บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันอาทิตย์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2554

ทวงคืน"ยุติธรรม" ฆ่าม็อบเสื้อแดง ตร.กระชับวงล้อม ประเดิมคดี 13ศพ

ที่มา ข่าวสด

คอลัมน์ รายงานปทุมวัน



ยืด เยื้อมานานหลายเดือนนับจาก นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) แถลงเหตุการตายในเหตุการณ์สลายการชุมนุมเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2553 รวม 91 ศพ

นายธาริต ซึ่งแถลงเมื่อต้นปีที่ผ่านมาแบ่งผู้เสียชีวิตออกเป็น 3 กลุ่ม กลุ่มแรกคือเสียชีวิตเพราะเชื่อว่าเป็นฝีมือคนเสื้อแดง หรือกลุ่มที่แฝงตัวเข้ามา กลุ่มที่ 2 ซึ่งมีจำนวนมากที่สุดยังไม่ทราบว่าเป็นฝีมือใคร

และสุดท้ายรวม 13 ศพ เชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ!??

นาย ธาริต แถลงขณะที่ประเทศไทยบริหารงานโดยรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ซึ่งมีนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เป็นรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง

ทั้ง 2 คนเป็นผู้สั่งการผ่านศอฉ.ส่งทหารพร้อมอาวุธหนักทั้งเอ็ม 16 รถหุ้มเกราะ และหน่วยสไนเปอร์ ออกมาปราบปรามผู้ชุมนุม

แต่ หลังจากแถลงมีความไม่พอใจทั้งจากฝ่ายรัฐบาลและทหาร จนคดี 13 ศพต้องชะงักไป โดยดีเอสไอและตำรวจก็โยนสำนวนกันไปมา และเรื่องก็ค่อยๆ เงียบหายไป

จน เมื่อพรรคเพื่อไทยชนะเลือกตั้งอย่างเอกฉันท์ ได้นายกฯ หญิงคนแรกของไทยที่ชื่อ "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร" มี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็น รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ญาติผู้เสียชีวิตทั้งหมดโดยเฉพาะ 13 รายที่ ดีเอสไอสรุปมาก่อนหน้านี้ จึงเริ่มมีความหวัง

และรัฐบาลชุดใหม่ก็เดินเครื่องเร่งพิสูจน์ข้อเท็จจริง เพื่อหาตัวผู้กระทำผิดคืนความยุติธรรมให้เหยื่อกระสุนทมิฬ!!!

p เปิดรายชื่อ 13 ศพเหยื่อปืน

สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 13 รายซึ่งดีเอสไอ สรุปมาก่อนหน้านี้น่าเชื่อว่าเป็นฝีมือของเจ้าหน้าที่รัฐ ประกอบด้วย

1.นาย มานะ อาจราญ ในพื้นที่สน.ดุสิต 2.พลฯ ณรงฤทธิ์ สาละ พื้นที่สน.พญาไท 3.นายชาติชาย ชาเหลา พื้นที่สน.ปทุมวัน 4.นายฮิโรยูกิ มูราโมโตะ พื้นที่สน.พลับพลาไชย 1 5.นายรพ สุขสถิต พื้นที่สน.ปทุมวัน 6.นายมงคล เข็มทอง พื้นที่สน.ปทุมวัน 7.นายสุวัณ ศรีรักษา พื้นที่สน.ปทุมวัน

8.นาย เกียรติคุณ ฉัตร์วีระสกุล พื้นที่สน.วัดพระยาไกร 9.นายประจวบ ประจวบสุข พื้นที่สน.วัดพระยาไกร 10.นายบุญมี เริ่มสุข พื้นที่สน.ปทุม วัน 11.ด.ช.คุณากร ศรีสุวรรณ พื้นที่สน.พญาไท 12.นายพัน คำกอง สน.พญาไท และ 13.นายชาญณรงค์ พลศรีลา พื้นที่สน.พญาไท

ในจำนวนนี้มี 3 ราย ซึ่งเป็น 3 ใน 6 ศพเสียชีวิตภายในวัดปทุมวนาราม ร่วมกับ "น้องเกด"น.ส.กมนเกด อัคฮาด อาสาพยาบาล ในวันที่ 17 พฤษภาคม 2553 ซึ่งเป็นเหตุการณ์สะเทือนใจอย่างมาก เพราะเป็นการเลือกยิงเหยื่อแบบไม่มีทางต่อสู้ โดยหลายศพเป็นหน่วยกู้ภัย หรืออาสาพยาบาล ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการชุมนุมเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่เขาเหล่านั้นมาช่วยเหลือผู้บาดเจ็บโดยไม่เลือกฝ่าย

โดยเฉพาะ น.ส.กมนเกด ตายในชุดพยาบาลซึ่งมีเครื่องหมายกาชาด หรือกากบาทสีแดงขนาดใหญ่ ที่แม้ในภาวะสงคราม แพทย์-พยาบาลหรือแม้แต่พาหนะที่มีเครื่องหมายกาชาด จะได้รับการยกเว้นจากฝ่ายตรงข้าม

ส่วนกรณีนายฮิโรยูกิ ซึ่งเป็นช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ ถูกยิงตายเป็นศพแรกๆ เมื่อวันที่ 10 เมษายน ระหว่างทำข่าวคนเสื้อแดงปะทะกับทหารบริเวณถนนดินสอ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร

รมว.ต่างประเทศ รวมไปถึงเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ตามจี้คดีมาหลายครั้ง แต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ไม่มีคำตอบที่ชัดเจน

ทั้งมีรายงานว่าคดีนายฮิโรยูกิ อาจจะพลิกผันเพราะส่งผลกระทบกับรัฐบาลเก่าอย่างรุนแรง

ส่วน นายชาญณรงค์ หรือลุงชาญณรงค์ เจ้าของฉายา "ผู้ก่อการร้ายหนังสติ๊ก" ซึ่งถูกยิงตายโดยเจ้าหน้าที่รัฐชัดเจนที่สุดคดีหนึ่ง เพราะมีพยานมากมายรวมทั้งภาพถ่ายจากช่างภาพต่างประเทศที่อยู่กับลุงชาญณรงค์ ในช่วงเกิดเหตุ ซึ่งบันทึกภาพลุงชาญณรงค์ ใช้หนังสติ๊กยิงสู้กับปืนของทหารบริเวณถ.พญาไท เขตราชเทวี ก่อนถูกยิงบาดเจ็บสาหัส และมีทหารมาลากตัวขึ้นรถหายไป ก่อนกลายเป็นศพในเวลาต่อมา

สำหรับรายอื่นๆ ก็มีพยานหลักฐานมากเพียงพอทำให้ดีเอสไอ สรุปว่าตายเพราะเจ้าหน้าที่รัฐ

p บช.น.สานต่อ-ชันสูตรใหม่

ดี เอสไอสรุปคดี 13 ศพตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา แต่ทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเงียบเชียบ และมีการโยนคดีกันไปมาระหว่างตำรวจกับดีเอสไอว่าใครจะเป็นคนทำกันแน่!??

เพราะ ไม่มีใครอยากรับเผือกร้อนก้อนนี้เอาไว้ เนื่องจากขณะนั้นอำนาจทั้งหมดอยู่ในกำมือนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ซึ่งเป็น 2 คู่หูที่สั่งทหารออกปราบม็อบ

ทำให้คดี 13 ศพถูกดองไว้เรื่อยมา

จนเมื่อเปลี่ยนรัฐบาลใหม่ และได้ร.ต.อ.เฉลิม มาเป็นรองนายกฯ ดูแลเรื่องความมั่นคง จึงเริ่มสังคายนาคดีทั้งหมด

โดย นายธาริต ซึ่งตอนแรกคาดว่าจะโดนเด้งพ้นเก้าอี้อธิบดีดีเอสไอ เพราะทำงานตอบสนองรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ อย่างสุดลิ่มทิ่มประตู แต่ท้ายที่สุดยังเหนียวแน่นในตำแหน่ง เพราะสามารถปรับตัวทำงานเข้าขากับ ร.ต.อ.เฉลิม และพรรคเพื่อไทยมากขึ้น

นายธาริต ตัดสินใจถอนเรื่องการขอชันสูตร 13 ศพออกจากความรับผิดชอบ เพื่อมอบอำนาจให้ตำรวจรับไปดำเนินการทั้งหมด ตามบัญชาของร.ต.อ.เฉลิม

"ผม เป็นประธานคดีพิเศษ และดีเอสไอเสนอขออนุมัติชันสูตรพลิกศพ 13 ศพ ที่ตายในเหตุการณ์ต่างๆ เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 53 แต่คัดค้าน เพราะอธิบดีดีเอสไอหรือพนักงานสอบสวนดีเอสไอ ไม่มีอำนาจชันสูตรพลิกศพ อำนาจหน้าที่เป็นของพนักงานสอบสวนในท้องที่ที่พบศพ ซึ่งเมื่ออธิบายไปแล้วอธิบดีดีเอสไอก็ถอนเรื่องออก จึงอยากให้เข้าใจว่าเรื่องนี้ไม่ใช่นโยบายรัฐบาล รัฐบาลจะแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมไม่ได้"

ร.ต.อ.เฉลิมกล่าว และว่าการไต่สวนคดี ชันสูตรพลิกศพต้องเป็น ไปตาม ป.วิอาญา ถือว่าตายโดยผิดธรรมชาติ จะต้องทำสำนวนไต่สวนชันสูตรพลิกศพมี 2 อย่าง ตายโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน หรืออยู่ในระหว่างการควบคุมของเจ้าพนักงาน ปัญหามีอยู่ว่าช่วงที่ พล.ต.ต.อำนวย นิ่มมะโน รองผบช.น. ทำคดี ยังไม่มีข้อเท็จจริงปรากฏชัดว่า ตายโดยการกระทำของเจ้าพนักงาน หรือมีคนอ้างว่าเจ้าพนักงานทำให้ตาย จึงส่งเรื่องให้ดีเอสไอ

p ตั้งทีมสอบสวนชุดใหญ่

"แต่ เมื่อดีเอสไอพิจารณาว่าเป็นฝีมือเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องส่งสำนวนการสอบสวนชันสูตรพลิกศพทั้ง 13 สำนวน มายังบช.น. เพื่อพิจารณามอบให้พนักงานสอบสวนท้องที่ที่ศพนั้นอยู่ดำเนินการตามประมวล กฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา แล้วส่งเรื่องให้อัยการพิจารณาส่งศาลไต่สวนตามกฎหมายต่อไป นครบาลก็รับดำเนินการโดยไม่ต้องเกรงใจผม และรัฐบาล อะไรที่เป็นจริงก็ต้องเป็นไปตามนั้น"

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เมื่อถึงขั้นไต่สวน อัยการและทนายญาติผู้ตายจะนำพยานเข้าสืบ ตำรวจในพื้นที่ก็ต้องเตรียมแถลงต่อศาลในการไต่สวน หรืออ้างว่าใครเป็นคนสั่ง ด้วยวาจา หรือลายลักษณ์อักษร หรือสั่งผ่านโทรศัพท์ เมื่อพาดพิงถึงใครก็ต้องเรียกบุคคลเหล่านั้นมาเบิกความ เรื่องนี้ไม่ได้รื้อคดี แต่เป็นเรื่องหลักกฎหมาย

หลังได้ข้อยุติทาง ดีเอสไอก็หอบสำนวนการสอบสวนทั้งหมดส่ง มายังกองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) เพื่อดำเนินการสืบสวนหาข้อ เท็จจริง

พล.ต.ต.อนุชัย เล็กบำรุง รอง ผบช.น. ได้รับแต่งตั้งเป็นหัวหน้า พนักงานสอบสวนคดีชันสูตร 13 ศพ มีพล.ต.ต.สำเริง สุวรรณพงษ์ ผบก.ประจำบช.น. เป็นผู้ช่วยโดยแยกสำนวนออกเป็น 3 ชุดแบ่งตามเขตสน. 3 กองบังคับการ (บก.) คือ บก.น.1 มี พ.ต.อ.วิชาญญ์วัชร บริรักษ์กุล รอง ผบก.น.1 เป็นหัวหน้า บก.น.5 มี พ.ต.อ.สุคุณ พรหมายน รอง ผบก.น.5 เป็นหัวหน้า และบก.น.6 มี พ.ต.อ.สืบศักดิ์ พันธุ์สุระ รอง ผบก.น.6 เป็นหัวหน้า

