กำไรเห็นๆ ไม่น้อยกว่า 300 ล้านถ้าบอกเลิกสัญญา ในทีสุด ฯพณฯ ถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ของรัฐบาลประชาธิปัตย์ ท่านก็จัดการเลิกสัญญากับทางบริษัทฯ DRCอย่างเงืยบๆ ในปี 2552-2553 ไม่มีใครทราบว่า ผลประโยชน์ก้อนโตไปตกอยู่กับใคร ? แล้วเรื่องก็เงียบหายไป ...
โดย ซามอ....ซามอ
ภายหลังการรัฐประหการโค่นล้มรัฐบาลทักษิณ ปี 2549 โดยกล่าวหาว่ามีการทุจริตมโหฬาร...?..เหตุการณ์ร้ายในสามจังหวัดชายแดนใต้ ประทุขึ้นอีกครั้งโดยกล่าวอ้างว่า ก็เพราะนโยบายทักษิณ...
ที่ทะลึ่งไปยุบ ศอบต. ?
ปี 2550 สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ได้มีการดำเนินโครงการ กล้องวงจรปิด ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้.......โดย วิธีพิเศษ เพื่อ เป็นเครื่องมือในการป้องกันและปราบปรามการก่อการร้ายของกลุ่มก่อการร้ายใน สามจังหวัดชายแดนใต้........
โดยมีกรมการปกครองของ......กระทรวงมหาดไทยเป็นหน่วยงานที่รับผิดชอบโครงการ
มีแผนงาน ติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวน 3,596 จุด วงเงินงบประมาณ 969 ล้านบาท
โดยจัดสรรกล้องให้กับ จ.ปัตตานี 990 ตัว, ยะลา 596 ตัว, นราธิวาส 1,028 ตัว, สตูล 32 ตัว และ 4 อำเภอของ จ.สงขลา 874 ตัว
สำหรับบริษัทที่เป็นคู่สัญญากับกระทรวงมหาดไทยโดยวิธีพิเศษ และเป็นผู้ดำเนินโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิดในห้าจังหวัดชายแดนภาค ใต้ คือ บริษัทดิจิตัล รีเสิร์ช แอนด์ คอนซัลติ้ง จำกัด หรือ ดีอาร์ซี (DRC) บริษัท ดิจิตอล รีเสิร์ชแอนด์ คอนซัลทิ่ง จำกัด มี นายชาญ กุลถาวรากร เป็นเจ้าของ ทุน 50 ล้านบาท ที่ตั้งเลขที่387/1 ซอยรัชดาภิเษก 14 ถนนรัชดาภิเษก แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง กรุงเทพฯ
มูลค่าโครงการตามสัญญา จ้างโดยวิธีพิเศษ 969 ล้านบาท กำหนดส่งมอบงานวันที่ 7 พ.ย.2551
แต่ปรากฏว่าการติดตั้งดำเนินการตามสัญญาของบริษัท DRC. เป็นไปอย่างทุลักทุเล เนื่องจาก ความไม่โปร่งใส และการหมกเม็ดกำหนด สเปค ตั้งแต่การออกแบบ กำหนดคุณสมบัติของระบบกล้อง สาย ฯลฯ สรุปว่า ขบวนการจัดซื้อจัดจ้างที่ ไม่โปร่งใส และมีการเบิกเงินล่วงหน้าจาก กระทรวง มหาดไทยไปถึง 145 ล้านบาท
จนถึง ปลายปี 2552 เลยกำหนดส่งมอบไปเกือบปี ประมาณ 300 วัน ปรากฏว่ามีการติดตั้งกล้องไปได้เพียงไม่ถึง 10% โดยทำได้เฉพาะที่ในจังหวัดสงขลา แต่ บริษัทฯ DRCได้เบิกเงินล่วงหน้าไปแล้ว ถึง 145 ล้านบาท หรือ 14.96% และมีภาระค่าปรับหนี้จากการผิดสัญญาที่ส่งมอบล่าช้าอีก ร้อยละ 0.1 ของวงเงินในสัญญา หรือค่าปรับวันละ 969,000.00 บาท รวมภาระค่าปรับ 290.7 ล้านบาท
บริษัท DRC มีคำขอเลิกสัญญากับ ราชการ และถ้าพิจารณาว่าตอนที่บริษัทฯ พยายามขอเลิกสัญญากับกระทรวงมหาดไทยนั้น บริษัทฯมีภาระหนี้สินผูกพันอยู่กับทางราชการการเป็นเงิน เกือบห้าร้อยล้านบาท คือค่าเงินเบิกล่วงหน้า 145 ล้าน และเงินค่าปรับผิดสัญญาอีก กว่าสามร้อยล้าน รวมสองรายการไม่ต่ำกว่าห้าร้อยล้าน
แต่ถ้าเลิกสัญญาก็เสียแค่เงินค้ำประกันสัญญาแค่ 5 % บวกเงินที่เบิกล่วงหน้า อีก 145 ล้าน รวมกันไม่เกินสองร้อยล้าน พร้อมกับการล้างไพ่ เรื่องเหม็นๆต่างๆที่ทำไว้
กำไรเห็นๆ ไม่น้อยกว่า 300 ล้านถ้าบอกเลิกสัญญา
ในทีสุด ฯพณฯ ถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ท่านก็จัดการเลิกสัญญากับทางบริษัทฯ DRCอย่างเงืยบๆ ในปี 2552-2553
ไม่มีใครทราบว่า ผลประโยชน์ก่้อนโตไปตกอยู่กับใคร ?
แล้วเรื่องก็เงียบหายไป ...?
สนใจดูข้อมูล เพิ่มได้ที่ http://www.tcijthai.com/investigative-story/842
และที่ http://www.pinonlines.com/?q=node/9541
จากการเจาะข่าวตื้น จากแหล่งข่าวระดับสูงในกระทรวงมหาดไทย ได้รับข้อมูลที่ เปิดเผยว่า บริษัทผู้รับจ้างรายใหม่ที่เข้ามาดำเนินโครงการติดตั้งกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้ แทนบริษัท DRC คือบริษัทในกลุ่มสามารถ แต่ไม่มีการเปิดประมูล กลับใช้วิธีคัดเลือกโดยวิธีพิเศษ ทั้งๆ ที่มูลค่าโครงการสูงถึงราว 1,000 ล้านบาท
ขณะที่ผู้บริหารของบริษัทดังกล่าวนี้มีสายสัมพันธ์อันแนบแน่นกับแกนนำพรรค ภูมิใจไทยซึ่งมีรัฐมนตรีดูแลกระทรวงมหาดไทยนายชวรัตน์ ชาญวีระกุล และเป็นกลุ่มนายทุนใหญ่ให้พรรค ประชาธิปัตย์........55555
คำถามสุดท้ายก็คือ...แล้วชาติไหนสามจังหวัดภาคใต้จึงจะสงบครับ?
และเรื่องแบบนี้ ปปช,ดีเอสไอ , สตง. ไม่สนใจบ้างหรือไงครับ ?
นี้ก็เป็นขบวนการก่อการร้ายในสามจังหวัดชายแดนใต้ ในอีกรูปแบบหนึ่งนะครับ ?