บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

เร่งปั๊มผลงาน ตัดวงจรอุบาทว์

ที่มา ข่าวสด



เร่งการบ้านกันตั้งแต่หัววัน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯ เรียกประชุมรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยหลังจากทำงานได้แค่ 1 เดือน หารือปัญหาติดขัดในการทำงานของแต่ละกระทรวง

ทั้งยังมีแนวคิดว่าต่อไปนี้รัฐมนตรีเพื่อไทยควรจะมาปรึกษาหารือนอกรอบทุกวันจันทร์ ทำความเข้าใจกันก่อนการประชุมครม.วันรุ่งขึ้น

หัวข้อที่นายกฯหญิงเน้นย้ำคือ ให้รัฐมนตรีของพรรคเร่งรัดดำเนินงานตามกรอบนโยบายที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ให้ได้โดยเร็ว

เพราะ อย่างที่เห็นกันอยู่ว่ารัฐบาลชุดนี้ออกตัวด้านนโยบายได้ไม่ค่อยดีนัก หลายอย่างใช้วิธีทำแบบลองผิดลองถูก หรือลงมือทำไปก่อนแล้วค่อยหาทางปรับแก้กันทีหลัง

อย่างเช่น นโยบายยกเว้นการจัดเก็บเงินเข้ากองทุนน้ำมันชั่วคราว มีผลให้เบนซินราคาถูกลงฮวบฮาบ คนหันกลับไปแห่เติม สวนกระแสรณรงค์พลังงานทดแทน รัฐบาลเลยต้องตามแก้ด้วยการลดราคาแก๊สโซฮอล์ลงเพื่อถ่างราคา

หรือ อย่างล่าสุดนโยบายคืนภาษีรถยนต์คันแรกกับบ้านหลังแรก ที่สังคมครหาว่าเอื้อประโยชน์ให้คนรวยมากกว่าผู้มีรายได้น้อย ทำให้รัฐบาลต้องปรับหลักเกณฑ์กันใหม่อีกรอบเพื่อลดกระแสโจมตี

ทั้ง สองเรื่องตัวอย่าง ถ้ามองในแง่ดีก็สะท้อนให้เห็นว่ารัฐบาลพร้อมเปิดกว้างรับฟังเสียงวิพากษ์ วิจารณ์จากสังคมรอบด้าน แล้วนำมาปรับ ปรุงแก้ไข

แต่อีกด้านหนึ่งก็ ฉายภาพถึงการ เตรียมตัวด้านนโยบายมาไม่ค่อยดีนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะนโยบายต่างๆ เหล่านี้"คนคิดไม่ได้ทำ คนทำไม่ได้คิด"

ผลที่ออกมาเลยไม่ฮือฮาร้อนแรงเหมือนสมัยรัฐบาลทักษิณ



อาการเครื่องสะดุดตั้งแต่ออกตัว

คือ เหตุผลให้"นายใหญ่"ต้องสไกป์มาจากต่างประเทศ ลงแส้รัฐมนตรีพรรคด้วยตัวเองให้เร่งสร้างผลงาน ไม่ว่าการช่วยเหลือเยียวยาชาวบ้านหลังน้ำท่วม

การนำโครงการกองทุน หมู่บ้านและเอสเอ็ม แอลกลับมาใช้ใหม่โดยเพิ่มงบประมาณเข้าไป รวมถึงการผลักดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ที่เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการกระตุ้นเศรษฐกิจ

แต่สิ่งที่ทักษิณกำชับเป็นพิเศษคือ การเดินหน้าแต่ละโครงการต้องใช้ความรอบคอบ ผ่านการศึกษาอย่างละเอียด และต้องไม่มีการทุจริตเด็ดขาด

เพราะนั่นคือ"จุดสลบ"ของทุกรัฐบาล

ถึง แม้การเคลื่อนไหวของทักษิณที่บินฉวัดเฉวียนไปมาระหว่างประเทศร่วมภูมิภาค ตั้งแต่บรูไน มาเก๊า กัมพูชา มาเลเซีย ฮ่องกง รวมถึง การสไกป์เข้ามาบัญชาการสั่งงานรัฐมนตรีเพื่อไทย

จะทำให้ฝ่ายค้านสบช่องโจมตีว่า ทำให้ประเทศไทยดูเหมือนมีนายกรัฐมนตรี 2 คน "ตัวจริง" กับ "โคลนนิ่ง" ที่คอยกำกับดูแลการบริหารประเทศ

ทั้งยังกระทบต่อภาพลักษณ์ผู้นำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ผู้เป็นน้องสาวอีกด้วย

ทั้ง ที่รู้ดีว่าจะต้องถูกฝ่ายตรงข้ามโจมตีจากแง่มุมดังกล่าว แต่ทักษิณมองว่าเนื่องจากสถาน การณ์รัฐบาลในตอนนี้ ยังอยู่ในช่วงการกระชับกลไกอำนาจข้าราชการ ผ่านการจัดทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายประจำปี ยังไม่ลงตัวแล้วเสร็จ

โดยเฉพาะในส่วนของกองทัพซึ่งติดขัดอยู่ตรงพ.ร.บ.จัดระเบียบข้าราชการกระทรวงกลาโหม ไม่เปิดช่องให้ฝ่ายการเมืองเข้าไปล้วงโผได้

รวมถึงองค์ประกอบรัฐบาลที่นายกฯและรัฐ มนตรีแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นมือใหม่หัดขับ

ช่วง ออกตัวจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องได้รับการประคับประคองจากตนเอง ซึ่งมีประสบการณ์ช่ำชองกว่าทั้งในด้านวิสัยทัศน์การทำงาน และบารมีทางการเมือง

ทักษิณเชื่อว่ามีผลงานเท่านั้น จะเป็นเกราะป้องกันรัฐบาลให้รอดพ้นจากปากเหยี่ยวปากกา โดยเฉพาะจากกลุ่มอำนาจเก่าที่ยังทำใจไม่ได้กับผลเลือกตั้งที่พ่ายแพ้หมดรูป แล้วพยายามเขย่ารัฐบาลอย่างหนัก เพื่อหวังได้อำนาจกลับคืน

ด้วยวิธีถนัดและเคยทำมาแล้ว



อย่างไรก็ตามการอ่านเกมของทักษิณ

โดยเนื้อหาก็ไม่หนีไปจากการออกมาปูดข้อมูลของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย และแกนนำเสื้อแดงก่อนหน้านี้ที่ว่า

ขบวนการโค่นล้มรัฐบาลยิ่งลักษณ์จะเริ่มเดินเครื่องเต็มสูบประมาณเดือนธันวาคม

โดย เป็นการร่วมมือกันระหว่างนักการเมืองกับอำนาจนอกระบบ ในรูปแบบผสมผสานบูรณาการเหมือนอย่างที่เคยล้มรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลสมัคร และรัฐบาลสมชายมาก่อน

ประกอบกับกรณี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ สั่งการผ่าน นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ

ให้ ส่งสำนวนคดี 13 ศพ จากเหตุ การณ์สลายม็อบเสื้อแดงเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 ที่ดีเอสไอเคยสรุปไว้เองว่าอาจเป็นการตายโดยฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ แต่กลับถูกดองเก็บเอาไว้ในยุครัฐบาลอภิสิทธิ์

กลับไปให้กองบัญชาการตำรวจ นครบาล (บช.น.) ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมาย ก่อนส่งให้อัยการ พิจารณาส่งศาลไต่สวนชี้ขาด

ข่าว แจ้งว่ารัฐบาลต้องการใช้กรณี 13 ศพเป็นเรดาร์นำร่องไปสู่การสะสางคดี 78 ศพที่เหลือในเหตุการณ์เดียวกัน โดยมุ่งเน้นเอาผิดไปยังระดับ"คนสั่งการ" มากกว่าระดับเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติตามคำสั่ง

การสั่งเร่งเดินหน้าหาตัวคนสั่งการปราบม็อบ 91 ศพ ตามกระแสเคลื่อนไหวกดดันของกลุ่มเสื้อแดง

ถูก จัดให้เป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นฝ่ายตรงข้าม ให้ต้องหาทางโค่นล้มรัฐบาลชุดนี้ให้ได้ก่อนคดีจะเดินหน้าไปไกลมากกว่านี้ไม่ ว่าด้วยวิธีใดก็ตาม

จึงไม่แปลกถ้าหากฝ่ายตรงข้ามจะโหมปล่อยอาวุธโจมตีรัฐบาลจากทุกแง่มุม

กระนั้น ก็ตามทางออกของรัฐบาลในเรื่องนี้ ไม่น่าผิดไปจากที่ทักษิณและตัวนายกฯ ยิ่งลักษณ์เองก็รู้ดี คือต้องเร่งผลิตผลงานออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ต่อสายตาประชาชนโดยเร็ว

เพื่อสร้างเกราะคุ้มกันได้ทันกระแสปั่นป่วนในอีก 3 เดือนข้างหน้า

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker