บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอังคารที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2551

คอลัมน์: สามเหลี่ยมดินแดง

* หนังสือพิมพ์ประชาทรรศน์ รายวัน ฉบับประจำ วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2551 จงรัก ภักดีราช รายงานตัวปฏิบัติหน้าที่เช่นเคย

* รุกได้ ถอยเป็น คือ รูปแบบที่แปลกตาของ สมัคร สุนทรเวช ในฐานะนายกรัฐมนตรี ที่พลันตั้งหลักได้ ม็อบพันธมิตรฯ ภายใต้การนำของ สนธิ – จำลอง ก็ตกอยู่ในวงล้อมของประชาชนผู้เดือดร้อนแสนสาหัส ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ทุกกลุ่ม ทุกสาขาอาชีพ ที่ต้องอาศัยถนนราชดำเนินเป็นเส้นทางสัญจร ทั้งเพื่อการศึกษา และเพื่อทำมาหากินหาเลี้ยงชีวิตของตนเอง

* ผู้คนเดือดร้อนเป็นหมื่นเป็นแสน สนธิ – จำลอง ไม่เพียงไม่สำนึกกับการกระทำของตนเอง หากแต่ยังชี้หน้าด่ากราดทุกคน ทุกกลุ่ม ที่มีเจตนาร้ายต่อพันธมิตรฯ ว่าเป็นเครื่องมือของรัฐบาลมาดิสเครดิต 5 แกนนำ คนแบบนี้น่ะหรือที่ประกาศปาวๆ ทุกคืนว่า เป็นผู้เสียสละเพื่อประเทศชาติ ความเป็นจริงคือ เป็นผู้เรียกร้องให้ทุกคนในชาติ เสียสละความสุข เพื่อประโยชน์และบำบัดความใคร่ทางการเมืองของกลุ่มตนทั้ง 5 คนต่างหาก

* เด็กนักเรียนยกมือไหว้ขอร้อง ขอถนนคืน จะเดินทางไปโรงเรียน ยังสำแดงตอบด้วยอำมหิต “อยากเรียน ก็ต้องเดินไป ไม่มีรถผ่าน” เหตุผล ไม่เปิดถนน ไม่คืนเส้นทางให้เด็กนักเรียน เพราะ กลัว 5 แกนนำไม่ปลอดภัย แต่ไม่เคยพูดถึงความปลอดภัยของเด็กนักเรียน ที่ต้องเดินเท้า ท่ามกลาง มนุษย์พันธุ์หมาบ้าที่เดินตาขวางอยู่เต็มถนนราชดำเนิน

* พ่อค้าแม่ขายทำมาหากินไม่ได้ นักท่องเที่ยวหดหาย จนต้องเอาผลไม้เน่าเสีย เพราะขายไม่ออก มาเททิ้งให้เห็นจ ะจะกะตาว่าได้รับความเสียหายอย่างไร กลับถูก 5 แกนนำใจอำมหิต กล่าวหาว่าเป็นนักแสดงจัดฉากมาทำลายขบวนการพันธมิตรฯ ก็คิดกันแบบนี้ จึงกำหนดยุทธศาสตร์ลอยแพตัวเอง เพื่อรอวันพ่ายแพ้ โดยไม่มีมวลชนเข้าร่วมด้วย เหมือนเมื่อครั้งก่อน

* เสียทีมี นักยุทธศาสตร์ปลุกระดมมวลชนอยู่เต็มบ้านพระอาทิตย์ เรื่องง่ายๆ แค่นี้คิดไม่ออก ต้องการมวลชนเข้าร่วม แต่กลับทำให้มวลชนเดือดร้อนไปทั่วทุกหัวระแหง จนเป็นที่รังเกียจของคนทั้งบ้านทั้งเมือง แล้วจะเอาเรี่ยวแรงที่ไหนไปต่อกร ต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม ยิ่งชุมนุม ยิ่งโวยวาย ยิ่งดิ้นรน กระเสือกกระสน วิ่งวนไปโน่นไปนี่ ก็ยิ่งเหมือนหมาบ้า เข้าทุกวัน

* ถึงจะอยู่กันคนละข้าง แต่ก็เตือนกันด้วยหวังดี ในฐานะคนไทยด้วยกัน “เลิกฝัน แล้วหันหน้าเข้าหาความจริง” วันนี้ เกมปลุกระดมมวลชนร่วมไล่รัฐบาลทำท่าจะลำบากเสียแล้ว แต่จะมีมวลชนเรือนหมื่นเรือนแสนร่วมไล่ม็อบพันธมิตรฯ เร็วๆ นี้ หากยังไม่สลายตัวเอง ระวังจะตายคาตีนกองทัพประชาชน ทั้ง 5 แกนนำ นั่นแหละ

* ครั้งไล่ ทักษิณ ชินวัตร ก็ใส่เสื้อสีเหลือง ประกาศก้องว่า “เราจะสู้เพื่อในหลวง” ผลลงเอยคือ ศาลพิพากษาว่า สนธิ ลิ้มทองกุล แอบอ้างและใช้สถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเครื่องมือทางการเมือง สร้างความแตกแยกให้แก่คนในชาติ เป็นอันตรายต่อความมั่นคงของประเทศ มาครั้งนี้ ไล่ สมัคร สุนทรเวช สนธิ คนเดิมเจ้าเก่า ผูกผ้าพันคอสีฟ้าขึ้นเวที อ้างว่าได้รับพระราชทานมา ต้องจับตาดูกันต่อไปว่า บทสุดท้ายจะลงเอยอย่างไร

* เห็นด้วยกับ สุรชัย ด่านวัฒนานุสรณ์ เพื่อทำความจริงให้ปรากฏ เพื่อความกระจ่างแจ้งแก่หัวใจคนไทยทั้งชาติ จึงสมควรทำหนังสือถึงสำนักราชเลขาธิการ ถึงกรณีที่ สนธิ ลิ้มทองกุล กล่าวอ้างว่าได้รับพระราชทานผ้าพันคอสีฟ้ามา จริงหรือไม่ และ การนำมาใช้บนเวทีขับไล่รัฐบาลในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีความถูกต้องตามวัตถุประสงค์หรือไม่

* จงรัก ภักดีราช ขอแสดงความชื่นชมนิยมยินดีกับท่าทีของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ที่ประกาศจุดยืนกองทัพ จะยึดมั่นในแนวทางของกฎหมาย และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข พร้อมจะยืนเคียงข้างประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ

* คิดเป็นอื่นไปไม่ได้ นัยของการยืนเคียงข้างประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ ก็คือ การยืนอยู่ข้างรัฐบาลที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนเสียงส่วนใหญ่ของประเทศ มิใช่ยืนอยู่ใต้อิทธิพลคำสั่งของจอมบงการล้มล้างรัฐบาลเลือกตั้ง และยอมตนเป็นเครื่องมือของม็อบพันธมิตรฯ ดังเช่นที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน เคยปฏิบัติ และนำมาซึ่งความเสื่อมเสียอย่างใหญ่หลวงต่อกองทัพ ในสายตาประชาชน

* ที่น่าประหลาดก็คือ ในขณะที่ผู้นำกองทัพยอมรับแนวทางของกฎหมายและระบบรัฐสภา การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง แต่ พรรคการเมืองเก่าแก่พรรคหนึ่ง กลับหันหลังให้ระบบรัฐสภา หันหน้าเข้าหาเวทีพันธมิตรฯ สนับสนุนสมาชิกและประชาชนละเมิดกฎหมาย หวังใช้ความตาย เลือดเนื้อ และชีวิตของประชาชน เป็นบันไดสู่อำนาจแก่ตนเอง

* ดีนะที่รายการ ขำกลิ้งลิงกับหมา จบไปก่อน ไม่อย่างนั้น ได้เจอคู่แข่งที่เรียกเสียงฮาได้ไม่แพ้กัน ก็รายการ ฮากลิ้ง คตส. กับ คมช. นั่นเอง พอถึงเวลาจวนตัว ระยะสุดท้าย ก่อนอำนาจเถื่อนจะหลุดมือ ต่างคนต่าง วิ่งหนีเวรกรรมที่ไล่ตามทันถึงตัว กันหน้าเลิ่กลั่ก ร้องแรกแหกกระเชอให้ช่วยลั่นบ้านลั่นเมือง ก็แบบนี้ละหนา เคยได้ยินไหม “ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย”

* ขอให้พูดจริงทำจริงสักทีเถอะ จะได้ดู 11 ยอดฝีมือรับใช้มาร ติดคุกตอนแก่ เป็นบุญตา ได้แต่ภาวนาให้ สัก กอแสงเรือง อย่ากลับคำ กลืนน้ำลายตัวเอง ที่บอกว่า หากถูกออกหมายจับ จะไม่ขอประกันตัว แล้วก็อยากจะรู้ว่า ทนายความคนใดจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ พวกรับใช้กฎหมู่ ไม่เชิดชูกฎหมาย

* จำได้ไหม เมื่อครั้ง ตำรวจยุค เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส จับ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ อดีตอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา และผู้พิพากษาหัวหน้าคณะศาลฎีกา เข้าคุก ไม่ให้ประกัน ข้อหาไม่ไปรายงานตัวกับตำรวจตามหมายเรียก เสียงจากฝั่งพันธมิตรฯ ชื่นชมตำรวจเข้มแข็ง ปฏิบัติหน้าที่ดีเยี่ยม แต่ครั้น ตำรวจยุค พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ออกหมายจับ สุนัย มโนมัยอุดม กลับกล่าวหาลุแก่อำนาจ ปฏิบัติหน้าที่ไม่เหมาะสม

* ก็ถ้า มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ยังต้องเข้าไปใช้ชีวิตในคุก เพราะถูกออกหมายจับ ได้ แล้ว สุนัย มโนมัยอุดม จะมีสิทธิพิเศษเหนือกว่าได้อย่างไร ในเมื่อพฤติกรรมเหมือนกัน อยู่ใต้กฎหมายฉบับเดียวกัน และอยู่ในราชอาณาจักรไทยเหมือนกัน อย่ามาอ้างเป็นอดีตผู้พิพากษาศาลฎีกา ต้องได้รับสิทธิพิเศษ ตรงกันข้าม ควรจะต้องรับโทษมากเป็นพิเศษ ต่างหาก เพราะรู้กฎหมายดีอยู่แล้ว ยังบังอาจละเมิดและฝ่าฝืน

* สืบข่าวมาขายประสา จงรัก ภักดีราช หลัง สมัคร สุนทรเวช เข้าเฝ้าฯ ถวายรายงาน เมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา สถานการณ์ที่ระอุคุกรุ่นในกองทัพมานานนับเดือน ก็พลันยุติ เหมือน ฝนทิพย์เทใส่กองไฟที่ยังไม่มอดเชื้อ และปรากฏการณ์หลังจากนั้น ผู้นำกองทัพทุกคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน การเมืองต้องแก้ด้วยการเมือง ทหารไม่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่มีหน้าที่ปฏิบัติงานตามคำสั่งของรัฐบาล ตามกฎหมาย เท่านั้น

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker