บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2551

\"พัลลภ\" คำรามคืนถิ่นเก่า นั่งผู้ช่วยผอ.กอ.รมน.

จากเวปไซด์ มติชน

"พัลลภ"ยันคืนถิ่นเก่า คาดนั่งผู้ช่วยผอ.กอ.รมน. 18 พ.ย. ครม.พิจารณาแต่งตั้ง เผยเคลียร์ปัญหาคาใจ"ทักษิณ"แล้ว ลั่นจำต้องเผชิญหน้าเพื่อนเก่า "จำลอง" เพื่อชาติ ประธานกมธ.ทหาร สนับสนุนเต็มที่เชื่อมือแก้ปมพันธมิตรได้

นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ที่บ้านพักภายในหมู่บ้านเบเวอร์ลี่ฮิลล์ ถนนแจ้งวัฒนะ เมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ยังไม่กำหนดช่วงเวลาชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรี และเมื่อถามถึงกระแสข่าวการดึง พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี อดีตรองผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน (ผอ.กอ.รมน.) มาดำรงแหน่งรอง ผอ.กอ.รมน.อีกครั้ง นายกฯกล่าวว่า วันนี้ขอพูดแค่นี้ก่อนแล้วกัน เมื่อถามว่า ขณะนี้ด้านการข่าวมีการรายงานความเคลื่อนไหวของการก่อความไม่สงบหลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์มาบ้างหรือไม่ นายกฯกล่าวว่า ไม่มีอะไรเลย ตอนนี้ทุกอย่างเรียบร้อยดี


"ติดตามข่าวทุกวัน ซึ่งก็มีรายงานเข้ามาทุกวันเช่นกัน ทั้งฝ่ายตำรวจและทหารก็ติดตามดูแลร่วมกับการข่าว ยืนยันว่าถึงวันนี้ยังไม่ได้ข่าวอะไร วันก่อนมีข่าวว่าผมเป็นคนพูดว่าจะมีเหตุร้ายในวันนั้นวันนี้ ยืนยันว่าผมไม่ได้พูด ผมเพียงแต่พูดขอร้องว่า ในช่วงงานพระราชพิธี ก็น่าจะเป็นช่วงที่พวกเราทุกคนน่าจะไว้ทุกข์ร่วมกัน เพื่อถวายความจงรักภักดี"นายสมชายกล่าว


ขณะที่ พ.ต.ท.สมชาย เพศประเสริฐ ประธานคณะกรรมาธิการการทหาร สภาผู้แทนราษฎรจากพรรคพลังประชาชน (พชป.) กล่าวว่า พล.อ.พัลลภ เป็นคนรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าคนอื่น ซึ่งตลอดชีวิตการทำงานของ พล.อ.พัลลภที่ผ่านมาได้ทำงานเพื่อสังคมมาโดยตลอด ดังนั้น การตัดสินใจกลับมาทำงานใน กอ.รมน.ครั้งนี้ ถือเป็นความเสียสละของ พล.อ.พัลลภ เพราะเวลานี้ใครเข้ามาย่อมรู้ดีว่า จะต้องทำงานท่ามกลางมรสุม


"ผมเชื่อมั่นว่า พล.อ.พัลลภจะสามารถดำเนินการเจรจากับกลุ่มพันธมิตรได้เป็นผลสำเร็จเพราะ พล.อ.พัลลภ เป็นเพื่อนกับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง หนึ่งในแกนนำกลุ่มพันธมิตร"พ.ต.ท.สมชายกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตกันว่า การกลับเข้ามาทำงานใน กอ.รมน.ของ พล.อ.พัลลภมีขึ้นหลังจากเดินทางไปพบ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่ฮ่องกง พ.ต.ท.สมชายกล่าวว่า ไม่แปลก เพราะเมื่อมีคนที่มีความรู้ความสามารถมีความตั้งใจที่ดีเข้ามาแก้ไขปัญหา ก็ควรที่จะยกย่องบุคคลผู้นั้นด้วยซ้ำ กรณี พล.อ.พัลลภนั้นเข้ามาทำงานอย่างเปิดเผย ไม่อ้อมค้อมและมีความบริสุทธิ์ใจไม่เหมือนกับคนบางคนที่แอบสั่งการอยู่เบื้องหลัง


