Fri, 2012-09-21 18:25
"ธาริต" แถลงข่าวชี้ความรุนแรงสลายชุมนุมปี 53
เหตุที่เกิดขึ้นมันต่างคนต่างผิดคนละบริบท พ้อถูกด่าทั้งขึ้นทั้งล่อง
แฉกลับ "มาร์ค" สั่งให้เคลียร์บิ๊กทหาร หลังผลสอบเสื้อแดงถูกทหารยิง
เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 55 ที่ผ่านมาหนังสือพิมพ์แนวหน้ารายงาน
ว่าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ(ดีเอสไอ) เมื่อเวลา 13.00 น. นายธาริต เพ็งดิษฐ์
อธิบดีดีเอสไอ แถลงข่าวตอบโต้กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี
และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯในฐานะผอ.ศอฉ.
ระบุว่าดีเอสไอตั้งธงมุ่งเล่นงาน โดยนายธาริต
จะแจ้งข้อหาความผิดฐานก่อให้บุคคลอื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็นผลนั้น
อยากบอกว่า ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
ขณะนี้เจ้าหน้าที่ดีเอสไอถูกโจมตีมากจนขวัญเสีย เพราะทำงานตรงไปตรงมา
เลยถูกกลุ่มคนเกลียดชัง ทั้งฝ่ายเชียร์ นปช.และฝ่ายเชียร์ นายอภิสิทธิ์
กับนายสุเทพ ตลอดจนสื่อมวลชนหลายฉบับ ซึ่งสาธารณชนอาจเข้าใจผิดว่า
กระบวนยุติธรรมผิดเพี้ยนเชื่อถือไม่ได้
“ตอนนี้ นายธาริต เดินไปไหนก็ถูกคนเกลียดหมดไม่ว่าฝ่ายไหน
วันนี้ต่างคนต่างผิดแล้วกองเชียร์จะเอายังไง
จะให้ดีเอสไอบอกว่าเสื้อแดงผิดหมด ฝ่ายบริหารไม่ผิดเลย ส่วนกองเชียร์
ฝ่ายบริหารก็บอกว่า แดงผิดหมด ฝ่ายบริหารไม่ผิด
ส่วนฝ่ายแดงบอกว่าฝ่ายบริหารที่มี นายอภิสิทธิ์ นายสุเทพ ผิดหมด แดงไม่ผิด
มันไม่ใช่ บ้านเมืองไม่ใช่อย่างนั้น
เหตุที่เกิดขึ้นมันต่างคนต่างผิดคนละบริบท ซึ่งเวลา 2 ปี
เมื่อทำให้ข้อเท็จจริงนิ่งก่อน ศาลไต่สวนกรณีนายพัน คำกอง
เสียชีวิตออกมาแล้ว คดีนายสุเทพ และนายอภิสิทธิ์ กำลังจะเป็นคดีที่หนึ่ง”
นายธาริต กล่าว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวย้อนหลังเหตุการณ์ความไม่สงบอย่างรุนแรง
เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 ทำให้สูญเสียอย่างมากทั้งชีวิตและร่างกาย
ทั้งฝ่ายทหาร ตำรวจ และพลเรือน ซึ่งอาจเกิดจากต้นเหตุความผิดของทั้งสองฝ่าย
คือ ฝ่าย นปช.และฝ่ายรัฐ ได้ถูกยกระดับให้เป็นคดีพิเศษ ดังนั้น ดีเอสไอ
มีหน้าที่ดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดทุกคนและทุกฝ่าย ทั้งนี้ ดีเอสไอ
ยืนยันว่า ทำงานตรงไปตรงมา ตั้งแต่ต้น และเข้าทำคดีโดยเสมอภาคทั้ง 2 ฝ่าย
ไม่ว่าจะเป็นฝ่าย นปช. หรือ ศอฉ. ดังจะเห็นได้ว่า
ในช่วงรัฐบาลนายกฯอภิสิทธิ์ ทางดีเอสไอ
มีบทบาททำให้เหตุการณ์ยุติลงได้ด้วยการจับกุมผู้กระทำผิดกลุ่มฮาร์ดคอร์ของ
นปช.จำนวนกว่า 259 คน ซึ่งในจำนวนนี้กว่า 100 คน
ถูกดำเนินคดีอย่างเฉียบขาดและจริงจังในฐานความผิดก่อการร้าย
ฐานวางเพลิงเผาทรัพย์
ฐานกระทำต่ออาวุธยุทธภัณฑ์ของราชการทหารอย่างไม่มีละเว้น
จนอัยการสั่งฟ้องคดีและศาลก็รับฟ้องคดีไว้พิจารณา
ส่วนคดีฝ่ายรัฐหรือผู้บริหารของศอฉ.นั้น
ดีเอสไอก็ได้ทำสำนวนคดีว่ามีการตายของพลเรือนเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐมากน้อย
เพียงใดและเพราะเหตุใด แต่เนื่องจากมีขั้นตอนที่เนิ่นนานกว่า
เพราะต้องส่งศาลไต่สวนเหตุการตายก่อนว่าเกิดจากฝ่ายรัฐหรือไม่
จึงดูเหมือนว่าที่ผ่านมาดีเอสไอมุ่งเล่นงานแต่พวกฮาร์ดคอร์ของ นปช.
“ตอนนี้ฝ่าย ศอฉ.คนแรกกำลังจะโดนบ้าง ดีเอสไอก็ถูกด่าเสียหายว่า
ตั้งธงในการทำคดี รับใบสั่งใครมา
หลังจากสัปดาห์ที่แล้วศาลได้มีคำสั่งเป็นศพแรกว่า การตายของนายพัน คำกอง
แท็กซี่เสื้อแดง เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ปฏิบัติการตามคำสั่ง
ศอฉ.ก็เป็นผลที่ข้อเท็จจริงยุติแล้ว ดีเอสไอ ก็ต้องเดินหน้าต่อตามข้อกฎหมาย
ต้นตอก็ต้องมุ่งไปที่ผู้รับผิดชอบออกคำสั่ง ศอฉ.
นี่คือการดำเนินคดีแบบเสมอภาค ไม่มีใครอยากฆ่าใครหรอก
เมื่อผู้รับผิดชอบฝ่ายรัฐในขณะนั้นคือ ฝ่ายบริหาร
ศอฉ.ออกคำสั่งไม่รอบคอบจนอาจเข้าข่ายก่อให้ผู้อื่นฆ่าคนตายโดยเจตนาเล็งเห็น
ผล ก็ต้องถูกดำเนินคดีเช่นเดียวกันกับกลุ่มฮาร์ดคอร์ของ นปช.ทำผิดกฎหมาย”
นายธาริตกล่าว
นายธาริต กล่าวอีกว่า ตนขอเปิดเผยความลับว่า ในสมัยท่านอภิสิทธิ์
เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ดีเอสไอได้ทำสำนวนคดีว่า
มีการตายของพลเรือนเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐมากน้อยเพียงใด และเพราะเหตุใด
โดยผมได้เข้าไปพบรายงานท่านเองว่า เบื้องต้นพบ 11
ศพแล้วที่เกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐทำให้ตายจะต้องส่งศาลไต่สวน
ท่านก็บอกเห็นด้วย และสั่งให้ผมชี้แจงกับฝ่ายทหารด้วย
ผมก็ดำเนินการให้สอบสวนก็พบเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนขณะนี้ 36 ศพแล้ว
อธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า รายงานของ คอป.หน้า193 และหน้า243 ก็ระบุว่า
การออกคำสั่ง ศอฉ.บกพร่อง ไม่มีการทบทวนแผนปฎิบัติการ
ซึ่งจะต้องมีผู้รับผิดทางอาญา พร้อมกันนี้ อยากถามว่า
ทำไมไม่ดูย้อนหลังตั้งแต่ 2 ปี
เรื่องมันเกิดขึ้นกลางบ้านกลางเมืองใหญ่โตขนาดนี้ มันโกหกไม่ได้ แต่วันนั้น
เรายังชี้ว่าฝ่ายบริหารของ ศอฉ.ผิดไม่ได้
เพราะต้องรอให้ศาลตัดสินเสร็จก่อน ยืนยันตนไม่ได้เปลี่ยนสี ดีเอสไอ ตำรวจ
อัยการ ไม่ได้เปลี่ยนสี เราเป็นสีเดียวอยู่แล้วเราคือสีราชการ
ขอความเป็นธรรมให้คนของเราที่ทำงานด้วย ขอเน้นย้ำว่า จะแจ้งข้อหาใคร
ฐานอะไร ต้องมีมติ 3 ฝ่ายร่วมกันทุกคดี ทั้ง นปช.ท่านอภิสิทธิ์
และท่านสุเทพ เสมอภาคกันแล้ว ทำไมมาผูกกับนายธาริต คนเดียว