ตลอดช่วงบ่ายวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ข่าวการใช้กำลังตำรวจ-ทหาร เข้าสลายการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ มีออกมาหนาหูมาก อันเนื่องมาจากการแถลงของนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี
ที่ยืนยันผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ว่าจะปล่อยให้มีการชุมนุม กีดขวางการจราจร สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางสัญจร รวมไปถึงปล่อยให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญต่อชุมชนและโรงเรียนในย่านนั้น ต่อไปอีกไม่ได้
คำแถลงข่าวดังกล่าวได้ถูกตะแบงออกไปว่า จะมีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง
เป็นการฉกฉวยโอกาสของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นำเอามาหลอกกลุ่มผู้ชุมนุมที่เชิงสะพานมัฆวานให้รู้สึกฮึกเหิมและขณะเดียวกันก็ใช้เป็นข้ออ้างในการเรียกคนออกมาชุมนุมให้มาก
เป็นความพยายามในการแปรวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างได้จังหวะ ที่อาจมองได้ว่านายกรัฐมนตรีผิดพลาดหรือไม่ที่ออกไปป่าวประกาศ
บ้างก็ว่าไม่น่าจะไปบอกให้รู้ตัว แล้วอาศัยช่วงทีเผลอเข้าจับกุมแกนนำทั้ง 5 คน ให้หมดฤทธิ์ หมดเดช ก็เป็นอันจบเรื่องราว
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ไม่ได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ทำเอาบรรดาผู้รักประชาธิปไตย ที่ออกแนวฮาร์ดคอร์ พากันผิดหวังไปตามๆ กัน และมีการโพสต์ข้อความต่อว่านายกรัฐมนตรีกันสนั่นเว็บไซต์
ที่รัฐบาลไม่ลงไม้ลงมือกับพวกป่วนเมือง แถม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ยังออกมาสำทับว่ารัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดในเรื่องดังกล่าว และเชื้อเชิญให้ชุมนุมกันตามสบาย
คำประกาศยืนยันของ รมว.มหาดไทย เชื่อว่าทำเอาหลายคนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะหลงคิดว่ารัฐบาลยอมจำนนให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ เสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาประกาศชัยชนะแต่เช้าตรู่ ตามด้วยหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่พุ่งเป้าถล่มรัฐบาล ด้วยข้อกล่าวหาว่ากลับลำ ไม่กล้าปราบปรามม็อบขวางถนน
แต่เมื่อได้ฟังนายกรัฐมนตรีออกมาพูดชัดๆ อีกครั้ง ผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” จึงได้ถึงบางอ้อว่า จุดยืนของรัฐบาลต่อการชุมนุมยังครบถ้วนเหมือนเดิมทุกประการ
ว่าคนเพียงส่วนน้อยจะมาทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนไม่ได้ และนายสมัคร ในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง
แต่จะดำเนินการอย่างไร เป็นเรื่องของฝ่ายที่รับผิดชอบจะเป็นผู้ดำเนินการตามแผนและแนวทางที่มีการวางเอาไว้แล้ว
บนหลักการที่ย้ำมากคือจะต้องไม่ให้เกิดการสูญเสีย ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความละมุนละม่อม และเริ่มต้นด้วยการเจรจาทำความเข้าใจกันก่อนเป็นอันดับแรก
พูดง่ายๆ ก็คือว่า หากแกนนำการชุมนุมพูดจา “ภาษาคน” เข้าใจง่ายๆ ทุกอย่างก็จะสงบจบลงได้ด้วยดี ส่วนจะมีข้อบกพร่องของรัฐบาลเกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งอย่างใดในวันข้างหน้า ก็ว่ากันใหม่
เพราะข้ออ้างในการออกมาชุมนุมครั้งนี้ได้หมดความชอบธรรมไปแล้วตั้งแต่ร่างแก้ไข รธน. ตกไป ตามด้วยการลาออกของ นายจักรภพ เพ็ญแข
หากกลุ่มพันธมิตรฯ ยังมีสติ ยังมีสัจจะอยู่บ้าง ก็น่าจะรู้ดีว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ไม่ใช่ดึงดันปักหลักชุมนุม แล้วก็หาเหตุผลข้ออ้างใหม่ๆ ออกมาหลอกลวงประชาชนทุกวี่ทุกวัน
เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าไม่นานพี่น้องประชาชนก็จะจับทางได้ว่า จุดประสงค์สำคัญของการเคลื่อนไหว ที่แท้ก็ไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง แต่กลับเป็นเพียงการทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
เชื่อว่าท่ามกลางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ยังคงพยายามปลุกระดมผู้คนออกมาอย่างต่อเนื่อง มีพี่น้องจำนวนไม่น้อยที่เริ่มเข้าใจ และเริ่มได้เห็นชัดแล้วว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้มีความพยายามที่จะขยายผลออกไปเรื่อยๆ ด้วยการเติมข้อมูลเท็จเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ฟังคล้อยตาม
เพราะหากจับความดีๆ การปราศรัยบนเวทีถ้าไม่ใช่เรื่องเก่า ก็มีแต่เรื่อง “เขาเล่าว่า” หรือ “สมมติว่า” แทบทั้งสิ้น
ฉะนัน จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือ ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องยุติการชุมนุมกีดขวางการจราจร เหมือนอย่างที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองพยายามเจรจาขอร้องมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นที่นายกฯ ได้พูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ถึงการใช้เส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน
ที่เชื่อว่าคนที่อ้างรักชาติ และเทิดทูนสถาบัน คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก...!!
บิ๊กโบ๊ต
ที่ยืนยันผ่านสถานีโทรทัศน์ NBT ว่าจะปล่อยให้มีการชุมนุม กีดขวางการจราจร สร้างความเดือดร้อนรำคาญให้พี่น้องประชาชนที่ต้องใช้เส้นทางสัญจร รวมไปถึงปล่อยให้เกิดความเดือดร้อนรำคาญต่อชุมชนและโรงเรียนในย่านนั้น ต่อไปอีกไม่ได้
คำแถลงข่าวดังกล่าวได้ถูกตะแบงออกไปว่า จะมีการใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุมด้วยความรุนแรง
เป็นการฉกฉวยโอกาสของกลุ่มพันธมิตรฯ ที่นำเอามาหลอกกลุ่มผู้ชุมนุมที่เชิงสะพานมัฆวานให้รู้สึกฮึกเหิมและขณะเดียวกันก็ใช้เป็นข้ออ้างในการเรียกคนออกมาชุมนุมให้มาก
เป็นความพยายามในการแปรวิกฤติให้เป็นโอกาสอย่างได้จังหวะ ที่อาจมองได้ว่านายกรัฐมนตรีผิดพลาดหรือไม่ที่ออกไปป่าวประกาศ
บ้างก็ว่าไม่น่าจะไปบอกให้รู้ตัว แล้วอาศัยช่วงทีเผลอเข้าจับกุมแกนนำทั้ง 5 คน ให้หมดฤทธิ์ หมดเดช ก็เป็นอันจบเรื่องราว
การที่เจ้าหน้าที่ตำรวจ-ทหาร ไม่ได้ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม ทำเอาบรรดาผู้รักประชาธิปไตย ที่ออกแนวฮาร์ดคอร์ พากันผิดหวังไปตามๆ กัน และมีการโพสต์ข้อความต่อว่านายกรัฐมนตรีกันสนั่นเว็บไซต์
ที่รัฐบาลไม่ลงไม้ลงมือกับพวกป่วนเมือง แถม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ยังออกมาสำทับว่ารัฐบาลไม่เคยมีแนวคิดในเรื่องดังกล่าว และเชื้อเชิญให้ชุมนุมกันตามสบาย
คำประกาศยืนยันของ รมว.มหาดไทย เชื่อว่าทำเอาหลายคนกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะหลงคิดว่ารัฐบาลยอมจำนนให้กับกลุ่มพันธมิตรฯ เสียแล้ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรฯ ออกมาประกาศชัยชนะแต่เช้าตรู่ ตามด้วยหนังสือพิมพ์หลายฉบับที่พุ่งเป้าถล่มรัฐบาล ด้วยข้อกล่าวหาว่ากลับลำ ไม่กล้าปราบปรามม็อบขวางถนน
แต่เมื่อได้ฟังนายกรัฐมนตรีออกมาพูดชัดๆ อีกครั้ง ผ่านรายการ “สนทนาประสาสมัคร” จึงได้ถึงบางอ้อว่า จุดยืนของรัฐบาลต่อการชุมนุมยังครบถ้วนเหมือนเดิมทุกประการ
ว่าคนเพียงส่วนน้อยจะมาทำให้คนส่วนใหญ่ได้รับความเดือดร้อนไม่ได้ และนายสมัคร ในฐานะผู้นำรัฐบาล ก็ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่ปล่อยให้เหตุการณ์ทำนองนี้เกิดขึ้นในบ้านเมือง
แต่จะดำเนินการอย่างไร เป็นเรื่องของฝ่ายที่รับผิดชอบจะเป็นผู้ดำเนินการตามแผนและแนวทางที่มีการวางเอาไว้แล้ว
บนหลักการที่ย้ำมากคือจะต้องไม่ให้เกิดการสูญเสีย ทุกอย่างต้องเป็นไปด้วยความละมุนละม่อม และเริ่มต้นด้วยการเจรจาทำความเข้าใจกันก่อนเป็นอันดับแรก
พูดง่ายๆ ก็คือว่า หากแกนนำการชุมนุมพูดจา “ภาษาคน” เข้าใจง่ายๆ ทุกอย่างก็จะสงบจบลงได้ด้วยดี ส่วนจะมีข้อบกพร่องของรัฐบาลเกิดขึ้นอีกอย่างหนึ่งอย่างใดในวันข้างหน้า ก็ว่ากันใหม่
เพราะข้ออ้างในการออกมาชุมนุมครั้งนี้ได้หมดความชอบธรรมไปแล้วตั้งแต่ร่างแก้ไข รธน. ตกไป ตามด้วยการลาออกของ นายจักรภพ เพ็ญแข
หากกลุ่มพันธมิตรฯ ยังมีสติ ยังมีสัจจะอยู่บ้าง ก็น่าจะรู้ดีว่าควรจะทำอย่างไรต่อไป
ไม่ใช่ดึงดันปักหลักชุมนุม แล้วก็หาเหตุผลข้ออ้างใหม่ๆ ออกมาหลอกลวงประชาชนทุกวี่ทุกวัน
เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เชื่อว่าไม่นานพี่น้องประชาชนก็จะจับทางได้ว่า จุดประสงค์สำคัญของการเคลื่อนไหว ที่แท้ก็ไม่ใช่การเรียกร้องเพื่อประโยชน์ของบ้านเมือง แต่กลับเป็นเพียงการทำเพื่อตัวเองและพวกพ้อง
เชื่อว่าท่ามกลางการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ ที่ยังคงพยายามปลุกระดมผู้คนออกมาอย่างต่อเนื่อง มีพี่น้องจำนวนไม่น้อยที่เริ่มเข้าใจ และเริ่มได้เห็นชัดแล้วว่า การชุมนุมครั้งนี้ได้มีความพยายามที่จะขยายผลออกไปเรื่อยๆ ด้วยการเติมข้อมูลเท็จเพื่อโน้มน้าวให้ผู้ฟังคล้อยตาม
เพราะหากจับความดีๆ การปราศรัยบนเวทีถ้าไม่ใช่เรื่องเก่า ก็มีแต่เรื่อง “เขาเล่าว่า” หรือ “สมมติว่า” แทบทั้งสิ้น
ฉะนัน จึงเป็นเรื่องสมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่หรือ ที่กลุ่มพันธมิตรฯ จะต้องยุติการชุมนุมกีดขวางการจราจร เหมือนอย่างที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองพยายามเจรจาขอร้องมาอย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ประเด็นที่นายกฯ ได้พูดในรายการ “สนทนาประสาสมัคร” ถึงการใช้เส้นทางเสด็จพระราชดำเนิน
ที่เชื่อว่าคนที่อ้างรักชาติ และเทิดทูนสถาบัน คงจะเข้าใจได้ไม่ยาก...!!
บิ๊กโบ๊ต