นอกจากนี้ ยังมีพนักงานสอบสวนในพื้นที่ต่างๆ รวมทั้งสิ้น 44 คน มาร่วมกันทำคดีนี้

ส่วนฝ่ายสืบสวนมี พ.ต.อ.สมบัติ มิลินทจินดา รองผบก. สส.บช.น. เป็นหัวหน้า มีหน้าที่ติดตามคน ดูแลพยานวัตถุ และเทคโนโลยีต่างๆ

"เมื่อ ดำเนินการเสร็จ ส่งอัยการแล้ว อัยการจะทำเรื่องส่งให้ศาล เพื่อทำคำร้องขอไต่สวน จากนั้นก็เป็นกระบวนการตามขั้นตอนต่อไป" พล.ต.ต.อนุชัย กล่าว

p คนสั่งรับ-คนทำรอด

พร้อมกับการเดิน เครื่องสืบสวนสอบสวนการตาย 13 ศพ ตัวแทนญาติผู้เสียชีวิต เข้ายื่นหนังสือถึงร.ต.อ.เฉลิม และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รมว.ยุติธรรม เพื่อส่งถึงน.ส.ยิ่งลักษณ์ โดยขอให้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดคดีนี้ เพราะเกิดเหตุมานานกว่า 1 ปีแล้ว

ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ดีเอสไอได้ส่งสำนวนการสืบสวนสอบสวนกลับไปให้ตำรวจในท้องที่ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องร่วมกับอัยการชันสูตรพลิกศพใหม่ ซึ่งจะต้องทำให้เสร็จภายใน 30 วัน แต่ตามกฎหมายสามารถขอขยายเวลาได้ 2 ครั้ง ครั้งละ 30 วัน

"ตามกรณีที่พบว่าเสียชีวิตจากการกระทำของเจ้า พนักงาน กฎหมายกำหนดให้ศาลเป็นผู้ไต่สวน ทั้งนี้ หากพบว่าการเสียชีวิตดังกล่าวเกิดจากการสั่งการของผู้ดำรงตำแหน่งทางการ เมือง จะต้องส่งสำนวนไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการไต่สวนความผิดต่อไป ดังนั้น เรื่องนี้จึงขึ้นอยู่ที่ศาล แต่ขอให้สบายใจเชื่อมั่นในการไต่สวนของศาล"

รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ยืนยันอีกว่า เท่าที่ตรวจสอบในเบื้องต้นข้าราชการผู้ปฏิบัติหน้าที่จะปลอดภัย เพราะจากประมวลกฎหมายอาญา ม.62 และ ม.70 จะคุ้มครองเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ซึ่งตาม ม.70 หากเจ้าพนักงานผู้มีอำนาจสั่งการและผู้รับคำสั่ง เชื่อโดยสุจริตว่าคำสั่งที่เจ้าพนักงานสั่งเป็นคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมายเขาก็ พ้นผิด

"อย่างที่บอกว่ามีชายชุดดำ เผาบ้านเผาเมือง มีกองกำลังเจ้าหน้าที่เขาก็เชื่อ อย่างนั้นเจ้าหน้าที่เขาก็ไม่ผิด แต่คนสั่งต้องรับผิดชอบ"

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าว

เชื่อว่าอีกไม่ นานเกินรอทุกอย่างจะชัดเจน ยิ่งเมื่อมีการเปิดเผยหลักฐานต่างๆ ในชั้นศาล ความจริงจะปรากฏเพื่อคืนความเป็นธรรมให้ผู้เสียชีวิต

และให้ผู้สั่งทหารออกมาปราบม็อบจนตาย-เจ็บจำนวนมาก รับผิดชอบ ที่ทำให้เลือดคนไทยนองแผ่นดินไทยอย่างที่ไม่ควร จะเป็น!??

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker