Thu, 2012-08-16 19:21
16 ส.ค. 55 - ASTV ผู้จัดการออนไลน์รายงาน
ว่านายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวถึง
การดำเนินคดีกับนางฐิตินันท์ (ประชาไทขอสงวนนามสกุล) อายุ 63 ปี
ที่ก่อเหตุไม่เหมาะสมต่อพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
หน้าศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ข้อหาหมิ่นสถาบันเบื้องสูง
มาตรา 112 ว่า
กรณีที่ผู้ต้องหาหรือผู้ถูกกล่าวหาอ้างในชั้นพนักงานสอบสวนว่ามีความบกพร่อง
ทางจิตนั้น
พนักงานสอบสวนจะต้องส่งไปตรวจสภาพจิตกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ได้ข้อสรุปว่า
ผู้ต้องหาป่วยเป็นโรคจิตหรือวิกลจริตจริงดังที่กล่าวอ้างหรือไม่
โดยเป็นหน้าที่ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะต้องตรวจพิสูจน์ตามขั้นตอนกระบวนการ
เช่น ทำแบบทดสอบสภาพจิต
หรือหาข้อมูลว่าเคยมีประวัติรักษาอาการทางจิตหรือไม่ เพื่อให้ข้อสรุปว่า
ผู้ต้องหาป่วยเป็นโรคจิตถาวร หรือชั่วคราว แต่ยังพูดคุยรู้เรื่อง
รู้สึกผิดชอบอยู่บ้าง
เนื่องจากจะมีผลต่อการพิจารณาคดีในชั้นศาล คือ
หากผู้ต้องหาเป็นโรคจิตถาวร
ก่อเหตุและกระทำผิดไปโดยไม่สามารถบังคับตัวเองได้
ก็อาจจะเข้าข่ายไม่ต้องรับโทษ
แต่ถ้าผู้ต้องหามีอาการทางจิตชั่วครั้งชั่วคราว
หรือสามารถพูดคุยรู้เรื่องบ้าง ก็อาจจะถูกลงโทษน้อยกว่าอัตราโทษที่ระบุไว้
เพราะประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 65 ระบุไว้ว่า
ผู้ใดกระทำความผิดในขณะไม่สามารถรู้ผิดชอบ
หรือไม่สามารถบังคับตนเองได้เพราะมีจิตบกพร่อง โรคจิต หรือจิตฟั่นเฟือน
ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
แต่ถ้าผู้กระทำความผิดยังสามารถรู้ผิดชอบอยู่บ้าง
หรือยังสามารถบังคับตนเองได้บ้าง ผู้นั้นต้องรับโทษสำหรับความผิดนั้น
แต่ศาลจะลงโทษน้อยกว่าที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิด นั้นเพียงใดก็ได้
ทั้งนี้ ความผิดมาตรา 112 นั้นมีอัตราโทษจำคุก ตั้งแต่ 3-15 ปี
ดังนั้นหากผลตรวจของแพทย์ได้ข้อสรุปว่า ผู้ต้องหามีอาการทางจิต
แต่รู้สึกผิดชอบ หรือบังคับตัวเองได้บ้าง
ศาลก็อาจจะใช้ดุลพินิจลงโทษจำคุกน้อยกว่าที่กำหนดไว้ เช่น จำคุก 1 ปี
หรือจำคุก 2 ปี
อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม
ในกรณีที่พนักงานสอบสวนหรือศาลเห็นว่าผู้ต้องหาหรือจำเลย
เป็นผู้วิกลจริตและไม่สามารถต่อสู้คดีได้ กฎหมายให้งดการสอบสวน
ไต่สวนมูลฟ้องหรือพิจารณาคดีไว้ก่อน
และให้ส่งตัวผู้นั้นไปรักษายังโรงพยาบาลโรคจิตตามแต่สมควรหรือจนกว่าจะ
สามารถต่อสู้คดีได้
“คดีที่ป่วยทางจิตจะดูไม่ยาก
เพราะส่วนใหญ่จะมีประวัติการป่วยและการรักษา อย่างเช่น
คดีคนร้ายกราดยิงผู้ชมหนังแบทแมนที่โรงภาพยนตร์ในสหรัฐอเมริกาเมื่อเร็วๆ
นี้ มีผู้เสียชีวิต 12 ศพ
ก็พบว่าคนร้ายเคยมีประวัติการรักษาอาการทางจิตมาก่อน
ซึ่งกรณีเดียวที่ทำผิดแล้วไม่ต้องรับโทษ คือต้องป่วยเป็นโรคจิตจริงๆ
เท่านั้น เชื่อว่าไม่สามารถแกล้งป่วยกันได้”