โดย จำลอง ดอกปิก
เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญ การรัฐประหาร ที่คณะผู้ก่อการโค่นล้มรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เมื่อเดือนกันยายน ปี 2549 แจ้งต่อสาธารณะ ขณะที่มีมูลเหตุแห่งความขัดแย้งทางอำนาจ ระหว่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กับผู้มีอิทธิพลเหนือฝ่ายการเมืองเป็นเบื้องหลัง
วันเวลาล่วงเลยมาร่วม 5 ปี กระทั่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทย โดยน้องสาว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
โจทย์ใหญ่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร วันนี้ ยังคงเป็นโจทย์เดิม ปัญหาความขัดแย้งทางอำนาจยังดำรงอยู่ และเป็นปัจจัยเสี่ยงชี้เป็นชี้ตายลำดับแรกๆ ผลงานการบริหารราชการแผ่นดินไม่อาจนำมาทดแทน ชดเชยได้ในความคิดของบางหมู่คณะ ไม่ว่าใครจะมองว่าสนองตอบประชาชนได้ดีกว่าแค่ไหนก็ตาม
เพียงแต่ วันนี้ กลุ่มอำนาจเดินเกมแยบยลมากยิ่งขึ้น ไม่โฉ่งฉ่าง ออกมาชนเอง เล่นเอง เนื่องจากสถานการณ์และทิศทางของบ้านเมืองที่ประชาชนร่วมกันตัดสินใจเลือก รัฐบาลแล้วไม่เอื้ออำนวย จึงต้องเคลื่อนไหวผ่านกลุ่มการเมือง หรือยืมมือ อาศัยการเล่นในระบบมากขึ้น
แล้วรอคิดบัญชีเมื่อรัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ
เรื่อง นี้ฝ่ายค้านผู้คร่ำหวอดการเมืองมีหรือจะอ่านไม่ออก มีหรือจะไม่รู้ว่า มีเพียงไม่กี่เรื่องเท่านั้นที่จะทำให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ และล้มรัฐบาลได้ การตรวจสอบรัฐบาลจึงมุ่งเน้นไปยังจุดนี้อย่างเป็นพิเศษ และเมื่อรัฐบาลนี้แยกจาก พ.ต.ท.ทักษิณไม่ออก เรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนจึงถูกจุดเป็นประเด็น ประทับตราตอกย้ำ หวังขยายผล โน้มน้าวประชาชนเห็นคล้อยตาม เพื่อลดทอนความเชื่อถือศรัทธาที่มีต่อรัฐบาล
เรื่อง ขุมทรัพย์กลางทะเลลึกไทย-กัมพูชา การขยายมาตรการลดหย่อนภาษีบ้านหลังแรกจากวงเงิน 3 เป็น 5 ล้านบาท จึงถูกประชาธิปัตย์มองเป็นเรื่องใหญ่ มีผลประโยชน์ทับซ้อนซ่อนอยู่เบื้องหลังปล่อยไปมิได้เป็นอันขาด
ทั้ง ที่บางเรื่องมีการทำลับๆ ล่อๆ ไม่ต่างกัน และบางเรื่องหยิบยกแค่บางส่วน มาเป็นประเด็นโจมตีทางการเมืองแทน โดยลดน้ำหนักคุณภาพเนื้อหาสาระลง อาทิการคัดค้านการผลักดันนโยบายด้วยเหตุผล เนื่องจากส่งผลกระทบต่อภาระงบประมาณ หรือรายได้รัฐ ขณะที่รัฐบาลยังต้องนำเงินมาลงทุนพัฒนาประเทศอีกมหาศาล เพราะผู้คนไม่ค่อยให้ความสนใจ รู้สึกเหมือนกับเป็นเรื่องไกลตัว ไม่ตื่นเต้น ก่อผลสะเทือนเท่าปมเงื่อนการทุจริตคอร์รัปชั่น
รัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เข้าบริหารราชการแผ่นดินครบ 1 เดือนเต็ม 30 วันที่ผ่านมานี้ หลายเรื่องที่ถูกปรามาส ไม่มีทางทำได้ อาทิ มาตรการเร่งด่วนเพื่อลดค่าครองชีพประชาชน การลดราคาน้ำมัน การคืนภาษีรถยนต์คันแรก และบ้านหลังแรก แต่รัฐบาลได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า ทำได้จริงตามคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน
การเดินหน้าผลักดัน นโยบายออกมาเป็นชุดๆ อย่างต่อเนื่องเช่นนี้ ประชาชนย่อมเปรียบเทียบ และมองเห็นความแตกต่าง ระหว่างรัฐบาลพรรคเพื่อไทยกับรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ได้อย่างชัดเจน ทั้งเรื่องฝีมือการบริหารจัดการ การกล้าตัดสินใจ
ประชาธิปัตย์จึง อาจหวั่นไหวเป็นธรรมดา จึงต้องพลิกแพลงหากลยุทธ์มาหยุดรัฐบาล และคงเห็นว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการตอกย้ำเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน และโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่เป็นจุดขายพรรคเพื่อไทย
ขณะเดียวกัน ก็อาจเป็นจุดตายรัฐบาลได้ด้วยเช่นกัน!