บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2555

สถิตย์ ไพเราะ ความเห็นต่อคดีอากง (ถอดความคำบรรยายเนติบัณฑิตยสภา)

ที่มา ประชาไท

 
ที่มา: เฟซบุ๊คของพูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความของนายอำพล หรืออากง


เนื้อหาด้านล่างเป็นถ้อยคำที่ถอดมาจากคำบรรยายเนติบัณฑิตยสภา สมัยที่ 65 ซึ่งสอนโดย อ.สถิตย์ ไพเราะ อดีต ผู้พิพากษา พอดีมีพี่ที่ทำงานส่งมาให้ฟัง เลยถอดความมาเพื่อให้ได้อ่านกัน ทำคดีนี้ได้บทเรียนหลายอย่างทั้งปัญหาในการปล่อยตัวชั่วคราว การฝากขัง การพิสูจน์พยานหลักฐาน การรับฟังพยานหลักฐาน ไม่ได้อยากแก้ตัวในฐานะทนายความแต่อยากให้กระบวนการ ยุติธรรมเดินต่อไปข้างหน้าอย่างสง่างาม
งานเผาศพอากงจะจัดในวันที่ 26 สิงหาคมนี้ที่วัดลาดพร้าวนะคะ ขอเชิญทุกคนไปไว้อาลัยอากงค่ะ
------------------------------------------------------

มีคนถามเรื่องคดีอากงนะครับ
รัฐธรรมนูญ มาตร39 สันนิษฐานว่าทุกคนเป็นผู้บริสุทธิ์ เป็นหลักทั่วไปเมื่อเป็นผู้บริสุทธิ์คุณก็ต้องให้ประกัน ง่ายๆไม่ได้ลึกซึ้งอะไร โดยหลักการแล้วเมื่อถูกฟ้อง ศาลยังไม่พิพากษาว่ากระทำผิดหลักก็ต้องให้ประกันตัว หากไม่ให้ประกันตัวก็ต้องให้เหตุผลว่าทำไมถึงไม่ให้ และเหตุผลก็ต้องเป็นเหตุผลที่มีเหตุผล เหตุผลที่ไม่มีเหตุผล เช่น ผมถูกตั้งให้ปลดสำนวน เวลาปลดสำนวนต้องอ่านสำนวนทุกเรื่อง ผมก็ไปเจอสำนวนหลายเรื่องที่แปลกๆ คดีแรกจำเลยถูกฟ้องว่าลักช้าง ศาลสั่งว่า “ลักทรัพย์ใหญ่ใจอาจหาญไม่อนุญาต” เหตุผลนี้ไม่ใช่เหตุผลตามกฎหมายวิธีพิจารณาความกฎหมายไม่ได้เขียนอย่างนั้น  อีกสำนวนจำเลยถูกกล่าวหาว่าลักเข็มด้าย ลักของเล็กๆน้อยๆในบ้าน ศาลสั่งว่า “ลักเล็กขโมยน้อยไม่อนุญาต” กฎหมายไม่ได้เขียนว่าลักเล็กขโมยน้อยไม่อนุญาต ไม่มีหลักอะไร
ในคดีอากง ศาลสั่งในเรื่องประกันตัวว่า “ข้อเท็จจริงตามข้อหาการกระความผิดตามฟ้องกระทบต่อความรู้สึกประชาชนและความ มั่นคงของประเทศอย่างร้ายแรง” เขียนอย่างนี้ตั้งแต่ในชั้นยังไม่ได้สืบพยานเลย แสดงว่าศาลเชื่อแล้วว่าที่ฟ้องมาเป็นความจริง การเป็นผู้พิพากษาอ่านฟ้อง เชื่อแล้วเป็นผู้พิพากษาได้อย่างไร ต้องฟังพยานก่อนจึงจะเขียนได้ “ข้อเท็จจริงตามข้อกล่าวหากระทบความรู้สึกประชาชน” เขาพึ่งบรรยายฟ้องมายังไม่สืบพยานเลยบอกว่ากระทบแล้วได้อย่างไร ต้องสืบพยานเสียก่อน  ตัดสินโดยยังไม่ได้ฟังพยาน ไม่ใช่วิสัยผู้พิพากษาพึงกระทำเด็ดขาด คำฟ้องจะด่าว่าเลวร้ายอย่างไรก็เป็นคำฟ้องเท่านั้น ข้อเท็จจริงยังไม่ปรากฏว่าถูกผิดอย่างไร
และเดาต่อไปว่า  “หากผลการพิจารณาสืบพยานหลักฐานมั่นคงจำเลยอาจหลบหนี”  ศาลเริ่มเดาว่าถ้ามั่นคงจำเลยอาจหลบหนี แล้วถ้าเดาผิดใครรับผิดชอบ เอาคุณไปขังแทนไหม ไม่ได้ หลักอย่างนี้ไปเดาเอา รู้อย่างไรจะมั่นคงไม่มั่นคงก็เดาเอา เป็นการเดาที่เป็นผลร้ายแก่จำเลยเขา ไม่ใช่ลักษณะของศาลซึ่งเป็นคนกลางจะสั่งอย่างนี้  คำสั่งผิดรัฐธรรมนูญ รัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายวิธีพิจารณาความ ถ้าถามผมนะครับ
และก็เดานี้ผิดด้วย เพราะอะไร คำพิพากษาในคดีเองนี้เขียนว่า “แม้โจทก์ยังไม่สามารถนำสืบพยานอย่างชัดแจ้งว่า จำเลยเป็นผู้ส่งข้อความตามฟ้อง”  แสดงว่าศาลยอมรับว่าโจทก์เองไม่สามารถสืบพยานให้ชัดแจ้งได้ เขียนอย่างนี้แสดงว่าที่สั่งในชั้นประกันตัวผิด แต่ปรากฏว่าศาลเองก็ทำผิดครั้งที่สองคือ ไปลงโทษจำเลย ถ้าพยานไม่ชัดแจ้งคุณไปลงโทษจำเลยได้อย่างไร ขัดกฎหมายวิธีพิจารณา มาตรา 227 เขียนไว้ชัดเจนว่า ให้ชั่งน้ำหนักพยาน อย่าพิพากษาลงโทษจนกว่าจะแน่ใจว่ามีการกระทำความผิดเกิดขึ้นและจำเลยเป็นผู้ กระทำ  คำว่าแน่ใจก็คือชัดแจ้ง เมื่อคุณบอกว่าไม่ชัดแจ้งคุณไปลงโทษได้อย่างไร
ยิ่งตอนท้ายยิ่งเขียนผิดใหญ่เลย “แต่เป็นการยากที่โจทก์จะสืบด้วยประจักษ์พยาน” มีกฎหมายใดที่บอกว่าเป็นการยากแล้วจะมั่วลงโทษจำเลยได้ หลักมีอันเดียวคือ พยานโจทก์ต้องแน่ใจว่าจำเลยกระทำความผิด ไม่ว่าจะเป็น ประจักษ์พยานหรือพยานแวดล้อม ไม่ใช่ว่าพยานแวดล้อมแล้วมั่วลงโทษได้นะครับ และคำพิพากษานี้ก็จะอยู่ไปจนตายเพราะคำพิพากษานี้ไม่ได้แก้ เนื่องจากอากงตายไปแล้ว จะถูกวิจารณ์ชั่วกาลปาวสานเพราะศาลอุทธรณ์ศาลฎีกาไม่ได้แก้  อย่างนี้ผมเข้าใจว่าถ้าขึ้นศาลสูง ศาลสูงไม่ปล่อยไว้หรอกเพราะมันผิดกฎหมาย ขัดมาตรา 227 อย่างชนิดที่ว่าพระอาทิตย์ขึ้นทางตะวันตกเลย  เป็นนักกฎหมายหลักต้องมีไม่ใช่เขียนส่งเดช หากเป็นผู้พิพากษาอย่าไปทำ ไม่ใช่เรามีอำนาจทำไปเรื่อย คนที่อ่านกฎหมายไม่ใช่มีแค่เรา ท่าน อ.นิธิ เอียวศรีวงศ์ ท่านเขียนว่าศาลทำตามอำเภอใจก็ถูกของท่าน

อ.สถิตย์ ไพเราะ คำบรรยายวิชากฎหมายอาญา เนติบัณฑิตยสภาสมัยที่ 65 วันที่ 8 มิถุนายน 2555

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker