สถานการณ์การบุกเข้ายึดสนามบินสุวรรณภูมิอย่างอุกอาจ เยี่ยงผู้ก่อการร้ายของกลุ่มพันธมิตรครั้งนี้ ผมคิดว่าประชาชนต้องช่วยกันหาวิธีสลายม็อบพันธมิตรแล้วครับ จะรอเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตำรวจ หรือทหาร คงไม่ได้แล้ว เพราะม็อบพันธมิตรนี้เส้นใหญ่ จนเจ้าหน้าที่ไม่กล้าที่จะทำอะไรกับกลุ่มผู้ก่อการร้ายนี้ได้ เนื่องจากเกรงอกเกรงใจ เจ้าของม็อบนี้เป็นอย่างยิ่ง
การช่วยกันสลายม็อบของประชาชนผู้รักประชาธิปไตย โดยการส่งกำลังเข้าไปปะทะกับม็อบ พธม. แบบม็อบตีม็อบ นั้นไม่มีประโยชน์แต่อย่างใดทั้งสิ้น รังแต่จะเป็นเงื่อนไขให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นข้ออ้างในการทำรัฐประหารยึดอำนาจอีกครั้งหนึ่ง ครั้นจะรอให้รัฐบาลใช้กำลังเข้าปราบปรามและสลายม็อบพันธมิตร ก็จะถูกโจมตีว่าใช้ความรุนแรง และพวกผู้มีบารมีทั้งหลายก็จะล็อบบี้ทหารตำรวจ และมีโทรศัพท์ลึกลับ จนสุดท้ายรัฐบาลก็สั่งการอะไรไม่ได้เต็มที่อีก
ถ้าใครติดตามสถานการณ์ของม็อบจะรู้ว่า องค์ประประกอบของม็อบพันธมิตรนั้นจะมีหลายส่วนด้วยกัน ม็อบที่เป็นแกนหลัก และอยู่ได้นานคือ พลพรรคสันติอโศกของมหาจำลอง และโพธิรักษ์ทั้งหลาย พวกนี้เข้ามากินนอนประจำ อาศัยที่กินน้อยใช้น้อย และไม่ต้องทำงาน ก็เลยอยู่ได้นาน เป็นมวลชนที่เป็นแกนหลักของม็อบพันธมิตร คนกลุ่มนี้มีประมาณ 5,000 คน
ส่วนม็อบที่เพิ่มเติมเข้ามา ก็มีพวกพนักงานรัฐวิสาหกิจ รวมทั้งคนที่นักการเมืองสายประชาธิปัตย์ขนเข้ามาช่วยเป็นครั้งๆ ไป ม็อบที่ Walk in เข้ามา จากคนใน กทม. ก็มีส่วนหนึ่ง แต่ม็อบพวกหลังนี้ ไม่ได้อยู่คงทนอะไร แต่ม็อบที่คงทนจริงๆ คือ สันติอโศก
องค์ประกอบที่สองคือ ASTV ของนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่เป็นเจ้าของหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ ฐานบัญชาการ หรือเมืองหลวงอยู่ที่บ้านพระอาทิตย์
องค์ประกอบที่สาม คือ แหล่งทุนที่สนับสนุนทั้งหลาย เช่น ที่รู้ๆ กันคือ ธนาคารชื่อดังเก่าแก่ หรือ เสี่ยเจ้าของบะหมี่สำเร็จรูปเป็นต้น
หากจะทำให้ม็อบเหล่านี้ ถอนตัวกลับ การใช้กำลังเข้าสลาย หรือขนม็อบไปชนม็อบนั้น จะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ ทั้งสิ้น เพราะม็อบ พธม. กำลังฮึกเหิม อยากเข้าปะทะ เพื่อสร้างสถานการณ์นำไปสู่ส่งความกลางเมือง เพื่อจะได้มีข้ออ้างทำรัฐประหารนั่นเอง
แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีกลยุทธ์ในการต่อสู้กับม็อบพันธมิตรเลย
หากใครเคยอ่านตำราพิชัยสงคราม 36 กลยุทธ์พิชิตศึก มีกลยุทธ์หนึ่งที่ปรับมาใช้กับการต่อสู้กับม็อบครั้งนี้ได้คือ กลยุทธ์ที่ 2 ที่เรียกว่า “กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยเจ้า”
กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยเจ้า นั้นมีประวัติคือ ในสมัยจ้านกว้อของจีนสมัยโบราณ (ก่อนจิ๋นซีฮ่องเต้) ประเทศจีนแตกออกเป็นหลายแคว้น มีการรบพุ่งแย่งความเป็นใหญ่กันอยู่ประจำ แคว้นเว่ยนั้น เป็นศัตรูกับแคว้นเจ้า และได้ส่งกองทัพเข้ามาล้อมนครหานตาน ซึ่งเป็นเมืองหลวงของแคว้นเจ้า แคว้นเจ้ามีกำลังไม่พอ ก็เลยส่งทูตไปขอความช่วยเหลือจากแคว้นฉี ซึ่งแคว้นฉีก็ตกลงที่จะส่งทหารไปช่วยเหลือ แต่กุนซือของแคว้นฉี (คือซุนปินผู้เขียนตำราพิชัยสงครามซุนหวู) แนะนำว่า หากส่งกองทัพไปช่วยรบที่เมืองหลวงของแคว้นเจ้า ก็จะไม่มีประโยชน์ เพราะต้องไปปะทะกับกองทัพแคว้นเว่ย แพ้ชนะก็ยังไม่รู้ แต่จะเสียทหารไปโดยใช่เหตุ สู้ส่งกองทัพไปตีเมืองหลวงของแคว้นเว่ยดีกว่า เพราะเมื่อกองทัพแคว้นเว่ยที่ล้อมเมืองหลวงของแคว้นเจ้าอยู่ได้ทราบข่าว ก็ต้องถอนกำลังกลับมาช่วยป้องกันเมืองหลวงของตน
อ๋องของแคว้นฉีเห็นด้วย ส่งกองทัพเข้าไปตีเมืองหลวงแคว้นเว่ย กองทัพเว่ยที่ล้อมเมืองหานตานอยู่ ก็ต้องยกทัพกลับมาช่วยแคว้นของตน แคว้นเจ้าก็พ้นภัยสงครามไป
ต่อมาอีก 20 ปี แคว้นเว่ยก็ไปล้อมแคว้นเจ้าอีก แคว้นฉีก็ช่วยโดยยกทัพไปตีเมืองหลวงของเว่ยอีก แคว้นเว่ยก็ต้องยกทัพกลับมาอีก แม้ว่าแม่ทัพเว่ยจะรู้ว่าเป็นกลศึกของซุนปิน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร เพราะไม่ยกทัพกลับก็ไม่ได้ เพราะไม่อย่างนั้นเมืองหลวงของตนก็จะเสียแก่ข้าศึก นี่เป็นหมากบังคับ
การนำกลยุทธ์ ล้อมเว่ยล้อมเจ้ามาสลายม็อบพันธมิตร นั้นจึงเป็นวิธีการเดียวที่จะสลายม็อบทำลายบ้านเมืองกลุ่มนี้ แต่ปัญหาคือ “เมืองหลวงของม็อบพันธมิตร” อยู่ที่ใด หากไม่ทราบว่าเมืองหลวงของม็อบอยู่ที่ใด เราก็ไม่อาจส่งกองทัพไปล้อมได้
ก็อย่างที่ผมวิเคราะห์ไว้แต่ต้น องค์ประกอบของม็อบพันธมิตร มี 3 ส่วน ดังกล่าว ที่เป็นส่วนสำคัญคือ สันติอโศก ASTV/บ้านพระอาทิตย์ และกลุ่มทุนที่สนับสนุนทั้งหลายเช่น แบ็งบางแห่ง/เสี่ยบะหมี่ หากจะตีเมืองหลวงก็ต้องตีตามองค์ประกอบนี้
1. สำหรับสันติอโศก มีฐานใหญ่อยู่ที่กลุ่มชุมชนสันติอโศก เช่น ชุมชนปฐมอโศก สาลีอโศก และ ศรีษะอโศก เป็นต้น หากมีการส่งม็อบไปล้อมชุมชนเหล่านี้ เช่น ศรีษะอโศก จังหวัดศรีษะเกษ หรือเข้าตีชุมชุนเหล่านี้ ทำทั่วประเทศ ผมว่าสันติอโศกที่เป็น “แกนหลักของม็อบพันธมิตร” ก็อยู่ไม่ได้ครับ
ทำไมเราปล่อยให้คนเหล่านื้ทำลายพวกเราอยู่ได้โดยให้พวกเขามีชีวิตอย่างสุขสงบในพื้นที่ของเขา ส่งกำลังบำรุงให้ม็อบใน กทม.อยู่ได้ ทำไมไม่โจมตีเมืองต่างๆ ของพวกเขาเหล่านี้ สั่งสอนให้คนพวกนี้รู้ว่า หากยังไม่หยุด พวกเขาก็จะอยู่อย่างสงบในประเทศไทยไม่ได้ เช่นกัน
การสงครามย่อมไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้นแล้ว
2. สำหรับ ASTV ที่เหมือนเป็นกระบอกเสียงของ ม็อบพันธมิตรนั้น สามารถออกอากาศได้อย่างปกติสุข ทำลายประเทศอยู่ได้ ทำไมไม่มีใครไปล้อมบ้านพระอาทิตย์ บุก ASTV เหมือนที่ พวกเขาบุกวิทยุแท็กซี่บ้าง ทำไมไม่เผา ASTV บ้าง หรือยึดบ้านพระอาทิตย์บ้าง
3. สำหรับนายทุนที่เป็นท่อน้ำเลี้ยงให้พวกพันธมิตร เช่น แบ็งค์หรือเสี่ยบะหมี่สำเร็จรูป เราต้องร่วมกันรณรงค์ให้ “คนเสื้อแดง” ทั้งหลายช่วยกันบอยคอตธุรกิจของคนเหล่านี้ เพราะพวกเขาทำลายชีวิตของคนจำนวนมากในประเทศนี้ ทำไมเราไม่บอยคอตธุรกิจของคนกลุ่มนี้ กระแส “ปิดบัญชีค๊ะ..” ที่กำลังระบาดอยู่ในโลกไซเบอร์จนแบ็งค์ดังกล่าวต้องออกมาแก้ตัว แสดงว่าพวกเขาหวาดกลัวการบอยคอตค่อนข้างมาก
หากเราใช้กลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยเจ้า โดยให้คนเสื้อแดงต่างๆ เข้าช่วยเหลือ เช่น ชุมชนสันติอโศก ในพื้นที่อีสาน ชมรมคนรักอุดร ควรช่วยกันขับไล่ให้ออกไปจากภาคอีสานเสีย ต้องตอบโต้กันแบบนี้ให้พวกสันติอโศกทราบว่า หากพวกเขายังทำลายชาติต่อไปไม่จบสิ้น ฐานที่มั่นของพวกเขาก็จะถูกทำลายเช่นกัน
หากดำเนินการตามกลยุทธ์ล้อมเว่ยช่วยเจ้านี้ ผมว่าในที่สุดม็อบพันธมิตร ก็ต้องสลายตัวไปแน่นอน
ไม่จำเป็นต้องให้รัฐบาลใช้กำลังปราบม็อบ จนกลายเป็นเงื่อนไขให้พวกอำมาตย์ใช้เป็นข้ออ้างในการยึดอำนาจได้
ที่มา http://www.thaifreenews.com/?name=politics&file=readpolitics&id=493