ในอดีต แม้การเมืองจะถูกตราหน้าว่าเป็นน้ำเน่าอย่างไร ผมว่า คุณธรรมและจริยธรรม ทางการเมือง ยังน่ายกย่องกว่าในปัจจุบัน อย่างมากก็มีการแจกปลาทู แจกรองเท้าแตะ กะปิ น้ำปลา ไปตามเรื่อง แต่สิ่งหนึ่งที่นักการเมืองรุ่นโบราณ เขามีกัน
คือเรื่องของสัจจะและสุภาพบุรุษ
สมัยนั้น รัฐธรรมนูญ ยังไม่พัฒนาเท่านี้ด้วยซ้ำ เป็นฉบับใต้ตุ้ม บ้าง อะไรบ้างก็ว่ากันไป นักการเมืองยุคนั้นก็ไม่ได้มี ความรู้ความสามารถอะไรมากมาย จบ ป.4 ก็ยังมี แต่ทำไม ชาวบ้านรัก ตำนานการเมืองอย่างคุณบุญเท่ง ทองสวัสดิ์ คุณปัญจะ เกสรทอง คุณบุญชู โรจนเสถียร หรือคุณแคล้ว นรปติ มีเรื่องเล่าชั่วลูกชั่วหลาน
ในสนามเลือกตั้งจะดุเดือดขนาดไหน เมื่อเลือกตั้งกันไปแล้ว ก็จบ ตามแบบฉบับของ นักการเมือง ไม่ต้องมีกรรมการกลางที่ไหนมาเป็นคนตัดสิน จบก็คือจบ
จะตั้งรัฐบาลกันที ก็วิ่งเอาล่อเอาเถิดกันพอหอมปากหอมคอ แต่สุดท้าย เมื่อใครได้เสียงข้างมากไป อีกฝ่ายก็ยอมยกธง ไม่ว่ากัน ไม่มีขั้วมีข้าง ในสภาจะปะทะคารมกันดุเด็ดเผ็ดมันขนาดไหน แต่ก็ไม่ถึงขั้นเอาเป็นเอาตาย นอกสภาก็ยังเฮฮาเหมือนเดิม
ต่อมาการเมืองเริ่มพัฒนา หรือที่เรียกกันว่า มีการปฏิรูปทางการเมือง มีรัฐธรรมนูญ ที่อ้างว่าดีที่สุด มี องค์กรอิสระขึ้นมามากมาย อาทิ กกต. ศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง เป็นต้น
ทำท่าจะดี แต่เอาเข้าจริง กลับมีแต่ความวุ่นวายตามมามากมาย เราได้เห็นใบแดง ใบเหลือง เราได้เห็นการยุบพรรคการเมือง เราได้เห็นการฉีกบัตรเลือกตั้ง เราได้เห็นการบอยคอตเลือกตั้ง เห็นการเลือกตั้ง โมฆะ และเราก็ได้เห็นการยึดอำนาจ ได้เห็นอำนาจบางอย่างเข้ามาครอบงำความเป็นประชาธิปไตยจนมืดมน
นี่หรือคือการปฏิรูปการเมือง
ผลพวงที่ตามมา การเมืองแบ่งเป็นขั้วเป็นข้างชัดเจน แข่งขันกันเอาเป็นเอาตาย ไปเสาะแสวงหาเปิดช่องให้อำนาจนอกรัฐธรรมนูญเข้ามา ทำลายระบอบประชาธิปไตย และอธิปไตยของประชาชน
หลักการและจริยธรรมถูกทำลายย่อยยับ
ดูการเลือกตั้งครั้งนี้นั่นปะไร จนบัดนี้ กกต.ยังปิดหีบไม่ลงต้องเลือกตั้งกันซ้ำซาก พรรคการเมืองก็สั่นคลอนแตกแยก ไม่รู้จะถูกใบแดง ถูกยุบพรรควันไหน ขนาดพรรคการเมืองที่ได้เสียงข้างมาก มาจากประชาชนยังไม่กล้าประกาศชัยชนะ ฉันทมติ จากประชาชนกลับต้องมาตกอยู่ในกำมือของ กกต.เพียง 5 คน
ใช่หลักการที่ถูกต้องหรือไม่
คนที่เป็นหัวหน้าพรรคเสียงข้างมากไม่แน่ว่าจะได้เป็นนายกฯ พรรคที่ได้เสียงข้างมาก ไม่แน่ว่าจะได้เป็นรัฐบาล เสียงส่วนน้อยมีบารมีเหนือเสียงส่วนใหญ่ และต่อไป คณะกรรมการพรรค หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรคการเมือง ก็จะเป็นแค่พวกโนเนม มาจากไหนไม่รู้ แกนนำคนสำคัญก็จะเป็นแค่สมาชิกพรรคธรรมดา เพราะกลัวถูกยุบพรรค กลัวถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองไปฉิบ
หลักการก็กลายเป็นหลักกู.
“หมัดเหล็ก”
คอลัมน์ คาบลูกคาบดอก