(ที่มา : มติชนรายวัน ฉบับวันที่ 30 กันยายน 2554 หน้า3)
ต่อแถลงการณ์ 5 ปี รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ของ "คณะนิติราษฎร์"
เพราะคนเหล่านี้ล้วนเสพเสวยผลพวงของการรัฐประหารไม่โดยตรงก็โดยผ่านทางบุพการีจึงล้วนมีความจำเป็นต้องอ้าขาผวาปีก
ทั้งไม่ได้แปลกใจกับอาการอันมาจากหลายคนในพรรคประชาธิปัตย์
ทั้งไม่ได้แปลกใจกับน้ำเสียงและท่าทีอันปรากฏผ่านพาดหัวและการแสดงความคิดเห็นของสื่อบางสื่อ บางคน
แม้ว่าจะเป็นการออกมาให้ความชอบธรรมกับการรัฐประหารก็ตาม
คน เหล่านี้ลืมไปแล้วว่าเคยเจ็บปวดกับประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 17 ในยุค จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ อันพัฒนามาเป็นประกาศคณะปฏิวัติฉบับที่ 42 ในยุค จอมพลถนอม กิตติขจร อย่างไร
คนเหล่านี้ลืมไปแล้วว่าเคยคัดค้าน ต่อต้านกระทั่งได้รับการยกเลิกไปแล้ว
การ ยกเลิกประกาศและผลพวงอันเนื่องแต่การรัฐประหารมิได้เป็นเรื่องเหลือเชื่อ มิเช่นนั้นประกาศ รสช.ฉบับที่ 26 คงไม่ถูกที่ประชุมผู้พิพากษาศาลฎีกาวินิจฉัยในลักษณะเสียของ
กระนั้น คำถามยังอยู่ที่ว่าแล้วรัฐประหารเมื่อ 5 ปีก่อนเป็นความสำเร็จจริงละหรือ
ณ วันนี้ พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อาจได้เป็น ส.ว.ในซีกสรรหา ณ วันนี้ นายสกลธี ภัททิยะกุล อาจได้เป็น ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์
เช่นเดียวกับ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ได้เป็น ส.ส.พรรคมาตุภูมิ
แล้วถามว่ากระบวนการรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 สามารถ "ขจัด" พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ออกไปได้ตามเป้าหมายหรือไม่
อาจ "กำจัด" ให้พ้นไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
อาจ "กำจัด" ให้มีการยุบพรรคไทยรักไทยโดยคณะตุลาการรัฐธรรมนูญซึ่งแต่งตั้งโดยอำนาจของคณะรัฐประหาร
อาจ "กำกัด" มิให้เดินทางเข้ามาในประเทศได้
แต่ทุกฝ่ายแม้กระทั่ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน หรือ พล.อ.วินัย ภัททิยะกุล ก็ยอมรับว่ายังไม่สามารถ "ขจัด" ได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด
หากขจัดได้เมื่อกำจัดพรรคไทยรักไทยไปแล้วเหตุใดยังมีพรรคพลังประชาชน
หากขจัดได้เมื่อกำจัดพรรคพลังประชาชนไปแล้วเหตุใดยังมีพรรคเพื่อไทย
หาก ขจัดได้เมื่อกำจัดและกำกัด พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไปแล้ว เหตุใดยังมี นายสมัคร สุนทรเวช ยังมี นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และแม้กระทั่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี
รัฐประหารจึงเหมือนกับ "ชนะ" แต่ก็มิได้เป็นชัยชนะอย่างแท้จริง
ไม่ ต้องให้พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องให้ นปช.แดงทั้งแผ่นดิน ไม่ต้องให้คณะนิติราษฎร์หรอกที่จะมาสำแดงให้เห็นถึงความสูญเปล่าของการรัฐ ประหารเมื่อ 5 ปีก่อน
แม้กระทั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยก็สรุปว่า "เสียของ"
เสียของเมื่อมีการผลักดัน พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี ภายในร่มเงาของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.)
เพราะในที่สุดเลือกตั้งทั่วไปเดือนธันวาคม 2550 พรรคพลังประชาชนก็ชนะ
เสีย ของเมื่อมีความพยายามทุกอย่างเพื่อล้มรัฐบาล นายสมัคร สุนทรเวช รัฐบาล นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ กระทั่งในที่สุดยุบพรรคพลังประชาชน แล้วจัดตั้งรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในค่ายทหาร
โอบอุ้มแม้ว่าจะนำไปสู่ความสูญเสียชีวิตของประชาชนกว่า 90 บาดเจ็บพิการร่วม 2,000 ถูกจับกุมคุมขังด้วยข้อหาร้ายแรงสารพัดเกือบ 300 คน
แต่เมื่อเลือกตั้งทั่วไปเดือนกรกฎาคม 2554 ก็พ่ายแพ้พรรคเพื่อไทยอย่างยับเยิน
ถาม ว่าพรรคเพื่อไทยมิได้ต่อยอดมาจากพรรคพลังประชาชน มิได้เป็นผลพวงความสำเร็จมาจากพรรคไทยรักไทยหรอกหรือ ยิ่งกว่านั้น ทั้ง นายสมัคร สุนทรเวช นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มิได้เป็นการเสกปั้นจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรอกหรือ
ชัยชนะทั้งหมดนี้มาจากการตัดสินใจเลือกของประชาชนอันเป็นเสียงส่วนใหญ่
หากต้องการดำรงและรักษา "อำนาจ" เอาไว้ให้ยืนยาวมีความจำเป็นต้องศึกษา สรุปอย่างจริงจัง
สรุป ว่าเหตุใดรัฐประหารเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 จึงล้มเหลว สรุปให้รู้ถึงสาเหตุ มูลเชื้อและความคิดชี้นำอันเป็นเครื่องกำหนดเป้าหมายในทางยุทธศาสตร์และ ยุทธวิธี
แล้วบทสรุปก็จะนำไปสู่สำเหนียกแห่งเสียงเตือนว่า-อย่าทำอีกเลย