• หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ท่ามกลางสถานการณ์ สับสนไร้หลักการ ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 1 มิถุนายน 2551............
• ฝ่ายเสียงข้างมาก ภายใต้ การตัดสินใจของ คณะผู้บริหารในปัจจุบัน ได้ประกาศยอมถอยหลายก้าวให้แก่ ฝ่ายชุมนุมประท้วง และ แนวร่วมทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็น โดยเฉพาะการเสียสละ จักรภพ เพ็ญแข จากตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ รวมถึงการ ถอนชื่อ เพื่อล้มญัตติขอแก้รัฐธรรมนูญ ถือเป็นการส่ง บรรณาการระลอกแรก!!!............
• และหากคณะผู้บริหารยังทำตัวหน่อมแน้ม ยอมทำตามข้อเสนอของ เสียงข้างน้อย ตลอดเวลา สุดท้ายประชาชนก็จะพากันไปเลือก เสียงข้างน้อย ให้กลายเป็น เสียงข้างมาก เพราะไม่รู้จะเลือก รัฐบาลเสียงข้างมาก ที่ทำตัวเป็น หุ่นเชิด ให้เสียงข้างน้อยไปทำไมเหมือนกัน สู้ไปเลือก เสียงข้างน้อยตัวจริงเสียงจริง เลยไม่ดีกว่าหรือ!!!............
• “เห่าไฟ” ขอยืนยันอีกครั้งว่า การปกครองในระบอบประชาธิปไตย ถือเป็นการปกครองที่ดีที่สุดในโลก แต่เพื่อให้ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เป็นที่ยอมรับของ นานาชาติ จะต้องดำเนินการทุกอย่างไปตามบทบัญญัติของ รัฐธรรมนูญโดยเคร่งครัด เพราะกฎหมายจะเป็น หลักประกันที่ดีที่สุด ให้แก่มนุษย์ทุกคน ส่วน อารมณ์ ของคนนั้น มีขึ้นมีลง เอาแน่นอนอะไรไม่ได้ แถมยังมี กิเลสตัณหา เป็นตัวบ่อนทำลาย ทำให้เกิด ความยุ่งเหยิงสับสน ขึ้นในบ้านเมือง!!! ............
• ก่อนหน้านี้ คณะปฏิวัติเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ก็เคยทำทุกอย่างไปตาม อารมณ์ ของเสียงข้างน้อย เพราะคิดว่า เสียงข้างน้อยที่ส่งเสียงดังเอ็ดตะโร คือ เสียงข้างมาก แต่ปรากฏว่า พอผลเลือกตั้งออกมาก็ หงายหลังกันตึง เพราะเสียงข้างมากตัวจริง ไม่เคยออกไป ประท้วงแหกปากโหวกเหวกโวยวายข้างถนน เนื่องจากมีความเข้าใจในระบอบประชาธิปไตยดีว่า ต้องไปใช้สิทธิในคูหาเลือกตั้งเพื่อแสดงความต้องการอย่าง อารยชนที่เจริญแล้ว และให้เห็นผลเป็น รูปธรรมที่ยั่งยืนเท่านั้น!!!............
• ล่าสุด รัฐบาลสมัคร คงอยากเลียนแบบ คณะปฏิวัติ ด้วยการยอมรับ ข้อเสนอ ของเสียงข้างน้อย เพื่อตัดรำคาญเสียงเอ็ดตะโรเอะอะโวยวาย แต่สุดท้ายก็จะพบได้เอง ว่า ไม่ใช่วิธีแก้ปัญหาที่ยั่งยืน เพราะเป้าหมายสำคัญของเสียงข้างน้อยก็คือ ขับไล่ตัวแทนเสียงข้างมากเพื่อ ช่วงชิง อำนาจการบริหารประเทศไปให้ พรรคนอมินี ของฝ่ายตนเช่นกัน!!!............
• และทั้งหมดนี้ก็คือ ความจริงของการเมืองไทย “เห่าไฟ” เห็นใจทุกฝ่ายที่เข้ามาเกี่ยวข้องกับการ จัดสรรอำนาจทางการเมือง เพื่อปกครองประเทศ เพราะทุกอย่างเต็มไปด้วย ความไม่แน่นอน ไม่มีอะไรลงตัว แม้แต่คนเก่งๆที่เคยบริหารธุรกิจจนประสบความสำเร็จสูงสุดอย่าง อดีตนายกฯทักษิณ ยังโดนเล่นงานจนสะบักสะบอม แทบเอาชีวิตไม่รอด!!!............
• ที่สำคัญ ตอนนี้ทุกคนก็เล่นการเมืองกันแบบ หงายไพ่เป็นหงายไพ่ตายกันแล้ว เอาจริงเอาจังยิ่งกว่าในหนังเสียอีก สู้กันแบบต้อง ติดคุกติดตะราง ไปข้างหนึ่ง ทั้งที่ทุกฝ่ายก็เป็น บุคลากรที่มีค่า ของบ้านเมืองด้วยกันทั้งนั้น แต่กลับต้องมา ห้ำหั่น กันเอง แทนที่จะ รวมหัวกันคิด เอาชนะประเทศคู่แข่ง กลับต้องสิ้นเปลือง พลังคิด เพื่อเอาชนะคะคานกันเอง น่าเวทนาประเทศไทยจริงๆ!!!............
• ยิ่งไปกว่านั้น “เห่าไฟ” เห็นพฤติกรรมของบางคนแล้วยิ่งทำให้สังเวชใจหนักขึ้น คือ เอะอะอะไร ก็จะ ประกาศสงครามยันเต ทำท่าขึงขัง ตะโกนเสียงดัง ปลุกระดม คุณลุงคุณป้า ที่นั่งฟังให้โกรธแค้นชิงชังคนไทยด้วยกันเอง ถ้าเป็นสมัยอยุธยาจะไปรบทัพจับศึกกับพม่าก็ว่าไปอย่าง แต่นี่คนไทยด้วยกันทั้งนั้น ฆ่ากันเกลียดกันแล้วได้อะไรหรือ!!!............
• “เห่าไฟ” ยืนยันว่า บ้านเมืองจะมั่นคงถาวรได้ ต้องยึด กฎหมายเป็นหลัก ไม่ใช่ปกครองไป ตามใจตามอารมณ์ ของคนบางคน เคยเห็นไหมในต่างประเทศ ฝรั่งในประเทศที่เจริญแล้วประท้วง เขาออกมาแสดงพลัง เป็นแสนเป็นล้านคน เต็มถนนไปหมด เสร็จแล้วก็ กลับไปทำงานต่อ ไม่มีการปักหลักอยู่ยาวสร้าง ความเดือดร้อนรำคาญ ให้คนอื่นเหมือนบ้านเรา แต่รัฐบาลในประเทศนั้นก็หนาวไปถึงกระดูก เพราะรู้ดีว่าเลือกตั้งสมัยหน้า ม่องเท่งแน่ ส่วนเมืองไทย ต้องยึดกฎหมู่เป็นหลัก ไม่งั้นไม่ใช่ฮีโร่ ฮ่วย!!!............
“เห่าไฟ”