บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

ยุทธศาสตร์ที่นายกฯทักษิณจะต้องเดิน เมื่อยอมกลับมาเป็นผู้นำทัพในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย

บทความ โดย ลูกชาวนาไทย

สถานการณ์ล่าสุด ในทางการเมืองขณะนี้คือ ท่านนายกฯทักษิณได้ประกาศที่จะกลับเข้ามามีบทบาททางการเมือย่างเต็มที่แล้ว ปรากฏการณ์ที่เห็นได้ชัดคือ การตัดสินใจหย่ากับคุณหญิงพจมาน ชินวัตร ที่อยู่กินด้วยกันมากว่า 32 ปี ซึ่งเป็นเหมือนสัญญาณว่าจะสู้ตายแล้ว มีสภาพไม่แตกต่างจากการที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช กษัตริย์ผู้กอบกู้เอกราชของไทย ได้สั่งให้ทหารทุบหม้อข้าวหม้อแกงทิ้งจนหมดสิ้น ก่อนจะนำทัพเข้าตีเมืองจันทน์ เพื่อใช้สร้างเป็นฐานที่มั่น หากตีเมืองจันทน์ไม่ได้ ก็ต้องอดตายทั้งกองทัพ


สภาพของนายกฯทักษิณตอนนี้ก็เหมือนกันคือ ยอมทิ้งลูกทิ้งเมียสมบัติพัสถานต่างๆ บากหน้าเข้าสู้ศึกการเมือง ไปตายเอาดาบหน้า




เมื่อนายกฯทักษิณตัดสินใจที่จะเข้ามาต่อสู้ทางการเมือง โดยยอมที่จะเป็นหัวขบวนหรือผู้นำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของไทยให้พ้นจากระบอบอำมาตยาธิปไตยแล้ว เราก็ลองมาวิเคราะห์ว่า ท่านนายกฯทักษิณ จะมียุทธศาสตร์ ยุทธวิธีอย่างไรการต่อสู้ทางการเมืองครั้งนี้ เพราะสถานการณ์ทางการเมือง ไม่เหมือนกันสงครามการสู้รบ การประกาศต่อสู้ คงไม่ได้หมายถึงการนำทัพเข้ามาห้ำหั่นกันแน่นอน

สภาพการณ์ของเมืองไทยตอนนี้คือ คนของพรรคพลังประชาชนที่เป็นพรรคเดิมของนายกฯทักษิณ กุมอำนาจรัฐอยู่ แต่ยังมีมือที่มองไม่เห็น (แต่พอจะรู้ตัวว่าเป็นใครบ้าง) คอยที่จะทำลายล้างอยู่เบื้องหลัง เพื่อนำเอาระบอบอำมาตยาธิปไตยกลับมาใช้ในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง

เป้าหมายของนายกฯทักษิณที่จะต้องดำรงเอาไว้ให้ได้คือ “ต้องทำทุกวิถีทางให้พรรคพลังประชาชนยังคงกุมอำนาจรัฐต่อไป และกระชับอำนาจรัฐให้มั่นคงยิ่งขึ้น”


ดังนั้น ผมจึงคิดว่ายุทธศาสตร์ที่นายกฯทักษิณจะต้องดำเนินการ น่าจะมีดังนี้


1. ยุทธศาสตร์การสร้างภาพในเวทีระดับโลกและระดับประเทศ

เพื่อรักษาภาพความโดดเด่นในด้านความเป็นผู้นำของท่านายกฯทักษิณเอาไว้ ทั้งในเวทีระดับโลก และเพื่อเป็นเงาสะท้อนมายังเวทีการเมืองในประเทศ เพื่อไม่ให้ชื่อเสียงของท่านนายกฯทักษิณเลื่อนหายไปจากสังคมไทย ท่านนายกฯทักษิณจะต้องสร้างภาพการเป็นผู้นำในการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งชูบทบาทความเป็นผู้นำที่โดดเด่นในเวทีโลก



2. ยุทธศาสตร์สร้างความเข็มแข็งให้กับพรรค

คือจะต้องปรับขบวนรบต่างๆ ในพรรคพลังประชาชนให้เข็มแข็ง เพื่อเป็นการสร้างความเข็มแข็งของป้อมค่ายพรรคพลังประชาชน ให้มีความแข็งแรง เข็มแข็งและเหนียวแน่นพอที่จะทนรับแรงกระแทกจากการยุบพรรคได้ โดยทำให้การยุบพรรคเป็นเรื่องที่ไร้ความหมายไปอย่างสิ้นเชิง เพราะไม่อาจสลายฐานกำลังของพรรคได้ ไม่ว่าพรรคใหม่จะชื่ออะไรก็ตาม ซึ่งการทำตามยุทธศาสตร์นี้จะต้องประสานกำลังทุกกลุ่มในพรรคที่มีความขัดแย้งกันให้กลับมาสามัคคีกันเหมือนเดิมให้ได้ ซึ่งคาดว่าเป็นเรื่องไม่ยากนัก เพราะทุกคนต้องพึ่งชื่อเสียง บารมีของนายกฯทักษิณในการเลือกตั้งครั้งต่อไป


3. ยุทธศาสตร์การปลุกเร้าพลังมวลชนเสื้อแดง


จะต้องใช้กลุ่มสามเกลอ แห่งพีทีวี ปลุกเร้าม็อบเสื้อแดงให้ตื่นตัวอยู่เสมอ และขยายฐานออกไป มีการเคลื่อนไหวในเขตอิทธิพลในภาคต่างๆ อย่างคักคัก เพื่อเป็นการตรึงไม่ให้ทหารเคลื่อนไหวทำรัฐประหารได้ และถึงแม้ว่าทหารจะทำรัฐประหารก็จะต้องเจอการต่อต้านที่เข็มแข็งจากมวลชนเสื้อแดง แม้ว่าเราจะไม่กลัวรัฐประหาร แต่หากเกิดรัฐประหารขึ้น การต่อสู้จะต้องยืดเยื้อและเสียหายหนัก ไม่เป็นผลดีต่อประเทศชาติ


4. ยุทธศาสตร์การแก้ไข รธน. และแก้ไขกฎหมายเพื่อลิดรอนอำนาจของกลุ่มอำมาตย์

โดยพรรคพลังประชาชนจะต้องระดมสรรพกำลัง ความพยายามต่างๆ ทั้งในสภาและนอกสภา เพื่อแก้ไข รธน. ให้ได้ และต้องดำรงจุดมุ่งหมายนี้อย่าว๊อกแว๊ก ร่วมทั้งจะต้องแก้ไข กฎหมายต่างๆ ที่เอื้อประโยชน์ต่อกลุ่มอำมาตย์เสีย เพื่อลดอำนาจของตุลาการภิวัฒน์ เพราะตุลาการได้อำนาจมาจากกฎหมาย แต่กฎหมายสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยรัฐสภา แม้ว่าวิธีการนี้จะต้องใช้เวลานานก็ตาม แต่ก็จะต้องทำให้ได้ แม้ว่าในช่วงนี้เราจะได้รับผลกระทบของตุลาการภิวัฒน์ ก็ต้องยอม แต่ถึงอย่างไรตุลาการก็เป็นอำนาจที่เป็นเชิงรับ ต้องมีคดีก่อน พวกเขาจึงจะเคลื่อนไหวได้


5. กลยุทธ์จัดแถวระบบราชการ


จะต้องมีจัดแถวในระบบราชการให้เรียบร้อย กำจัดอิทธิพลของอำมาตย์ออกไปจากระบบราชการในส่วนที่รัฐบาลควบคุมได้เสีย และจะต้องกระทำอย่างจริงจัง และไม่แคร์ต่อกระแสการต่อต้านของฝ่ายตรงข้าม ไม่อย่างนั้นฝ่ายอำมาตย์ก็จะยังไม่หมดพลัง ยังสามารถยื่นมือเข้ามาแทรกแซงได้ ผ่านตัวแทนในระบบราชการได้อยู่เสมอ ข้าราชการระดับบริหารที่ฝักใฝ่ระบอบอำมาตย์จะต้องจัดการโยกย้ายให้ไปอยู่ในตำแหน่งที่ไม่มีอำนาจ และดึงฝ่ายสนับสนุน พปช. ขึ้นสู่อำนาจ เรื่องนี้จะต้องจัดการอย่างต่อเนื่อง จริงจัง และไม่ประนีประนอม

6. ยุทธศาสตร์แยกสถาบันออกจากอำมาตย์


เพราะถึงอย่างไรสถาบันฯยังเป็นที่ยอมรับของคนไทย สถาบันเปรียบเสมือนร่มโพธิ์ของคนทุกชั้น กลุ่มอำมาตย์แม้จะอยู่ใกล้สถาบันฯ แต่พวกเขาไมได้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกับสถาบันฯ ผลประโยชน์ของอำมาตย์ไม่ใช่ของสถาบัน แต่สถาบันเป็นของคนไทยทุกคน



ถึงอย่างไรผมก็คิดว่าศึกครั้งนี้คือ สงครามยืดเยื้อ ดังนั้น จะต้องดำเนินการตามยุทธศาสตร์อย่างจริงจัง และสุดท้ายชัยชนะก็อยู่กับฝ่ายเรา เพราะเราเป็นพลังก้าวหน้า ผูกติดอยู่กับประชาธิปไตย ความเท่าเทียมกัน ทุนนิยม รัฐสวัสดิการ ซึ่งเป็นกระแสของโลกยุคใหม่ ในทางตรงกันข้าม ฝ่ายตรงข้ามจะผูกติดอยู่กับกระแสในโลกเก่าคือ บุญบารมี ความไม่เท่าเทียมกัน เศรษฐกิจพอเพียง ระบอบการต่างตั้ง เป็นต้น

สังคมต้องเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเลี่ยงไม่พ้น

ในช่วงเวลานี้ ผมไม่อยากให้ท่านายกฯทักษิณ เดินทางกลับเข้ามาต่อสู้ในประเทศ เพราะไม่เกิดประโยชน์แต่อย่างใด และจะเป็นอันตรายต่อชีวิตโดยใช่เหตุ ผมเชื่อว่าถึงอย่างไรเมืองไทยก็ไม่เกิดการแตกหัก สถานการณ์เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมืออย่างแน่นอน ยุทธศาสตร์โดยรวมจะต้องกุมอำนาจรัฐไว้ให้ได้ และค่อยๆ ลิดรอนอำนาจและอิทธิพลของฝ่ายตรงข้าม


ท่านนายกฯทักษิณ สามารถเป็นสมองและภาพพจน์อยู่ต่างประเทศให้กับพลพรรค และผู้สนับสนุนในประเทศได้ เราต้องการผู้นำเชิงสัญลักษณ์ แต่แม่ทัพนายกองในประเทศ มีมากเพียงพอแล้ว หากมีการสนับสนุนดีๆ ก็ไม่ยากที่จะสามารถยันกับศัตรูทางการเมืองอยู่ได้ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในแผ่นดิน


ตอนนี้ก็ใช้กลยุทธ์ของสุมาอี้ คือ อดทนและรอคอย รวมทั้งลิดรอนอิทธิพลของฝ่ายตรงข้ามไปเรื่อยๆ ในที่สุดชัยชนะก็มาถึงในที่สุด

จาก thaifreenews

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker