โดย วรศักดิ์ ประยูรศุข
กระแสโจมตีกลุ่มนักวิชาการ "นิติราษฎร์" หลังจากเสนอล้างผลปฏิวัติ 19 กันยาฯ ถือว่าหนักพอสมควร
ประเด็นโจมตีไม่มีอะไรซับซ้อน เพียงแค่ทำให้ข้อเสนอ 4 ข้อ เป็นเรื่องการเมืองไป
ด้วยการระบุว่า ผู้ที่จะได้ประโยชน์จากข้อเสนอของนิติราษฎร์ คือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผูกโยงไปถึงพรรคเพื่อไทย ฯลฯ
และกลุ่มนิติราษฎร์อาจได้ประโยชน์ในอนาคต เช่น เป็นกรรมการ คอ.นธ. เป็น ส.ส.ร.ยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ฯลฯ
บ้างก็สรุปรวบให้เลยว่า ทำเพื่อคนคนเดียว
ซึ่งความจริงจะใช่หรือไม่ใช่ กลุ่มนิติราษฎร์บอกชัดว่า ไม่ได้สนใจ
เป็น คำตอบที่เข้าใจได้ เพราะกลุ่มนี้ ย้ำจุดยืนทางวิชาการของตนเองมาตลอด และมักเสนอในเชิง "ระบบ" ที่มุ่งมองปัญหาโครงสร้าง มากกว่าเรื่องของคน และตัวละครในระบบ
ถ้าติดตามนิติราษฎร์ ซึ่งมีเวทีอยู่ที่เว็บไซต์ www.enlightened-jurists.com จะเห็นความสนใจ และการทำงานที่ต่อเนื่องของกลุ่มนี้
โดยภาพรวม หัวข้อที่นักวิชาการนิติราษฎร์ให้ความสำคัญเป็นพิเศษ คือปัญหาสิทธิเสรีภาพและความเป็นธรรม
ซึ่งเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบกว้างขวาง และเป็นมูลเหตุหนึ่งของความแตกแยกร้าวฉานในประเทศไทย
วิธี คิดของกลุ่มนี้ ตามตำราเรียกว่าเป็นสำนักกฎหมายฝ่ายธรรมชาติ เป็นเสรีนิยมและเชิดชูหลักนิติธรรม อันเป็นทรรศนะที่ไปกันได้กับระบอบประชาธิปไตย
เป็นคนละแบบกับแนวคิดที่เรียกว่าปรัชญากฎหมายฝ่ายบ้านเมือง ที่มักจะไปตั้งต้นความชอบธรรมที่ "ผู้มีอำนาจ"
แนวคิดตามตำรับตำราเหล่านี้ เมื่อมาอยู่ในสถานการณ์การเมืองอย่างปัจจุบัน ก็หนีไม่พ้นข้อหาง่ายๆ ว่า เป็น "ฝ่ายทักษิณ" หรือ "ฝ่ายไม่เอาทักษิณ" เท่านั้นเอง
ถ้าประเมินจากปฏิกิริยา และอาการตระหนกตกใจยิ่งกว่าเกิดปฏิวัติเสียอีก
เรื่องที่จะตามมาหลังจากนี้ กลุ่มนิติราษฎร์คงตกเป็นเป้า ถูกจับตามากขึ้น
การทำงานอาจจะยากขึ้น มีแรงเสียดสีมากขึ้น เพราะบางกลุ่มชูป้ายต้านไปแล้ว
ขณะเดียวกัน ประชาชนที่เข้าใจ และมองเห็นคุณค่าของข้อเสนอ ก็จะออกมาโอบอุ้ม
ต้อง ยอมรับว่า การออกมาแสดงความคิดเห็นใหม่ๆ ระดมประสบการณ์ชุดใหม่ๆ ใช้ประโยชน์จากแนวคิดต่าง เพื่อหาทางออกจากวิกฤตการเมืองที่จมปลักกันมาหลายปี เป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากสังคมไทยในขณะนี้
ความพยายามที่จะแก้ความขาดหายนี้ น่าจะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่าย
ทำนองเดียวกับที่ คอป.นำเอานักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญต่างประเทศ เข้ามาช่วยงานปรองดองสมานฉันท์
หลัง จากนี้ น่าจะมีนักวิชาการ หรือผู้รักประชาธิปไตย ออกมาร่วมวงแลกเปลี่ยน ถกเถียง และแสดงจุดยืนให้มากขึ้น เพื่อให้เกิดความคิดที่งอกเงยออกไปอีก
อย่าง น้อยๆ ก็เพื่อให้เห็นว่า บ้านเมืองเรานี้ ไม่ได้มีแค่ฝ่ายทักษิณ กับฝ่ายไม่เอาทักษิณ อย่างที่บางคนตั้งหน้าตั้งตาเชื่อเอาเสียจริงๆ