พล.อ.พัลลภกล่าวยืนยันทางโทรศัพท์ว่า ขณะนี้มีความชัดเจนเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์แล้วว่า จะเข้ามามีตำแหน่งใน กอ.รมน.อีกครั้ง ซึ่งเดิมได้มีการตกลงกันว่าจะให้นั่งในตำแหน่งรอง ผอ.กอ.รมน. แต่เนื่องจากโครงสร้าง กอ.รมน.ตามกฎหมายใหม่ ผอ.กอ.รมน. คือนายกรัฐมนตรี รอง ผอ.กอ.รมน. คือ ผบ.ทบ. ดังนั้น ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของ ครม. ว่าจะเหมาะสมในตำแหน่งใด ทั้งนี้ มีตำแหน่งผู้ช่วย ผอ.กอ.รมน.ที่เป็นได้ จึงจะไปอยู่ในตำแหน่งดังกล่าว โดยจะมีการนำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม.ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ สำหรับกรอบการทำงาน จะเข้าไปช่วยดูงานด้านความมั่นคงเป็นหลัก


"ที่จะไปดูงานด้านความมั่นคง เพราะผมเห็นว่าวันนี้ได้เกิดความแตกแยกรุนแรงขึ้นในบ้านเมือง ประชาชนแตกออกเป็นสองฝ่ายชัดเจน และมีแนวโน้มที่จะปะทะกัน เกิดเป็นสงครามกลางเมือง ผมไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนั้นขึ้น ผมจึงอาสากลับมาทำงานที่ กอ.รมน.อีกครั้ง โดยเฉพาะงานด้านมวลชน กอ.รมน.เดิม ที่ผมเคยทำไว้มากมาย"พล.อ.พัลลภกล่าว


ผู้สื่อข่าวถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะถูกโจมตีว่า ตีจากไปเข้าข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ไม่กังวล เพราะจะไปทำงานด้านความมั่นคง ทำเพื่อประเทศชาติ นำความสันติมาสู่ประชาชนเป็นหลัก


"ผมไม่กังวลเลย ตามที่ได้แถลงไปแล้วว่า กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เดิมผมสนับสนุน แต่วันนี้พอมาดูแล้ว มันจบกันไม่ลง พันธมิตรเองก็ไม่รู้จะไปอย่างไรต่อ แม้ผมจะเห็นด้วยกับแนวคิดการเมืองใหม่ของพันธมิตร แต่มันไม่มีทางที่จะไปได้ หากไม่เกิดการรัฐประหาร พันธมิตรไม่มีเส้นทางที่จะไปสู่การเมืองใหม่ได้ เพราะไม่มี ส.ส. ไม่มีรัฐสภา ปัญหาในขณะนี้จึงตรงกับที่นายกฯทักษิณบอก คือ ถ้าพันธมิตรยุติ ทุกอย่างก็ยุติหมด ดังนั้น ขึ้นกับว่าวันนี้พันธมิตรจะยุติหรือไม่ รัฐบาลชุดนี้จะมาอย่างไรผมไม่ทราบ แต่เขามาจากการเลือกตั้ง ได้รับการโปรดเกล้าฯมา ผมก็ถือว่าเขามาถูกต้องตามกฎหมาย เรื่องการตรวจสอบยังสามารถทำได้ตามกระบวนการยุติธรรม องค์กรในการตรวจสอบต่างๆ มันก็มี แต่ไม่ใช่เป็นแบบวันนี้ มันจะฆ่ากันอยู่แล้ว"พล.อ.พัลลภกล่าว


ส่วนกับ พล.ต.จำลองเพื่อนเก่านั้น พล.อ.พัลลภกล่าวว่า เพื่อนก็ส่วนเพื่อน แต่ประเทศชาติต้องมาก่อน เมื่อถามว่า แต่หลายฝ่ายวิจารณ์ว่า เป็นเรื่องแปลกที่ตัว พล.อ.พัลลภที่ได้ชื่อว่าเป็นศัตรูตลอดกาลของ พ.ต.ท.ทักษิณ จู่ๆ จะเปลี่ยนมาอยู่ข้าง พ.ต.ท.ทักษิณ พล.อ.พัลลภกล่าวว่า"ที่จริงท่านโกรธผม ก่อนนี้ เพราะตอนพันธมิตร 1 เมื่อปี 2548-2549 ผมส่งคนไปช่วยคุ้มกัน พล.ต.จำลอง ท่านเลยคิดว่าผมเอาด้วย จะล้มท่าน เป็นความเข้าใจผิดกันแค่นั้น แล้วผมไปพบท่านที่ฮ่องกงเที่ยวนี้ ก็ได้เคลียร์กันเรียบร้อย"


ส่วนกรณีหลายฝ่ายกังวลสถานการณ์การเมืองจะรุนแรงขึ้นอีกครั้ง หลังเสร็จสิ้นงานพระราชพิธี พล.อ.พัลลภกล่าวว่า ก็นี่ไง ถึงได้อาสาเข้ามาทำงานใน กอ.รมน. เพื่อสร้างความเข้าใจอีกครั้ง มั่นใจว่าจะทำได้สำเร็จ เพราะไม่ต้องการเลยที่จะให้มีคนบาดเจ็บล้มตายกันอีก ไม่ใช่แนวทางของตน การใช้ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร มาดำเนินการ ก็จะไม่ใช้มาตรการรุนแรง ผิดก็ว่าไปตามผิด ยึดกฎหมายเป็นหลัก เน้นการเจรจา ทำความเข้าใจ ด้วยคอนเน็กชั่นเพื่อนๆ ในพันธมิตร


"เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผมโทร.ไปด่า พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล (เสธ.แดง) เลยว่า มาทำงานกับผมไม่ได้หรอก ถ้ายังพูดว่าจะจับแกนนำพันธมิตรผูกเฮลิคอปเตอร์ไปสอบสวนที่เกาะตะรุเตา ผมรับไม่ได้ ประชาชนก็รับไม่ได้ ที่จริง พล.ต.ขัตติยะเป็นคนมีความสามารถ แต่ชอบเสนออะไรแปลกๆ ถ้าจะกลับมาทำงานด้วยกัน ต้องกลับไปเปลี่ยนทัศนคติและท่าทีให้หมด มาเสนอแนวคิดอย่างนี้ไม่ได้ เพราะผมไม่อยากให้คนไทยฆ่ากันเอง ไม่อยากเห็นใครฆ่าใคร"พล.อ.พัลลภกล่าว


รายงานข่าวจากคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า กมธ.ติดตามปัญหาการกระทำผิดในลักษณะของการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง โดยเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เชิญ พล.ต.ต.ชาญ วัฒนธรรม ผู้อำนวยการกองคดีอาญา สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เข้าชี้แจงถึงการดำเนินการกับเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ได้รับแจ้งว่าทางหน่วยงานดังกล่าวได้มีการดำเนินคดีกับเว็บไซต์ลักษณะดังกล่าวตั้งแต่ปี 2547-2551 รวม 163 เรื่อง ดังนี้ 1.ในปี 2547 มีจำนวน 15 เรื่อง โดยมีการสั่งฟ้อง 4 เรื่อง ไม่สั่งฟ้อง 6 เรื่อง งดสอบสวน 1 เรื่อง และไม่เข้าข่ายความผิด 1 เรื่อง 2.ปี 2548 จำนวน 30 เรื่อง แบ่งเป็นถูกสั่งฟ้อง 10 เรื่อง ไม่สั่งฟ้อง 18 เรื่อง งดสอบสวน 1 เรื่อง และไม่เข้าข่ายความผิด 1 เรื่อง 3.ปี 2549 จำนวน 46 เรื่อง เจ้าหน้าที่สั่งฟ้อง 10 เรื่อง ไม่สั่งฟ้อง 30 เรื่อง งดสอบสวน 3 เรื่อง อยู่ระหว่างการสอบสวน 1 เรื่อง และไม่เข้าข่ายความผิด 2 เรื่อง 4.ปี 2550 มีจำนวน 35 เรื่อง สั่งฟ้อง 5 เรื่อง ไม่สั่งฟ้อง 20 เรื่อง งดสอบสวน 2 เรื่อง อยู่ระหว่างการสอบสวน 7 เรื่อง และเป็นการกระทำความผิดนอกราชอาณาจักร 1 เรื่อง และ 5.ปี 2551 มีจำนวน 37 เรื่อง โดยมีการสั่งฟ้อง 10 เรื่อง ไม่สั่งฟ้อง 1 เรื่อง และอยู่ระหว่างการสอบสวน 26 เรื่อง ทั้งนี้ กมธ.ได้เรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ของรัฐเร่งติดตามผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี ไม่ใช่ทำเพียงตามปิดเว็บไซต์เท่านั้น

จาก thaifreenews

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker