยครับ” หนุ่มตะโกนร้องบอกทันทีตอนเห็นเราวิ่งเข้าไปถาม...แม้เราต่างก็ไม่รู้จักกัน มาก่อนเลย.... หนุ่มพรั่งพรูตอบทุกอย่างที่เราถาม กระหายในมิตรภาพ สุภาพในทุกคำพูด “อยากได้หนังสืออ่านครับ...ผมอยากเข้าใจ” ...เขาคือ”หนุ่ม(เรดนนท์)และช่องทางหนึ่งของอิสรภาพที่เขาต้องการเพื่อไปให้ พ้นจากสิ่งที่กักขังเขาไว้....
ในโลกของฉัน...คือการออกแบบพื้นที่นานาชนิดให้แก่มนุษย์ผู้มีอิสรภาพ
ที่จะเลื่อนไหลไปบนพื้นที่ต่างๆตามใจต้องการ
ไปจนถึงคาดหวังว่าความคิดสร้างสรรค์ จินตนาการและการเรียนรู้นานาชนิด
อาจถูกกระตุกกระตุ้นกันแทบตายให้ได้ด้วยการลงทุนสร้างพื้นที่อันแสนสวย
งาม...เพื่อคนที่ไม่กล้าที่จะคิด? คิดแต่ไม่กล้าที่จะแสดงออก?
แสดงออกแต่ก็จะต้องบิดเบือนความคิดที่แท้จริงออกไปเสียบ้างเพราะความ
กลัว?...คนแบบหนุ่มจึงได้รับเชิญให้ไปอยู่ในอีกโลกหนึ่งเสีย...
มีพื้นที่”เพื่อการเรียนรู้”มากมายอยู่ข้างนอกเพื่อคนที่ถูกทำให้
ด้านชากับการคิด
ส่วนคนที่ถูกตัดสินว่า....เขาเป็นอิสระมากเกินไปที่จะคิด...กลับถูกจำกัด
พื้นที่ไว้ในคุก
อิสรชนที่งดงามหลงเหลืออยู่น้อยเกินการปะทะสังสรรค์...พื้นที่นอกคุกจึงไม่
อาจสวยงาม ตราบใดที่เรายังอนุญาตให้สังคมมีนักโทษทางความคิด
หนุ่มพอจะหาทางออกได้อยู่ดี เหมือนกับที่Tim Robbins เคยพบอิสรภาพกับการร้องเพลงอยู่ในใจในคุกมืด ที่ Shawshank
โลกของหนุ่มและผู้ต้องหาทางความคิดอีกหลายสิบชีวิตจึงกักขังไม่ได้...และไม่
อาจหยุดสร้างพื้นที่นามธรรมให้ใจตัวเองภายใต้พื้นที่ที่ถูกจำกัด...พวกเขา
ไม่ได้ท้าทาย...เขาเพียงแต่มีสิ่งที่หลายคนยอมที่จะเสียมันไป
...ใครกันแน่ที่รู้จักอิสรภาพมากกว่ากัน...ระหว่างคนในคุกกับคนนอกคุก...
อิสรภาพของป้าอุ๊และอากง
ป้าอุ๊ตอนปลายปี2554 ในวันที่คำตัดสินของอากงเพิ่งผ่านไป1เดือน
ไม่มีความโกรธแค้นใดๆให้เรามองเห็น...นอกเสียจากคนที่อ่อนแรงและดู
ยับเยิน... มีสายตาที่ดูหวาดกลัวและตื่นผวาอยู่ในนั้น ป้าบอกว่า”สิ่ง”ที่กระทำกับแกนั้น มันคืออะไรแกยังไม่รู้จักมันเลย คนรอบตัวเปลี่ยนไป คนไม่รู้จักมานินทาว่ากล่าว
พวกเราเริ่มจากเป็นคนแปลกหน้า... โชคดี(หรือโชคร้าย)ที่เรายังพอรู้จัก”สิ่ง”นั้น...อะไร
ที่มันทำร้ายแก...มันเลือดเย็นและกระทำกันยาวนาน
พวกเราอาจโกรธตัวเองเสียมากกว่า
เพราะนอกจากรู้สึกบีบเค้นในใจกับสิ่งที่เห็นและได้ยิน
ก็ไม่สามารถพูดอะไรได้มากไปกว่า ให้ป้าอดทน
เราเป็นเพื่อนและมีอีกหลายคนที่จะไม่ปล่อยให้ป้าอุ๊โดดเดี่ยวเหมือนที่ผ่าน
มา
...ไม่ใช่อย่างนั้นเสียทีเดียวหรอก...
เราโกรธที่สังคมไทยยังเบียดขับคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มาเป็นเพื่อนร่วมโศก
นาฏกรรมที่คล้ายกันกับพ่อและแม่ของพวกเรากันอยู่อีกต่างหาก
โกรธที่มันบังคับให้ชีวิตเขาต้องผ่านเรื่องที่ต้องใช้ความเข้มแข็งกับความ
ไร้สาระของกฏหมายที่กระทำกับคนที่ไม่เคยต้องการสู้กับมัน...แล้วเราก็ได้แต่
ภาวนาให้ป้าอุ๊ผ่านมันไปให้ได้
“เดี๋ยวนี้ป้ารู้อะไรเยอะขึ้นมากแล้วนะ” ป้าอุ๊เมื่อ สค.2555 ทักทายเราด้วยประโยคนี้ ถึงป้าไม่บอกเราก็ติดตามข่าวและตามฟังสิ่งที่ป้าพูดอยู่เป็นระยะ มันบอกเราว่าป้าอุ๊กำลังยืนยันว่าไม่มีมนุษย์คนไหนยอมเจ็บปวดอยู่กับความไม่รู้ โดยเฉพาะเมื่อมันมากระทำกับคนที่เรารักและสิ่งที่เราหวงแหน พวกเราดีใจที่ป้าดูเข้มแข็งกว่าเมื่อปลายปีที่ผ่านมา
ป้าและอากงที่มีอาชีพเลี้ยงหลานรู้จัก”สิ่ง”เหล่านี้ในบั้นปลายชีวิต
เพราะเขาถูกขโมยเอาอิสรภาพไปดื้อๆ!
สิ่งที่ป้ารู้ก็คือสังคมไทยไม่ยอมปล่อยให้ชาวบ้านธรรมดาครอบครัวหนึ่งมี
ชีวิตเป็นอิสระได้
เพราะมันยังมีกฎหมายข้อหนึ่งที่สามารถหล่นใส่ลงหัวใครก็ได้ในวันที่โชคร้าย
สิ่งที่ป้าอุ๊ยังทำต่อไปก็เพื่อปลดปล่อยข้อหาไม่เป็นธรรมที่ค้างคาออก
จากร่างกายที่ไม่มีวิญญาณแล้วของอากง
มันเป็นการสู้เพื่อที่จะต้องไม่เกิดเรื่องเหล่านี้อีกด้วยน้ำใจของคนธรรมดา
ที่ความเข้าใจเหล่านี้แลกมาด้วยความเจ็บปวดที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนยื่น
เดิมพัน...
“เขาปล่อยลื้อแล้ว ลื้อเป็นอิสระแล้วนะ” ป้าอุ๊ไม่ได้แค่พูดกับอากง...ความตายไม่ใช่พ่ายแพ้...ป้าอุ๊และอากงเป็นอิสระเกินกว่าที่หลายคนจะตระหนักถึงมันอย่างสุดหัวใจ
...จะคอยรับกันไว้...ไม่ว่าอิสระชนจะร่วงหล่นลงมาอีกกี่คนก็ตาม...