บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2554

ผวาระคายเคือง เบื้องบาท รบ.เพิ่งตื่น-รับผิดชอบ

ที่มา ข่าวสด

อ้างไม่ต้องแล้ว "พระราชทรัพย์" "มาร์ค-กษิต"โร่ อสส.บินเบอร์ลิน ถอนอายัดโบอิ้ง


รัฐ บาลมาร์คเพิ่งตื่นวิ่งวุ่นแก้ปัญหา หลังสำนักราชเลขานุ การในพระองค์ฯออกแถลงการณ์สมเด็จพระบรมฯจะทรงใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ ระงับข้อพิพาทกรณีอายัดโบอิ้งเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ ด้าน"กษิต"อ้างจะไม่ทำให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท รัฐบาลพร้อมรับผิดชอบร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนมาร์คส่งอัยการสูงสุดบินไปเยอรมันอีก อ้างไม่ต้องวางเงินประกันแล้ว ขอเวลา 3 วันในการคลี่คลายปัญหา

กรณีสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ออกแถลงการณ์เรื่องการอายัดเครื่องบินพระที่นั่งส่วนพระองค์ กรณีพิพาทระหว่างรัฐบาลไทยกับบริษัทวาลเทอร์ บาว เอจี ประเทศเยอรมนี ซึ่งสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชกระแสและพระราชปณิธานจะพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์ระงับข้อพิพาท ด้วยพระองค์เอง เพื่อใช้หนี้บุญคุณให้แก่ประเทศชาติในฐานะที่ทรงเป็นประชาชนไทย ซึ่งแถลงการณ์ระบุด้วยว่าเรื่องที่เกิดขึ้นพระองค์มิได้ทรงมีส่วนได้ส่วน เสีย หรือทรงกระทำให้เหตุการณ์เกิดขึ้น แต่ก็นำมาซึ่งความเดือดร้อนพระราชหฤทัย กระทบต่อพระราชกรณียกิจ และเสื่อมเสียพระเกียรติยศ

เมื่อเวลา 09.30 น. ที่รัฐสภา นายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าหลังสำนักงานราชเลขานุการในพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ออกแถลงการณ์ว่า เรื่องนี้อยู่ในระดับเจ้าหน้าที่ คือระดับปลัดกระทรวงที่ได้ประชุมกันไปแล้วในระดับรายละเอียดของเรื่องที่ต่อ เนื่อง ฉะนั้นคงไม่รบกวนนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี

เมื่อ ถามว่าการยึดเครื่องบินส่วนพระองค์ และคดีบริษัท วาลเทอร์ บาว จะทำอย่างไร และใครจะดำเนินการต่อไป นายกษิต กล่าวว่า เป็นเรื่องของสำนักงานอัยการสูงสุด และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เมื่อถามต่อว่าหลังจากสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงมีพระราชกระแสและพระราชปณิธานที่จะพระราชทานทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อระงับ ข้อพิพาท ในส่วนของคดีที่เกี่ยวกับบริษัทดังกล่าวจะทำเช่นใด นายกษิต กล่าวว่า เรื่องจะกลับมาที่รัฐบาล และว่ากันในกรณีที่บริษัท วาลเทอร์ บาว ร้องขอต่อศาลกรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ให้บังคับคดีตามคำสั่งของอนุญาโต ตุลาการระหว่างประเทศเป็นหลัก ในวันที่ 16 ส.ค.นี้ เพราะการฟ้องร้องคดีเริ่มต้นที่นั่น จึงกลับไปเริ่มต้นที่คดีตัวหลัก ที่ศาลกรุงเบอร์ลิน ซึ่งคดีอายัดเครื่องบินพระที่นั่งนั้นเป็นส่วนหนึ่งของคดีหลัก และตอนนี้ อสส.อยู่ระหว่างการปรึกษาหารืออย่างใกล้ชิดกับคณะทนายความ ส่วนการอายัดเครื่องบินพระที่นั่งนั้น ถือว่าจบแล้ว ไม่เกี่ยวกัน เพราะทรงมีพระราชวินิจฉัยเป็นอื่นแล้ว และเมื่อเราเลือกไปทำที่ต้นเรื่องในคดีหลัก คดีรองก็หลุดไปโดยปริยาย

เมื่อ ถามถึงการเตรียมอุทธรณ์ในกรณีที่บริษัทนี้ยื่นขอให้บังคับคดี นายกษิต กล่าวว่า การต่อสู้คดีตามที่มีการแถลงข่าวหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ไปแล้ว ซึ่งหลังการประชุม ครม.นัดพิเศษแล้ว นายกรัฐมนตรีได้เรียกประชุมกลุ่มย่อยต่อ เพื่อประสานกับคณะทนายความที่จะไปสู้คดีนี้ที่กรุงเบอร์ลิน เมื่อถามต่อถึงการฟ้องร้องคดีเพิ่มเติม นายกษิต กล่าวว่า นั่นเป็นการฟ้องกลับ ซึ่งต้องทำทีละขั้นตอน กระทรวงการต่างประเทศได้ส่งคณะทำงานจากกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เข้าไปช่วย อสส.แล้ว

