บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อย่าให้เปลี่ยนชื่อ เป็น “มหาวิทยาลัย...เนชั่ว!!!”

ที่มา vattavan



วาทตะวัน สุพรรณเภษัช
        อลัมน์ที่ท่านเห็นอยู่นี้ ผมตั้งใจจะออนไลน์ ตั้งแต่เสาร์ที่ 9 มิถุนายน 2555 แต่สถานการณ์บ้านเมืองผันแปร ต้องเปลี่ยนเป็นคอลัมน์ ตุลาการแห่ง...ศาลรัดทำมะนวยหัวคูณ!!! (http://vattavan.com/detail.php?cont_id=369) แทน เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ในตอนนั้น ซึ่งได้ผ่านสายตาท่านผู้อ่านไปแล้ว
        มาถึงสัปดาห์นี้ จะรอคำวินิจฉัยกลาง จากตุลากวยของศาลรัดทำมะนวย คงจะไม่ทันการ เพราะต้องส่งต้นฉบับล่วงหน้า อีกทั้งผมมีภารกิจที่จะต้องเดินทาง เลยต้องย้อนกลับไปนำคอลัมน์
ที่เกี่ยวกับ “มหาวิทยาลัย เนชั่ว” ซึ่งเกริ่นกับท่านผู้อ่านไว้ก่อนแล้ว มาลงให้เห็นกันในวันนี้
        ผมเขียนเรื่องเกี่ยวกับมหาวิทยาลัย ชื่อฟังดูแปลกๆ เอาไว้อย่างนี้ครับ

        ...คงต้องพูดเรื่องโทรทัศน์บ้านเราสักหน่อย แต่ไม่ใช่รายการ “ไทยแลนด์-ลามกทาเล้นท์” ของ “เสี่ยตา” ที่แกทำรายการได้ “อัปรีย์” เหลือรับจริงๆ จนมีคนพูดกันไปทั้งเมือง แต่กำลังจะพูดถึงไม่ใช่รายการในบ้านเรา แต่บังเอิญผมได้ดูรายการ The Dog Whisperer เห็นคุณ แลร์รี่ คิง (Larry King) เชิญคุณซีซาร์ มิลาน (Cesar Milan) ผู้เชี่ยวชาญการแก้ปัญหาสุนัขไปที่บ้าน เพื่อให้ช่วยเหลือหมาของคุณ แลร์รี่ คิง เอง
        ยอดนักแก้ปัญหาสัตว์สี่ขา อย่างคุณ ซีซาร์ มิลาน สามารถจัดการปัญหาหมาของคุณ แลร์รี คิง ผู้จัดรายการข่าวซึ่งเป็นตำนานของสถานีโทรทัศน์ CNN ได้อย่างง่ายดาย เช่นเดียวกับการแก้ปัญหาให้เจ้าของสุนัขรายอื่นๆ
        เมื่อเห็น Newsman หรือ “คนข่าว” ที่ดังระดับโลกอย่าง แลร์รี่ คิง ซึ่งอำลาเวทีไปประมาณปีเศษอีกครั้ง ผมอดไม่ได้ที่นำเรื่องของบุคคลที่โลกรู้จักดี มาเล่าให้ท่านผู้อ่านฟังในวันนี้

content/picdata/378/data/photo0905.jpg
        แลร์รี่ คิง (Larry King) ที่เรารู้จักนั้น มีชื่อเต็มว่า ลอว์เรนซ์ ฮาร์วีย์ (Lawrence Harvey) เกิดหลังปีที่เริ่มการถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ ของสหรัฐอเมริกาได้ เพียงปีเดียวเท่านั้น เพราะเขาเกิดในปี ค.ศ. 1933
        หลังครามโลกครั้งที่สองสงบลง เขาเริ่มอาชีพด้วยการเป็น “นักข่าว” หรือ reporter ท้องถิ่นเล็กๆในฟลอริดา ต่อมาได้เป็นผู้ดำเนินรายการสัมภาษณ์ทางวิทยุ และไต่เต้าขึ้นมาเป็นพิธีกรรายการโทรทัศน์ ได้เข้าร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ CNN ตั้งแต่ปี 1985 และทำความประทับใจให้ผู้คน ด้วยความฉลาดหลักแหลม ในการตั้งคำถาม ทำให้ผู้คนติดตามรายการคุณ แลร์รี่ คิง เป็นเวลายาวกว่า 25 ปี และเพิ่งเกษียณตัวเองไปเมื่อปีเศษมานี้ เมื่ออายุตักเข้าไป 78 ปี กว่าเลยทีเดียว
        แลร์รี่ คิง ทำสถิติยากที่จะทำลายได้ ในการสัมภาษณ์นักการเมือง นักกีฬา คนบันเทิง ความถึงผู้ตกเป็นข่าว มากกว่า 40,000 ครั้ง
        ได้รับรางวัลใหญ่อย่าง Emmy 1 ครั้ง Peabody Award
2 ครั้ง และ Cable ACE Awards ถึง 10 ครั้ง!

        างวัลที่ แลร์รี่ คิง ได้รับนั้น อเมริกันชนยกว่าเป็นล้วนรางวัลน่านับถือ แต่หันมาดูรางวัลที่แจกในเมืองไทยของเรานั้น มักมีความน่าเกลียดน่าชัง หรือเบื้องหลังสกปรกโสโครก โผล่ตามติดมา หลังการแจกเสมอ โดยเฉพาะรางวัลที่เกี่ยวกับ “สื่อมวลชน” ซึ่งคนในวงการตัดสิน ยกยอปอปั้นกันเอง จะมีคนนอกก็เพียงกะหรอมกะแหรม แค่หมอยแซมแตดเท่านั้น
มีอยู่รางวัลหนึ่ง ซึ่งถือว่าเป็นรายการใหญ่ แต่มาบัดนี้ ดูคุณค่าจะ “ฝ่อ” ลงไปมาก นั่นคือรางวัล “อิศรา อมันตกุล” ที่เคยมีผู้บอกว่า

        มีความหมายสำหรับสื่อมวลชนมาก เพราะคุณอิศราฯนั้น เป็นมุสลิมมะที่ศรัทธาในวิถีอิสลาม เป็นนักหนังสือพิมพ์ยุคต้น ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนเส้นทางทุรกันดาร และพบวิบากถึงขั้นติดคุกติดตะราง แต่เพราะความเป็นนักหนังสือพิมพ์ ที่ยึดมั่นในอุดมการณ์เหนียวแน่น ไม่ยอมก้มหัวให้กับเผด็จการทหาร ยอมรับผลที่ติดตามมาอย่างกล้าหาญ
        ท่านจึงกลายหนังสือพิมพ์ ที่แม้ผู้คนนอกวงการสื่อ ก็ให้ความยกย่องนับถือ
        แต่....        รางวัลที่นำนาม อิศรา อมันตกุล ปูชนียบุคคลแห่งวงการหนังสือพิมพ์ ที่สังคมยกย่อง มาเป็นชื่อรางวัล ต้องมีสภาพตุปัดตุเป๋ หรือด้อยค่าลง เพราะ “แก๊งเนชั่ว” นี่แหละครับ ต้องย้อนความหลังกันนิด
        อ่านแล้ว ท่านลองตัดสินใจดูว่า จะเห็นด้วยกับผมหรือไม่ ที่ว่าไอ้แก๊งนี้มัน “ชั่ว” จริงๆหรือไม่?
        ผมจะลำดับให้ดูดังต่อไปนี้...

        ฤติกรรมของหนังสือพิมพ์กลุ่มเนชั่ว นั้น “วาทตะวัน” เคยเขียนเอาไว้ว่าในคอลัมน์ ซึ่งมีผู้สนใจ เข้าไปอ่านกันเป็นจำนวนมากถึง 37,518 คน/คลิก (สามหมื่นเจ็ดพันห้าร้อยสิบแปด คน/คลิก) คือคอลัมน์...
        จารุวรรณ “เป็ด หัวยักษ์” โป๊ะเชะ!!!         (
http://vattavan.com/detail.php?cont_id=145)        ผมแจงเอาไว้ อย่างนี้ครับ
        ...หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ ได้เสนอข่าวเจาะ กรณีการคอรัปชั่นและสินบนข้ามชาติซีทีเอ็กซ์ ยุครัฐบาลทักษิณ เป็นที่ตื่นเต้นของผู้คน และจากการเสนอข่าวนี้เอง ได้ทำให้รัฐบาลขณะนั้น ต้องหมองมัวด้านความซื่อสัตย์ในการบริหารราชการแผ่นดิน ทั้งยังเป็นเงื่อนไขสำคัญ ให้บรรดากลุ่มพันธมาร ร่วมกับพรรคฝ่ายตรงข้าม ใช้เรื่องนี้เป็นประเด็นโฆษณาโจมตีรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง และสร้างเงื่อนไข ในการทำรัฐประหารอีกด้วย 
        ยิ่งไปกว่านั้น ในการตัดสินรางวัล รางวัลข่าวยอดเยี่ยมปี
พ.ศ. 2548 ผลการตัดสินปรากฏว่ารางวัลยอดเยี่ยมได้แก่ การนำเสนอข่าว “ผ่าขบวนการคอรัปชั่น...สินบนข้ามชาติซีทีเอ็กซ์" โดยกองบรรณาธิการ นสพ.กรุงเทพธุรกิจ ได้รับรางวัลเงินสด 50,000 บาท จากมูลนิธิอิศรา อมันตกุล พร้อมโล่รางวัลประกาศเกียรติคุณ

        ไม่น่าเชื่อว่า แค่เวลาผ่านไปเพียงสามปีกว่าเท่านั้น กรุงเทพธุรกิจ ซึ่งเป็นหนึ่งในหนังสือพิมพ์เครือเดอะเนชั่นกรุ๊ป ได้ตีพิมพ์คำขอโทษอย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 22 ก.ย. 51 ในกรณีที่ได้แสดงความเท็จ กล่าวหาว่ามีการทุจริตคอรัปชั่นการจัดซื้อเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิด CTX เพื่อใช้ติดตั้งในสนามบินสุวรรณภูมิ การตีพิมพ์ข่าวเท็จดังกล่าว นอกจากจะทำให้เกิดความเสียหายต่อบริษัท แพทริออท บิซิเนส คอนซัลแตนส์ จำกัด และนายวรพจน์ ยศะทัตต์ หรือ “เสียเช”...ผู้คนตกตะลึง!         ข้อความที่ทางกลุ่นเนชั่นขออภัยเสี่ยเช ให้เหตุผลที่ฟังแล้วไม่เข้าท่าเลยคือ กรุงเทพธุรกิจยอมรับว่า เสนอข่าวผิดพลาด และขอโทษผู้เสียหาย ที่ลงข้อความว่าเขาเป็นนายหน้า ค้ากำไรเกินควร...แถมยังติดตลก อีกว่า         ฝ่ายกรุงเทพธุรกิจนั้น แปลสัญญาภาษาอังกฤษ และข้อความกระทรวงยุติธรรมสหรัฐผิดพลาด (ขนาดหัวเหม่งมีหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ The Nation อยู่ในเครือ...นะเนี่ย!)
        ที่ตลกระดับโคตรคือ ดันยอมรับหน้าตาเฉย ว่า  
        ไม่มีสินบนใดๆเกิดขึ้น ตามที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจเคยนำเสนอ!
        การออกมายอมรับ แบบไร้ศักดิ์ศรีของกรุงเทพธุรกิจ (กลุ่มของนายหัวเหม่ง) นั้น ทำให้ผมมีความรู้สึกว่า ไทยแลนด์แดนสยามของเรานั้น ทำท่าจะกลายเป็น “ตอแหลแลนด์” อย่างที่เขาว่ากันเอาไว้จริงๆ แต่...
        อย่าหวังไปหาความรับผิดชอบ จากคนกลุ่มนี้! 

        นอกจากนั้น “แก๊งเนชั่ว” ยังมีพฤติกรรมที่รับไม่ได้ ทำให้ผู้นำของกองทัพเดือดดาลมาก คือความพยายามในการยุแยงให้กองทัพ ผิดใจกับนายกฯปู ผมได้พูดถึงไปแล้ว ในบทความชื่อ
        ชนะทั้งไอ้พวกจังไร ชนะทั้งภัยน้ำท่วม!!!          (
http://www.vattavan.com/detail.php?cont_id=333)        ผมเขียนเอาไว้ เป็นหลักเป็นฐาน อย่างนี้ครับ...
        ...เมื่อต้นเดือน พ.ย.2554 สื่อเครือเนชั่นของ นายสุทธิชัย หยุ่น ได้แพร่ข่าวโดยอ้าง ‘แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ’ เปิดเผยว่า
        ในระหว่างการประชุมนายทหารระดับสูงของกองทัพ ได้มีการหารือและถกเถียงถึงกันถึงภาวะผู้นำของนายกรัฐมนตรี คนที่ 28 ของไทย โดยเห็นตรงกันว่า นายกฯ ขาดความเด็ดขาดและกล้าตัดสินใจในการแก้ไขปัญหาอุทกภัย จนส่งผลให้มวลน้ำมหาศาลถาโถมเข้าสู่ กทม. และนำพาให้ประเทศเข้าสู่ภาวะวิกฤติอย่างหนัก        ทั้งนี้ แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ ได้สรุปข้อผิดพลาดของนายกฯ  ในการบริหารจัดการน้ำท่วม มีทั้งหมด 12 ข้อ

        พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกมาปฏิเสธ การปั้นเรื่องเท็จของ ‘แก๊งเนชั่น’ อย่างทันทีทันควัน จึงเป็นเรื่องถูกต้องและสมควรกระทำ ดังที่ ‘ข่าวสด’ วันอังคารที่ 8 พ.ย.2554 พาดหัวตัวเป้งว่า
        ฉะข้อมูลบิดเบือน
        ทัพบกโต้
        ข่าวให้ ‘ปู’ สอบตก

        ใช่แต่แค่นั้นนะครับ อีกสองวันต่อมา ทางกองทัพบกยังทำเป็นหนังสือ ปฏิเสธเรื่อง ‘แหล่งข่าวระดับสูงจากกองทัพ’ อย่างหนักแน่น ไปยังกองบรรณาธิการสื่อดังกล่าว
        การที่สื่อกลุ่มเนชั่น ประพฤตินอกลู่นอกทางอย่างนี้เป็นประจำ คนไทยที่รักชาติรักบ้านเมือง ‘รับไม่ได้’ จึงไม่น่าแปลกใจอะไรเลย ที่สังคมออนไลน์รวมทั้งสื่ออื่นๆ จะเรียกขานสื่อแก๊งนี้ว่า

        ‘เนชั่ว’
        จากนี้ต่อไปไป คำว่า ‘เนชั่ว’ จะเป็น ‘แบรนด์บาป’ ติดตัวแก๊งสื่อเวรตะไลนี้ ไปจนตาย!
        ท่านผู้อ่าน ที่เคารพ
        ท่านคงสังกตเห็นว่า เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ออกมาจวก อ.ส.ม.ท. ซึ่งรัฐบาลเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แบบไม่ไว้หน้า ถึงขั้นเรียกว่าองค์กรนี้เป็น
        “เนชั่ว สาขา 2”        ทั้งนี้ เพราะผมขัดอกขัดใจหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นกรณีที่ คนใน อ.ส.ม.ท. ใช้องค์กรเป็นที่พิงหลัง แล้วขนขบวนฝ่ายตรงข้าม ที่เป็นศัตรูกับคุณทักษิณ ให้มาขึ้นเวทีวิทยุและโทรทัศน์ แล้วปล่อยให้ยืนเกาะเชือกเวที อ.ส.ม.ท.
        ยกตีนถีบหน้ารัฐบาล นายกฯปู กันอย่างสนุกสนาน!        รัฐบาลปัจจุบันนี้ คงจำต้องกล้ำกลืนความไม่พอใจเอาไว้ และอาจเป็นเพราะนายฯปู เป็นผู้หญิง ไม่นิยมความรุนแรง หรือใช้ระบบโต้ตอบแบบ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน
        ไอ้พวกเวร มันเลยได้ใจ!

        หาก ผมเป็นรัฐบาล ทะลึ่งมาทำกันแบบนี้ คงต้องโต้ตอบกันให้หนัก ไม่ปล่อยให้ลักทุบลักถอง ทำกันข้างเดียว อย่างที่ทำกันแบบนี้ เช่น ผมจะแสดงออกอย่างเปิดเผยว่า
        ไม่สนับสนุน อ.ส.ม.ท.อีกต่อไป เพราะเป็นปฏิปักษ์กับรัฐบาล แล้วถอนโฆษณาของรัฐ ทิ้งเสียทั้งหมด!         เชื่อว่าคนในองค์กรแห่งนี้ จะส่งเสียงกระโต๊กกระต๊ากออกมา หาว่ารัฐบาลรังแกสื่ออย่างโน้นอย่างนี้ ทั้งๆที่ตัวเองรังแกรัฐบาลซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อยู่ด้วย

        ดังนั้น รัฐบาลจึงมีความชอบธรรม (ในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ และอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย) ที่จะกำหนดท่าทีของการบริหาร ตามหลักนิยมของบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ คือ สร้างกำไรสูงสุด ด้วยความสามารถของผู้คนในองค์กรเอง ไม่ใช่ อ.ส.ม.ท.เอ้อระเหย งอมืองอตีน รออานิสงส์ คอยการสนับสนุนจากรัฐบาลเป็นหลักเท่านั้น
        ผมสังเกตเห็นว่า แม้รัฐบาลนายกฯปู ได้ส่งสัญญาณความประนีประนอมอย่างที่สุดแล้ว แต่คนในองค์กรของ อ.ส.ม.ท. กลับไม่สำนึก
        ที่องค์กรแห่งนี้ ทำเสียหายมาก คือ

        การว่าจ้างเอาคนจากสื่อโทรทัศน์สถานีอื่น มาทำหน้าที่ในช่องโทรทัศน์ของตัวเอง ทั้งๆที่องค์กรของตน โดยเฉพาะโทรทัศน์นั้น เก่าแก่กว่าแห่งอื่น มีบุคลากรที่มีพื้นฐานความรู้ ที่จะดำเนินการได้เอง เพียงแต่ฝึกฝนให้มีความรู้ความสามารถขึ้นมานิดเดียวเท่านั้น องค์กรแห่งนี้ก็จะไปโลด และคนของ อ.ส.ม.ท.เอง จะได้ทำหน้าที่ของสื่อ โดยไม่ต้องมีคนจากสถานีโทรทัศน์ช่องอื่น มาปิดกั้นความก้าวหน้าของพวกตน ฉวยเอาเวลาไพร์มไทม์ ไปบริโภคกันเองกัน โดยให้คนขององค์กรเอง ได้จ้องดูตาปริบๆ เท่านั้น
        ไม่รู้จริงๆว่า... 
        ผู้บริหาร อ.ส.ม.ท. เอาหัวอะไรคิด!

        “วาทตะวัน”  วิจารณ์ไปยังไม่ทันจะถึงเดือนเท่านั้น ทาง
อ.ส.ม.ท.ก็รายการของ “นายกนก-นางจอมขวัญ” ถูกลูกแปดีดออกจากผังรายการไปเรียบร้อยแล้ว
        บางคนหาว่า เป็นเพราะผมแท้ๆทีเดียวเทียว ทำให้ อ.ส.ม.ท. ตัดสินใจ
        ถีบรายการของกลุ่ม “เนชั่ว” ออกจากผัง!

        ผมได้แต่บอกเขาไปว่า ไม่ได้มีความสำคัญถึงขนาดนั้น ทั้งไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือมีประโยชน์ได้เสียกับพรรคการเมืองไหน เพราะตั้งแต่เกิดมาจนเป็น “ปู่” คนแล้ว ยังไม่เคยเป็นสมาชิกพรรคการเมืองใดเลย ทั้งเรื่องนี้
        ไม่มีอยู่ใน ‘ความคิด’ เสียด้วยซ้ำ!         การที่ อ.ส.ม.ท. ปรับผังใหม่ ไม่มีทั้ง นายกนกและนางจอมขวัญ เพราะทั้งคู่เอง ได้รับการต่อต้าน จากประชาชนซึ่งเป็นผู้ชมจำนวนไม่น้อย อีกทั้งการหลุดผังออกไปของพวกเขา ไม่ได้ทำให้สปอนเซอร์ของทางสถานีโทรทัศน์ ช่อง 9 ของ อ.ส.ม.ท. ถอนการสนับสนุนแต่อย่างใด เพราะผู้สนับสนุนหรือสปอนเซอร์ของ อ.ส.ม.ท. ที่สำคัญ ก็คือหน่วยราชการ และรัฐวิสาหกิจที่มีรายได้สูง เช่น ป.ต.ท. เป็นต้น
        ที่ตกลงไป คือ หุ้นของค่าย “เนชั่ว” นั่นแหละ เพราะทันทีที่นายกนกและนางจอมขวัญ ถูกถอดรายการออกจาก อ.ส.ม.ท. หุ้นของค่ายนี้
        หล่นปุไปถึง 8.8 % !! 

        ดังนั้น จึงไม่มีความจำเป็น ที่ผมจะต้องช่วยเหลือพรรคการเมืองไหน แต่การที่ตัวเองอยู่ในวงการข่าวกรองของชาติมานาน จึงพอมีความรู้เรื่อง “การเมือง” และเรื่องของ “สื่อ” อยู่บ้าง และนำมาแบ่งปันให้กับท่านผู้อ่าน ในฐานะที่มีประสบการณ์  
        สำหรับเรื่องการเมืองนั้น โดยงานที่เคยผ่านมานั้น ทำให้ผมรู้จักสันดานและเล่ห์กระเท่ของนักการเมือง ค่อนข้างดี และที่เขียนหนังสืออยู่ทุกวันนี้ ก็เพราะเห็นว่า
        เป็นหน้าที่ตัวเอง ในฐานะที่ยังรับเงินหลวงอยู่ทุกเดือน ด้วยเหตุนี้เอง แม้จะมีอายุแล้ว อยู่ในวัยที่พอเป็น “คลังสมอง” ของชาติได้ ดังที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ เคยมีพระราชดำรัสเรื่องนี้ไว้
        จึงเห็นว่า ตัวเองควรทำประโยชน์ ให้กับบ้านเมืองด้วยการแบ่งปันความรู้ และข้อมูลที่ทรงคุณค่า ตลอดจนแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับนักการเมือง และพรรคการเมือง ให้กับท่านผู้อ่านซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นหลัง  
        เพื่อสนองคุณแผ่นดิน เต็มกำลังแห่งตน!

        อีกประการหนึ่งนั้น จะพูดว่าผมเป็น “สื่อ” ก็คงพอได้ ไม่ผิดจากความจริง เพราะตลอดระยะเวลากว่าสิบปีมานี้ ผมมีบทความใหม่ๆ ออกมาให้ผู้อ่านได้เห็นอย่างต่อเนื่อง เป็นประจำทุกสัปดาห์ มิเคยหลุดออกจากแผงเว็บไซด์เลย แม้แต่สัปดาห์เดียว  
        นอกจากนั้น ยังมีหนังสือรวมข้อเขียนตัวเอง ออกมาอีกหลายเล่ม ซึ่งท่านผู้อ่านได้กรุณา ให้การตอบรับเป็นอย่างดี
        สำหรับการเขียนทางเว็บไซด์ www.manager.co.th นั้น คอลัมน์ของผมได้รับความนิยมไม่น้อย เพราะมีผู้คนเข้าอ่าน ถึง 1 ล้านคน/คลิก เป็นรายแรกๆ ของประเทศไทย
        เมื่อมาเปิด
www.vattavan.com ยังมีแฟนเก่าตามมาอ่านกัน ไม่ได้ห่างเหินไปไหน ยังติดตามเหนียวแน่น...
        ปัจจุบัน ยอดพุ่งถึง 2 ล้านคน/คลิก เข้าไปแล้ว!        ดังนั้น ผมจึงมั่นใจว่า มีสิทธิวิพากษ์วิจารณ์สื่อแก๊งนี้ ที่ทำหน้าที่ระยำไว้อย่างเหลือรับ ได้อย่างเต็มที่
        ไม่ต้องไว้หน้ากัน!!

        ก่อนจบบทความวันนี้ ผมเห็นข่าวกลุ่ม “เนชั่ว” กำลังเปิด มหาวิทยาลัย สอนวิชา “นิเทศศาสตร์” มีการรับประกันว่า คนที่เข้าไปเรียน จบออกมาแล้ว        มีงาน...ให้ทำทันที!        ในส่วนตัวของผม เห็นว่า
        หากสอนกันให้ดีๆ ทำให้เด็กมีคุณภาพ ออกมามีงานทำจริงอย่างที่โฆษณากันเอาไว้ ผมจะอนุโมทนาด้วย
        แต่...

        หากสอนตอแหล ตอหลด ตดใต้น้ำ เหมือนอย่างการทำข่าว CTX หรือเต้าข่าวขึ้นมา เพื่อยุแยงตะแคงรั่ว โดยหวังจะเอื้อประโยชน์กับพวกพ้องของตัว หรือกลุ่มที่ตัวเองสนับสนุนอยู่
        นายหัวล้าน สุทธิชัย หยุ่น จงฟังไว้นะว่า...
        ยี่ห้อ “วาทตะวัน” นี่แหละ ที่จะไม่รีรอ เปลี่ยนชื่อสถานศึกษา ที่กำลังจะเปิดใหม่ ว่าเป็น... 
        “มหาวิทยาลัย...เนชั่ว!!!”
...............
ท้ายบท อีกเรื่องที่ผู้คนยังไม่ลืม คือการตกแต่งฟิล์ม ของ “แก๊งเนชั่ว” ที่เคยอื้อฉาว และเป็นการตอหลดตอแหลที่น่าขยะแขยงครั้งใหญ่ ของสื่อสารมวลชนไทย ซึ่งแก๊งนี้จำต้องออกมายอมรับต่อสาธารณะชน
content/picdata/378/data/photo0906.jpg
        ในโอกาสที่สื่อแก๊งนี้ จะไปเปิดมหาวิทยาลัย ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับเยาวชนคนรุ่นหลัง ก็ขอเตือนอีกครั้งว่า         อย่าเผลอเอาเรื่องอัปรีย์ของพวกตัว ไปสอนเด็กเข้าล่ะ!
        *** อนึ่ง บทความสัปดาห์ก่อน พวกมึงอยากเป็น ‘ทาส’ เชิญเลย!!! (http://vattavan.com/detail.php?cont_id=376)
มีผู้โพสต์แสดงความเห็น ดังต่อไปนี้ครับ

ความคิดเห็นที่ 1   
ทาสที่เขาปล่อยแล้ว ยังไม่ไปอีกด้วย
โดยคุณ ไทยใช่ทาส  101.108.228.XXX 

ความคิดเห็นที่ 2   
ทาส ที่ไม่ยอมเป็นไท แม้นได้รับอิสระแล้ว..มีเหตุผลอยู่เพียงประการเดียวคือ ไม่สามารถยืนอยู่บนขาของตนเองได้ ยังคิดเองไม่เป็น...หรือจะแปลเป็นภาษาง่ายๆก็คือพวกสมองหมาปัญญาควาย ครับ
โดยคุณ วาดฝัน ตะวันเป็นไท  125.24.1.XXX 

ความคิดเห็นที่ 3   
รัด ทำมะนวยฉบับหน้าแหลมฟันดำวางกับดักไว้หลายชั้นอย่างเหลือเชื่อ เมื่อสถานการณ์พัฒนาไปเรื่อย ๆ จะเห็นค่ายกลซ่อนอยู่เป็นระยะ ๆ ยิ่งมีคำวินิจฉัยที่กำกวมจากศาล ยิ่งหาทางออกยากขึ้น จะขยับไปทางใหนก็ให้ติดขัดไปหมด เหตุการณ์เป็นอย่างนี้ก็จะทำให้มีเรื่องกวนใจสาธุชนไปอีกนานกว่าจะพบทาง สว่าง หรือหาทางออกได้ อาจต้องรอจนยมพบาลช่วยจัดการให้ ภาวนาว่าอย่าให้ถึงต้องละเลงเลือดกันอีกครั้งเลย นี่นายหน้าแหลมก็ออกมากู่ก้องร้องตะโกนท้าทายเมื่ออาทิตย์ที่แล้วว่า ใครอยากจะแก้ทั้งฉบับก็ลองดู เป็นการจุดไฟใส่เชื้อให้เกิดความเคียดแค้นชิงชังอย่างจงใจ (เพราะคิดว่าพวกตนถือไพ่เหนือกว่า) ไม่อยากจะจินตนาการเลยว่าถ้าเหตุการณ์พัฒนาการไปในทางเลวร้าย อะไรจะเกิดขึ้น ???
โดยคุณ ข้องใจ  124.120.36.XXX 

ความคิดเห็นที่ 4    พวก 5 กลุ่ม/ตัว ที่ยื่นให้ ตลก.พิจารณาคัดค้านกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 50 แท้จริงพวกเขา/มัน มีจุดประสงค์เพื่อประโยชน์ของตนเองและพวกพ้องทั้งนั้น เพราะหากแก้ไข รธน.ได้ พวกมันคงหายสาปสูญจากสังคมไทยแน่
โดยคุณ คนร้อยเอ็ด  223.204.61.XXX 

ความคิดเห็นที่ 5   
ไม่ น่าจะใช้ชื่อว่า "ศาลรัฐธรรมนูญ" น่าจะใช้ชื่ออื่น ที่ไม่ใช่ "ศาล" เพราะหากใช้คำว่า "ศาล" ต้องทำให้คนเขาเคารพนับถือ ไม่ใช่ทำเรื่องเหลวไหล หรือไม่ถูกต้อง เช่น
การลงมามีปากเสียง โต้ตอบกับคู่ความ แทนอีกฝ่ายหนึ่ง ความเสียหายที่ศาลรัฐธรรมนูญก่อขึ้นครั้งนี้ กระเทือนถึง "ศาลยุติธรรม" ด้วย เพราะใช้คำว่า "ศาล" เหมือนกัน แต่มีหลักเกณฑ์ชัดเจน หากผู้พิพากษาศาลยุติธรรม ประพฤติตนไม่สมควร หรือทำผิด ก็มีการลงโทษกันรุนแรง แต่ศาลรัฐธรรมนูญนี้ กลับทำได้แบบไม่อายใคร ดังนั้นการที่ถูกเรียกว่า "ศาลรัดทำมะนวย หัวคูณ" คงไม่ผิดจากความจริงนัก
โดยคุณ ตถตา  58.11.20.XXX 

ความคิดเห็นที่ 6   
คน ไทยเห็นว่า เรื่องศาลรัดทำมะนวยนี้ ตลก. แม้แต่ฝรั่งก็ใช้คำเดียวกัน แต่ออกแนว "เย้ยหยัน" มากกว่า บ้านเมืองของเรา เลยกลายเป็น "ตลก" แม้แต่เป็นทาสแล้ว ยังดันทำตลกอีก
โดยคุณ ตลกทั้งชาติ

ความคิดเห็นที่ 7   
ใคร มีอำนาจปลดผบ.ทบ.ครับ ดูข่าวที่ผบ.ทบ ออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเรื่องนายอภิซวยหนีทหารไม่มีมูลเรื่องจบไปแล้วคุณวาท ตะวันคงได้เห็นแล้ว ไม่ทราบมีความเห็นอย่างไรครับ.
โดยคุณ
w.vanderkley@gmail.com  223.204.113.XXX 
        (คอลัมน์ประจำสัปดาห์ อย่าให้เปลี่ยนชื่อ เป็น “มหาวิทยาลัย...เนชั่ว!!!”  ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 28 กรกฎาคม 2555)

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker