หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ
[28 พ.ย. 51 - 14:17]
“เกือบต้องตกค้าง...อยู่สุวรรณภูมิแล้วครับ”
เสียงหนึ่ง...นามว่า “bananaku” ห้องราชดำเนิน เว็บไซต์ www.pantip.com โพสต์เปิดกระทู้ไว้ตอนตีสี่ครึ่ง วันที่ 26 พฤศจิกายน 2551
ตารางนัดหลังเสร็จการประชุมที่กรุงเทพฯ ต้องกลับภูเก็ตวันอังคารที่ 25 จอง Air asia เที่ยวบิน FD 3027 เครื่องออกเวลา 21.10 น.
“ห้าโมงครึ่ง โชคดีแฟนโทร.มาบอกว่า พันธมิตรฯกำลังจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ให้รีบไปด่วน ผมนั่งแท็กซี่ขึ้นทางด่วนพระรามเก้า อีก 3 กิโลเมตร จะถึงสนามบิน ก็เห็นขบวนรถติดแหง็ก...ไม่คิดว่าจะทำกันขนาดนี้”
บรรยากาศบนทางยกระดับ มีรถจอด 3 เลนซ้าย พอจะขยับคลานไปได้บ้าง 3 เลนขวา แล้วค่อยๆบีบเหลือ 1 เลน...บังคับให้ลงข้างล่างฝั่งซ้ายสุด แต่ไม่ให้ตรงไปอาคารผู้โดยสาร เพราะข้างหน้ามีขบวนรถกั้นไว้เต็ม แถมยังมีบังเกอร์...ลวดหนาม
ผู้คนบนรถที่กำลังมุ่งหน้าไปสนามบิน หน้าเครียด มองซ้าย มองขวา สีหน้ากังวลชัดเจน มองไปที่การ์ดพันธมิตรฯ แต่งตัวเหมือนที่เราเคยเห็น...ใส่ชุดดำ หมวกไหมพรมหรือไม่ก็มีผ้าปิดหน้าตา พร้อมหน้ากาก แว่นกันแก๊สเกือบทุกคน
จุดสะดุดตา...แต่ละคนมีกระเป๋าคาดไหล่เล็กๆ มือคอยซุก จับกระเป๋าไว้ตลอดเวลา ส่วนใหญ่จะนั่งยองๆ ไม่เดินไปมา สายตามองออกไปนอกทางยกระดับ ท่าทีลุกลี้ลุกลน
“นึกในใจ จะเกิดเรื่องไหมเนี่ย...น่ากลัวจัง”
ที่ทำให้รู้สึกแปลกมากๆ...การ์ดบางคนเดินถือไม้ยาวประมาณเมตรกว่า เดินตรวจไปมารอบๆรถที่ติดมากๆ เพื่อดูลาดเลา หรือดูว่ารถคันไหนมาก่อกวนหรือเปล่า
“สายตาที่มองมา ราวกับเป็นเจ้าหน้าที่บ้านเมือง ตั้งด่านตรวจหาคนร้าย”
ประมาณทุ่มครึ่ง เช็กอินเรียบร้อย ทานข้าวรองท้องเสร็จ...สองทุ่มสิบห้านาที เตรียมขึ้นเครื่อง เริ่มเห็นความวุ่นวาย...ตำรวจสลายม็อบเดินกันเต็มชั้นผู้โดยสารขาออก
เครื่องบินขาเข้าเทียบงวงช้าง ปกติต้องรอให้ผู้โดยสารออกมาหมดก่อน แล้วพักเครื่องแป๊บนึง แต่วันนี้...เรียกขึ้นเครื่องรอไว้เลย ทันทีที่ผู้โดยสารออกมาจากเครื่องหมดก็ปล่อยผู้โดยสารขาออกเข้าเครื่องทันที
ได้ยินเสียงจากวิทยุภายในคุยกันว่า...“ให้รีบนำผู้โดยสารทุกคน ขึ้นเครื่องโดยเร็วที่สุด เพราะพันธมิตรฯเข้ามาในสนามบินได้แล้ว”
ถึงภูเก็ต...เห็นภาพข่าวพันธมิตรฯเข้าไปยึดในสนามบินได้เรียบร้อย พร้อมกับภาพทำร้ายเจ้าหน้าที่สนามบิน...
“ผมรู้สึกสงสารประเทศไทย ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย โปรดช่วยคุ้มครองประเทศไทยด้วยเถอะครับ อย่าให้มีใครต้องเสียเลือดเสียเนื้ออีกเลย”
หลาย ความเห็นบอกว่าอ่านกระทู้แล้วเศร้าใจ อยากร้องไห้ บางคนก็ขออนุญาตระบายทุกข์ว่า การปิดสนามบินทำให้ธุรกิจเสียหาย เพราะไม่สามารถส่งของสดไปต่างประเทศได้ภายใน 6 ชั่วโมง
ผลที่จะตามมาอีกระลอก...ผู้ค้าต้องเปลี่ยนไปซื้อของเจ้าอื่น หนำซ้ำยังต้องโดนฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย...ก็ได้แต่หวังว่าต่างประเทศจะ เข้าใจ
เจ้าของกระทู้รายนี้ โพสต์ไว้ตอนตีห้า ออกตัวว่า ไม่ยุ่งการเมือง เพราะไม่อยากเป็นเหยื่อ ไม่ว่าฝ่ายเหลือง...ฝ่ายแดง
“การลากสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งเป็นเส้นเลือดใหญ่อีกเส้นของเศรษฐกิจประเทศเข้ามาเพื่อกดดันรัฐบาล แล้วบอกว่า...ต้องรับสภาพ ขอถามจริงๆว่า...ใครเป็นคนทำลายเศรษฐกิจไทยกันแน่”
บางเสียงก็โพสต์ปลอบ... “พวกเขาไม่สนใจ เราจะเสียหายอย่างไร ประเทศจะถอยหลังหมดความเชื่อถือในสายตาจากต่างประเทศ...ขอให้นึกทางพระเข้า ข่ม เราเคยทำกรรมอะไรไว้เมื่อชาติก่อน”
เสริมด้วย คุณขยะแห้ง ตั้งกระทู้ลอยๆไว้ว่า...เมื่อใด? ที่มีการกบฏยึดอำนาจ กลุ่มที่ทำ...สามารถมาบริหารประเทศได้ ไม่มีความผิด การบังคับกฎหมาย ก็จะไม่มีผล ในประเทศที่ว่าเป็นประชาธิปไตย
“ความวุ่นวาย จะไม่รู้จบ อย่าบอกว่าม้วนเดียวจบเลย...ยี่สิบม้วนก็ไม่จบ เพราะระบอบประชาธิปไตย บอกว่า เราเท่าเทียมกัน”
คุณขยะแห้งยังโพสต์โยงถึงความเห็นของ สมศักดิ เจียมธีรสกุล นักวิชาการรัฐศาสตร์ ที่ชี้ยุทธวิธีของพันธมิตรฯขณะนี้ชัดเจน
“พยายามสร้างความรู้สึกที่ว่า เกิดภาวะ civil disorder คือ ความวุ่นวายทางสังคม ความไม่มีระเบียบ จัดการไม่ได้...เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาล”
การปิดสุวรรณภูมิ...มีผลกระทบต่อธุรกิจท่องเที่ยวมาก เพราะเป็นช่วงไฮซีซัน
วิเคราะห์กันไปต่างๆนานา ต้องมาสะดุดกับคำว่า สปอนเซอร์ใหม่?
คุณ PageOne อธิบายสั้นๆว่า ปิดสุวรรณภูมิ ก็ตรงตามเจตนารมณ์ รัฐบาล...หลังการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
“สุวรรณภูมิมีปัญหา...เครื่องบินทุกสายต้องไปลงที่สิงคโปร์ ไม่แน่ว่า...ครั้งนี้ อาจมีตังค์ทอนอีกโข”
วันนี้...ทั่วโลกกำลังมีปัญหาด้านเศรษฐกิจ แถบยุโรปเริ่มมีคนตกงาน มากขึ้น คนที่ทำงานแบบเช้าชามเย็นชาม...ก็เริ่มถูกปลดออกจากงาน
นักวิชาการประเมินว่า กว่าจะฟื้นตัวเหมือนเดิม อาจใช้เวลาถึงปี 2555...นาน 4 ปีเต็ม
“เยอรมันมีตัวเลขคนตกงานเกิน 700,000 คนเข้าไปแล้ว... แต่บ้านเรา ยังคงตั้งหน้าตั้งตาเผาป่าเพื่อกำจัดโรบินฮูด...คนเดียว”
นานาทรรศนะกรณีพันธมิตรฯยึดสนามบินสุวรรณภูมิ พูดกันแตกแขนงแยกย่อยหลากหลายประเด็น บางคนบอกตรงๆ ยังไม่เชื่อว่า...เมืองไทยจะมาถึงจุดนี้ได้จริงๆ
“คนที่อยู่ตรงกลางไม่มีที่ยืนแล้ว ตัวลีบลงทุกวันๆ จะพูดคุยกับใครก็ระแวงไปหมด ไม่เห็นด้วยก็ถูกเหมาว่าเป็นอีกฝ่ายโดยอัตโนมัติ”
คุณ Giggs ย้ำว่า ตัวเองก็แทบจะพึ่งไม่ได้แล้ว...ทุกวันนี้ตื่นมาตอนเช้าไม่รู้ว่าจะถูกเลย์ออ ฟเมื่อไร ไม่รู้ว่าแต่ละวันจะทำอะไรกินดี ที่ประหยัดและอิ่มท้องที่สุด
เมื่อถามถึงทางออก ท่ามกลางความวุ่นวายที่เกิดขึ้น คุณ seifiros ดูท่าว่าจะเป็นอีกคนที่ติดตามสถานการณ์มาโดยตลอด โพสต์ไว้ตอนตีสองกว่าๆ ฟันธงว่า “สงครามครั้งสุดท้ายของสุดท้าย พธม.พ่ายแพ้อย่างสิ้นเชิง”
“ผมเชื่อว่า...หลังที่ทุกคนได้เห็นเหตุการณ์วันนี้แล้ว คนที่เป็นกลาง หรือแม้แต่คนที่เชียร์พันธมิตรฯจำนวนไม่น้อย จะหันไปเข้ากับฝ่ายตรงข้าม”
ทางออกเฉพาะหน้า เท่าที่คิดได้ คงมีอยู่แค่ 2 ทาง ทางแรก...ใช้กำลังสลายการชุมนุม (ไม่ว่าจะด้วยประชาชนฝ่ายตรงข้าม หรือรัฐบาลสั่งการก็ตาม)
ทางที่สอง...รัฐบาลยอมถอยหลายก้าว ยุบสภา แล้วจัดการเลือกตั้งใหม่
ที่คิดให้เช่นนี้ เพราะการที่จะหวังให้พวกเค้าคิดได้เอง หรือจะรอให้กลุ่ม ผู้ชุมนุมค่อยๆตีตนลาจากการชุมนุม ให้ม็อบสลายหายไป คงไม่น่าจะเป็นไปได้เลย
ที่น่าห่วงกว่าทักษิณจะได้รับโทษหรือไม่? สมัครจะเป็นอย่างไร? รัฐบาลจะยุบสภาไหม? ก็คือ...เราจะมีอะไรกินไหมในวันพรุ่งนี้?
ท่ามกลางความร้อนแรงของเหตุบ้านการเมือง ดูเหมือนว่าฝ่ายที่ไม่เลือก ข้าง ยืนอยู่ตรงกลางจะห่วงกับปากท้อง ให้ความสำคัญกับเรื่องเศรษฐกิจมากที่สุด
จะด้วยการบล็อก หรือลบจากเจ้าของเว็บไซต์...ทรรศนะส่วนใหญ่ ไม่มีเสียงด่า ต่อว่าพันธมิตรฯแบบสุดโต่ง หยาบคาย ส่วนใหญ่มีแต่ให้กำลังใจกันและกัน และควรเตรียมใจเผื่อไว้ทุกสถานการณ์
“การยึด...อาจไม่นาน แต่ถ้าตัวสนามบินมีปัญหาก็อาจใช้งานไม่ได้...นาทีนี้ ไม่มีใครคาดเดาได้เลย ขนาดทำเนียบยังไม่น่าเชื่อ ก็ยังยึดได้ตั้งหลายเดือน”
คล้อยหลังวันม็อบพันธมิตรฯบุกยึดสนามบินสุวรรณภูมิเต็มรูปแบบ วันแรก...บทสรุปยังไม่รู้จะออกหัวหรือก้อย ที่กระทบแน่ๆคือเศรษฐกิจ และบาดแผลที่เยียวยาไม่ง่ายเลย คือความเชื่อมั่นของต่างชาติ.