เมื่อเวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา นายกษิต ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงขั้นตอนการถอนอายัดเครื่องบินพระที่นั่ง ว่า สรุปแล้วพระองค์ท่านไม่ต้องใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ในการดำเนินการแล้ว แต่จะเป็นเรื่องของรัฐบาลที่จะเข้าไปรับผิดชอบร้อยเปอร์เซ็นต์ โดยเราจะดำเนินการในคดีใหญ่ และเมื่อเริ่มดำเนินคดีใหญ่ ก็จะยกเลิกการอายัดเครื่องบินไปโดยปริยาย

ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ตกลงไม่ต้องใช้พระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แล้วใช่หรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า ไม่มี ไม่เกิดขึ้นแล้ว ไม่มีอะไรที่ไปยุ่งเกี่ยวกับพระองค์ท่าน เพราะเราจะดำเนินคดีใหญ่ที่จะทำให้ถอนเครื่องบินออกมาได้ ซึ่งกระบวนการขั้นตอนรัฐบาลจะยื่นเรื่อง เพราะที่มีการร้องเราอยู่คือเรื่องค่าเสียหายในคดีหลักจำนวน 30 ล้านยูโร พอเราไปดำเนินคดีตรงนั้น ซึ่งเราจะยืนยันต่อศาลว่าเราจะดำเนินการซึ่งมีในรายละเอียด และเมื่อศาลแน่ใจว่าเราจะรับผิดชอบในส่วนของคดี ก็จะไม่อายัดเครื่องบินไว้อีก ขณะนี้ได้เร่งดำเนินการและเริ่มแล้ว ซึ่งอัยการสูงสุดกำลังปรึกษาหารือในรายละเอียดกับทนายของเราที่เยอรมัน เมื่อถามว่า คาดว่าจะสามารถถอนอายัดได้เมื่อไหร่ นายกษิตกล่าวว่า ขึ้นกับขั้นตอนภายในสัปดาห์นี้ซึ่งกำลังเร่งอยู่ ในการพูดจาทำความตกลงก็จะมีผลในการถอนอายัดเครื่องบิน เพราะที่มีการยึดไว้เพราะคดีใหญ่มันไม่เสร็จ

นายกษิต กล่าวถึงกรณีนายอภิสิทธิ์และอัยการสูงสุดเข้าเฝ้าฯ เพื่อรับพระราชทานคำแนะนำเรื่องคดีเมื่อวันที่ 1 ส.ค. ว่า ที่นายกฯ และอัยการสูงสุดเข้าเฝ้าฯ ก็สืบเนื่องมาจากที่มีการประกาศของสำนักราชเลขานุการฯ ซึ่งพระองค์ท่านไม่ต้องรับผิดชอบ และรัฐบาลจะรับมาเต็มที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ อยากเรียนเพื่อความสบายใจว่าเราจะดำเนินการทางศาลเพื่อนำสู่การถอนอายัด โดยรัฐบาลจะเป็นผู้รับดำเนินการทั้งหมด

เมื่อเวลา 11.30 น. นายอภิสิทธิ์ เดินทางจากอาคารรัฐสภา มายังห้องทำงานตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล เพื่อนัดหารือกับนายจุลสิงห์ วสันตสิงห์ อัยการสูงสุด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอาทิ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการต่างประเทศ ต่อมาตรการดำเนินการจ่ายค่าชดเชยให้บริษัท วาลเทอร์ บาว เอจี เป็นเงิน 36 ล้าน ยูโร หรือประมาณ 1,558 ล้านบาท ในคดีที่รัฐบาลไทยถูกกล่าวหาแทรกแซงการแก้ไขสัญญาก่อสร้างทางยกระดับดอน เมืองโทลล์เวย์ ทำให้กลุ่มบริษัทผู้ดำเนินการก่อสร้างไม่สามารถบริหารโครงการให้เกิดผลกำไร ได้ และได้ยึดเครื่องบินโบอิ้ง 737 เครื่องบินส่วนพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ไว้ที่สนามบินเมืองมิวนิก ประเทศเยอรมนี โดยใช้เวลาหารือกันนานกว่า 4 ชั่วโมง

จากนั้น เวลา 15.00 น. นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ว่าได้เชิญทุกหน่วยงานมาอีกครั้งหนึ่ง หลังจากประชุมสัปดาห์ที่แล้ว และเสนอเรื่องต่อครม. และครม.ได้อนุมัติในเรื่องการดำเนินการต่อไปในหลักการ ซึ่งจะได้สนองพระราชปณิธานเพื่อให้คดียุติโดยเร็วที่สุด โดยจะต้องไม่ให้มีการกระทบกระเทือนความสัมพันธ์ของ 2 ประเทศ และสถาบันพระมหากษัตริย์ วันเดียวกันนี้ ได้ซักซ้อมหน่วยงานเพิ่มเติม เพื่อขอความเห็นและตรวจสอบข้อเท็จจริงข้อกฎหมายต่างๆ ซึ่งคณะของอัยการสงสุดจะเดินทางไปที่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนีในวันที่ 3 ส.ค. และจะดำเนินการตามแนวทางที่ได้ซักซ้อมให้แล้วเสร็จในสัปดาห์นี้ โดยพยายามจะเร่งรัดให้ได้ข้อยุติที่ดี

เมื่อถามว่าแนวทางคืออะไร เพราะขณะนี้ทรงมีพระราชปณิธานที่จะพระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์เพื่อ ระงับข้อพิพาทแล้ว นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้พระราชทาน เพียงแต่พระองค์ท่านแสดงพระราชปณิธานที่จะสละพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์ แต่รัฐบาลก็จะดำเนินการที่จะแก้ไขปัญหานี้เอง โดยไม่ต้องให้ระคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท เพราะยังคิดว่ามีหนทางที่จะดำเนินการ

เมื่อถามว่าหมายถึงรัฐบาลต้องไปวางเงินแทนหรือเปล่า นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีเรื่องอย่างนั้น ต้องแยกกันระหว่างเรื่องจะไปวางเงินที่ศาลที่ต่อสู้ เรื่องเครื่องบินโบอิ้ง 737 เครื่องบินส่วนพระองค์นั้นไม่มีการวางเงิน ส่วนเรื่องของคดีหลักและแนวทางการดำเนินการต่อไปไม่ให้กระทบกระเทือนนั้นก็ เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งก็กำลังดำเนินการกันในหลายช่องทาง เมื่อถามว่าคดีหลักที่จะไม่ให้กระทบกระเทือนจะดำเนินการอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มีหลายทางที่กำลังดำเนินการอยู่ เมื่อถามย้ำว่าหมายความว่าการต่อสู้คดียังเดินหน้าต่อ นายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ก็ยังดำเนินการต่อเนื่อง โดยมีหลายประเด็นที่พันกันอยู่ คิดว่าให้ทางอัยการไปดำเนินการและช่วงปลายสัปดาห์ก็จะมีความคืบหน้า

เมื่อถามว่าในส่วนของการอุทธรณ์ ที่บอกว่าอาจจะมีการฟ้องกลับยังทำคู่ขนานกันหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า อุทธรณ์ที่กรุงนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกาไปแล้ว ส่วนเรื่องอื่นๆ นั้นสิ้นสัปดาห์นี้จะมีความคืบหน้าจะรายงานให้ทราบ เมื่อถามว่าคดีที่ค้างอยู่ที่ประเทศเยอรมนีนี้ถ้าไม่วางเงินความมั่นใจในการ ชนะคดีมีมากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า มี 2 คดี โดยขณะนี้กำลังดูไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ เมื่อถามย้ำว่าถ้าไม่ให้กระทบเลยจะมีการยุติคดีหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า การยุติคดีหรือไม่เป็นเรื่องของการดูเงื่อนไข แต่ขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ว่าเป็นอย่างไร คณะอัยการสูงสุดก็จะดำเนินการต่อไป

เมื่อถามว่ามีเงื่อนไขอะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า คงไม่สามารถเปิดเผยได้ ขอให้รออีก 3 วันน่าจะชัดเจน เมื่อถามว่าเป็นการดำเนินการภายใต้แรงกดดันหลายทางหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เป็นธรรมดาที่มีแรงกดดันทั้ง 2 ฝ่าย ทางฝ่ายบริษัทเองก็มีแรงกดดันเหมือนกัน ต่อข้อถามว่าขณะนี้ทางบริษัทวาลเทอร์ บาว ติดต่อมาเพื่อขอประนีประนอมอะไรหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขอประนีประนอมเป็นระยะๆ ตลอดเวลา ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า ช่วงนี้มีการติดต่อมาอีกหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ยังครับ"

นาย อภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ทางอสส. กำลังไปดำเนินการ ก็จะต้องมีเรื่องที่ต้องพูดถึงคดีในรายละเอียด เมื่อถามว่าจากการที่เข้าเฝ้าฯถวายรายงานไป พระองค์ท่านทรงห่วงใยเรื่องใด นายกฯ กล่าวว่า ทรงห่วงใยเรื่องผลกระทบที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะถ้าหากเหตุการณ์ยืดเยื้อลุกลาม ก็จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์ และต่อสถาบันพระมหากษัตริย์เพราะฉะนั้นทรงแสดงพระราชปณิธานที่จะสละพระราช ทรัพย์ส่วนพระองค์ เพื่อให้ไม่เกิดปัญหาขึ้น ดังนั้นเราน้อมเกล้าฯรับและสนองในการดำเนินการให้เป็นไปตามเป้าหมายนี้ โดยยังมีแนวทางที่จะทำได้ ซึ่งไม่ต้องไประคายเคืองเบื้องพระยุคลบาท

เมื่อถามว่าที่สุดแล้วรัฐบาลจะต้องใช้เงินหรือไม่และจำนวนเท่าไหร่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีใครตอบได้ และเป็นเรื่องของคณะทำงานที่ไปทำงาน เพราะเวลานี้เป็นเรื่องของค่าจ้างทนายเท่านั้น ส่วนแนวทางที่ซักซ้อมในวันนี้คณะทำงานก็ทราบดีว่าต้องทำอย่างไร ซึ่งไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker