Thu, 2012-09-13 18:00
ไต่สวนการตาย 10 เม.ย. "มานะ อาจราญ" นัดแรก
เพื่อนร่วมงานเผยผู้ตายได้ตกลงกันว่าจะช่วยกันเฝ้าบ่อเต่ายักษ์จนถึงเช้า
แต่มาถูกยิงเสียก่อนช่วงเดินไปตอกบัตร รปภ.เผยก่อนนายมานะถูกยิง
มีเสียงตะโกน "มันมาแล้ว" ก่อนที่ทหารทั้งในและนอกสวนสัตว์จะกรูเข้าไปหลบ
และทหารมีการยิงสวนไปทางรัฐสภา แต่ไม่แน่ใจว่าใครทำให้นายมานะเสียชีวิต
ศาลนัดสืบพยานต่อศุกร์นี้
เวลา 9.30 น. วันนี้ (13 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลเริ่มไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพนัดแรก ในคดีเลขที่ อช.1/2555 กรณีการเสียชีวิตของนายมานะ อาจราญ อายุ 24 ปี ลูกจ้างสวนสัตว์ดุสิตที่ถูกยิงเสียชีวิตในคืนเดียวกับที่มีการสลายการชุมนุม คือวันที่ 10 เมษายน 2553 ภายในบริเวณสวนสัตว์ดุสิต ถ.อู่ทองใน กรุงเทพฯ
สำหรับคดีดังกล่าวพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 7 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้นำส่งพยานหลักฐานและพยานบุคคลจำนวนมากถึง 36 ปาก รวมทั้งยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม ศาลจึงได้มีคำสั่งให้มีการไต่สวน 7 นัด คือวันที่ 13, 14, 17 และ 24 ก.ย. 55, 26 พ.ย.55, 17 และ 24 ธ.ค. 55
โดยการไต่สวนในวันนี้ มีการเรียกพยานมาให้ปากคำ 5 ปาก ได้แก่นายมาโนช อาจราญ รปภ.สวนสัตว์ดุสิต และบิดาของผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดุสิตอื่นๆ อีก 4 ปาก
บิดาเชื่อทหารทำให้บุตรชายเสียชีวิตเพราะทหารเข้ามาในสวนสัตว์ แต่ไม่ติดใจเอาความ
โดยนายมาโนช อาจราญ เบิกความต่อศาลว่าบุตรชายเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 24 ปี ในวันที่ 10 เม.ย. 53 โดยในวันเกิดเหตุเขาได้เข้าเวร รปภ.สวนสัตว์ดุสิต ที่ประตูทางออกด้าน ถ.ราชวิถี ส่วนบุตรชายไม่ได้ทำงานบริเวณเดียวกันแต่ทำงานอยู่ที่บ่อเต่ายักษ์อัลดราบา ต่อมาหลังเวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดุสิตแจ้งว่ามีคนถูกยิงบริเวณลานใกล้อาคารจอดรถจึงเดิน ไปดู เมื่อไปถึงพบว่าเป็นบุตรชายซึ่งเสียชีวิตแล้วและนอนคว่ำหน้าอยู่ โดยแพทย์ชันสูตรศพระบุว่าเกิดจากกระสุนปืนเอ็ม-16 เข้าด้านหลังบริเวณท้ายทอย และทะลุออกบริเวณหน้าผาก
นายมาโนช เบิกความต่อว่า ในสวนสัตว์ดุสิตมีทหารประมาณ 1 กองร้อยเข้ามาอยู่ตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้วเพื่อตรึงกำลัง เนื่องจากมีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งนี้ในวันดังกล่าวไม่ทราบว่าข้างนอกเกิดเหตุการณ์อะไร และไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาในสวนสัตว์ โดยเชื่อว่า ความตายของบุตรชายเกิดจากการกระทำของทหาร เนื่องจากในวันดังกล่าวทหารเข้ามาในสวนสัตว์ และถืออาวุธปืนเอ็ม-16 เข้ามาด้วย
นายมาโนชกล่าวว่าที่่ผ่านมาได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำนวน 400,000 บาท กองคลัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม 50,000 บาท ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 30,000 บาท และจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 7.2 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายสองงวด ทั้งนี้นายมาโนชไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มและไม่ติดใจดำเนินคดีต่อ
เพื่อนร่วมงานเผยคืนเกิดเหตุ "มานะ อาจราญ" เข้าเวรดูแลเต่ายักษ์
ต่อมานายบุญมี แก้วไทรท้วม เป็นพยานคนที่ 2 เบิกความต่อศาล กล่าวว่า นายมาโนชมีศักดิ์เป็นหลาน ที่สวนสัตว์ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าบ่อเต่ายักษ์อัลดราบาตอนกลางคืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม เนื่องจากเต่ายักษ์มีราคาแพง และเดิมเต่ายักษ์ถูกจัดแสดงไว้ที่อาคารสัตว์เลื้อยคลาน แต่อาคารกำลังมีการปรับปรุง จึงมีการย้ายเต่ามาอยู่ที่บ่อเก้งหม้อและใช้เป็นที่จัดแสดงเต่ายักษ์อัลดรา บาดังกล่าว
โดยสวนสัตว์ได้แบ่งเจ้าหน้าที่เข้าเวรดูแลบ่อเต่าช่วงกลางคืนออกเป็น 2 กะ คือกะแรก 17.00 น. - 23.00 น. และกะที่สอง 23.00 น. - 7.00 น. โดยในวันเกิดเหตุนายมานะ ประจำกะแรก ส่วนนายบุญมีจะอยู่กะที่สอง แต่ได้ตกลงกันว่าจะอยู่ดูแลเต่ายักษ์ด้วยกันทั้ง 2 กะจนเช้า โดยในคืนเกิดเหตุนายมานะออกไปอาบน้ำที่โรงพยาบาลสัตว์ ในสวนสัตว์ดุสิต ตอน 20.00 น. และกลับมาอีกทีในวเลา 21.00 น. ต่อมาในเวลา 23.00 น. เมื่อครบเวลาเข้าเวรกะแรก นายมานะกล่าวว่าจะออกไปตอกบัตรออกเวรที่กองอำนวยการสวนสัตว์ แล้วจะกลับมาเฝ้าบ่อเต่าเป็นเพื่อนต่อ โดยนายมานะได้ออกจากส่วนจัดแสดงเต่ายักษ์และคล้องกุญแจข้างนอกเอาไว้
เวลาผ่านไปประมาณ 2 นาทีนายบุญมี กล่าวว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นัด จากนั้นพอได้ยินเสียงปืนอีก จึงหาทางออกจากบ่อเต่า แต่เนื่องจากประตูถูกปิดไว้จึงปีนออกมา และพบร่างนายมานะ นอนคว่ำอยู่ โดยกระตุกอยู่ 2-3 ครั้ง ก่อนแน่นิ่งไป โดยพบร่างห่างจากรถมอเตอร์ไซค์ของนายมานะประมาณ 2 เมตร
จากนั้นจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือ แต่ทหารที่อยู่บริเวณอาคารจอดรถตะโกนสวนมาว่า "หลบไป อยากตายหรือไง" นายบุญมีจึงกลับไปหลบอยู่ที่บ่อเต่าใกล้บริเวณที่ผู้ตายคว่ำหน้าอยู่ นอกจากนี้นายบุญมีพยายามแจ้งศูนย์วิทยุสื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ได้คำตอบว่ายังออกมาช่วยไม่ได้ เพราะยังมีการยิงอยู่ ต่อมาเห็นนายสุทัศน์ สุทธิวงศ์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย สวนสัตว์ดุสิต จึงปีนบ่อเต่าออกมา ทั้งนี้ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม-16 2 ปลอก โล่เขียนว่า "ตชด." และกระบองสีน้ำตาล
นายบุญมีให้การต่อศาลว่าที่ทหารเข้ามาพักในอาคารจอดรถ สวนสัตว์ดุสิต เพราะมี นปช. ชุมนุม โดยช่วงกลางวันเห็นทหารบางนายมีอาวุธประจำกายคือปืนเอ็ม-16 และมีทหารออกมาเดินเล่นในสวนสัตว์ ส่วนถ้าจะมีบุคคลภายนอกเข้ามาต้องปีนกำแพงสวนสัตว์ซึ่งสูง 2 เมตรเข้ามา
หัวหน้า รปภ. ยันคืนเกิดเหตุไม่มีบุคคลภายนอกมีแต่ จนท.สวนสัตว์และทหาร แต่ไม่ทราบว่านายมานะตายเพราะใคร
ต่อมานายสุทัศน์ สุทธิวงศ์ ห้วหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย สวนสัตว์ดุสิต ให้การเป็นพยานปากที่ 3 กล่าวว่าในคืนเกิดเหตุมีรถกระบะขับมาจากด้านลานพระบรมรูปทรงม้า มุ่งหน้ามาทาง ถ.อู่ทองใน ด้านพระที่นั่งอนันตสมาคมก่อนเลี้ยวกลับทางเดิม เมื่อมีรายงานว่ามีคนถูกยิง จึงจะเข้าไปดู แต่ถูกทหารควบคุมตัวไว้เป็นเวลา 20 นาที เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุจึงพบว่านายมานะ เสียชีวิตแล้ว เมื่อเห็นนายบุญมีจึงเรียกนายบุญมีมาดู และแจ้งไปยังผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิตเพื่อประสานขอความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ในเวลาเกิดเหตุไม่น่าจะมีบุคคลภายนอก นอกจากเจ้าหน้าที่ทหารและ รปภ.สวนสัตว์ ทั้งนี้ได้นำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน ด้วย โดยนายสุทัศน์ให้การต่อศาลด้วยว่าทหารมีอาวุธปืนประจำกาย แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำให้นายมานะถึงแก่ความตาย
รปภ.ให้การก่อนนาทียิงมีเสียงตะโกน "มันมาแล้ว" แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร
นายเสรี จัตุรัส พยานปากที่ 4 เบิกความว่า ทำหน้าที่ รปภ.สวนสัตว์ดุสิต วันเกิดเหตุมาเข้าเวรเวลา 8.00 - 16.00 น. แต่หลังเวลา 16.00 น. ไปช่วยทำหน้าที่ดูแลอาคารจอดรถ ที่อยู่ตรงข้ามรัฐสภาต่อเนื่องจากกำลังคนไม่พอ ทั้งนี้ทราบว่าในวันเกิดเหตุมีการสลายการชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว และมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาพักกำลังพลที่อาคารจอดรถ สวนสัตว์ดุสิต
นายเสรีให้การต่อว่าในเวลา 23.00 น. ทหารตะโกนว่า "มันมาแล้ว" ทหารด้านนอกสวนสัตว์ได้วิ่งเข้าไปในสวนสัตว์ เมื่อถามว่า "มันมาแล้ว" หมายถึงอะไร นายเสรีตอบว่า "ไม่ทราบ" โดยนายเสรีให้การว่าได้ยินเสียงเหมือนเสียงปืนมาจากข้างนอก จึงขึ้นไปหลบบนดาดฟ้าของอาคารจอดรถ และต่อมาได้ยินเสียงปืนออกมาจากด้านในอาคารจอดรถ แต่ไม่ทราบว่าเป็นการยิงตอบโต้กับเสียงจากข้างนอกหรือไม่ นายเสรีให้การด้วยว่า รั้วของสวนสัตว์มีความสูง 2 เมตร ก่อนหน้านี้เมื่อ 4-5 ปีก่อนเคยมีคนแอบปีนเข้ามา
พยานคนที่ 5 ระบุเห็นทหารในสวนสัตว์ยิงไปทางรัฐสภา แต่ไม่รู้ว่ายิงอะไร
ต่อมานายสำเริง สุขสมจิต รปภ.สวนสัตว์ดุสิต ให้การว่าในวันเกิดเหตุ เข้าเวรระหว่างเวลา 8.00 - 16.00 น. หลังเวลา 16.00 น. เข้าไปช่วยงานที่อาคารจอดรถ โดยเห็นว่ามีทหารเข้ามาพักในสวนสัตว์ จนกระทั่งเวลา 23.00 น. ตรงประตูทางเข้าสวนสัตว์ด้านรัฐสภา มีเสียงตะโกนว่า "มันมาแล้ว" ซึ่งไม่ทราบว่าใครตะโกน จึงเข้าไปหลบในอาคารจอดรถ ส่วนทหารหลบอยู่ในอาคารจอดรถ ที่วิ่งเข้าไปในสวนสัตว์ก็มี และยังมีทหารที่นอนหมอบอยู่ด้วยกัน ได้ยิงปืนประจำกายไปทางรัฐสภา แต่ตนมองไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นเนื่องจากเสาบัง พอเสียงปืนสงบจึงขึ้นไปหลบบนดาดฟ้า และนายเสรี พยานก่อนหน้านี้ ได้โทรศัพท์มาบอกว่า นายมานะเสียชีวิตแล้ว นายสำเริงกล่าวด้วยว่าในกล้องวงจรปิด มีรถกระบะคันหนึ่งขับมุ่งหน้ามาทางพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วขับกลับไป แต่ไม่สามารถยืนยันว่าคนที่อยู่ในรถมีลักษณะอย่างไร และมีอาวุธหรือไม่
ทั้งนี้ศาลนัดสืบพยานต่อในวันที่ 14 ก.ย. โดยจะเป็นการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสืบพยาน
เวลา 9.30 น. วันนี้ (13 ก.ย.) ที่ห้องพิจารณาคดี 808 ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลเริ่มไต่สวนคำร้องชันสูตรพลิกศพนัดแรก ในคดีเลขที่ อช.1/2555 กรณีการเสียชีวิตของนายมานะ อาจราญ อายุ 24 ปี ลูกจ้างสวนสัตว์ดุสิตที่ถูกยิงเสียชีวิตในคืนเดียวกับที่มีการสลายการชุมนุม คือวันที่ 10 เมษายน 2553 ภายในบริเวณสวนสัตว์ดุสิต ถ.อู่ทองใน กรุงเทพฯ
สำหรับคดีดังกล่าวพนักงานอัยการสำนักงานอัยการพิเศษ ฝ่ายคดีอาญา 7 สำนักงานอัยการสูงสุด ได้นำส่งพยานหลักฐานและพยานบุคคลจำนวนมากถึง 36 ปาก รวมทั้งยังต้องมีการตรวจสอบเพิ่มเติม ศาลจึงได้มีคำสั่งให้มีการไต่สวน 7 นัด คือวันที่ 13, 14, 17 และ 24 ก.ย. 55, 26 พ.ย.55, 17 และ 24 ธ.ค. 55
โดยการไต่สวนในวันนี้ มีการเรียกพยานมาให้ปากคำ 5 ปาก ได้แก่นายมาโนช อาจราญ รปภ.สวนสัตว์ดุสิต และบิดาของผู้เสียชีวิต และเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดุสิตอื่นๆ อีก 4 ปาก
บิดาเชื่อทหารทำให้บุตรชายเสียชีวิตเพราะทหารเข้ามาในสวนสัตว์ แต่ไม่ติดใจเอาความ
โดยนายมาโนช อาจราญ เบิกความต่อศาลว่าบุตรชายเสียชีวิตเมื่ออายุได้ 24 ปี ในวันที่ 10 เม.ย. 53 โดยในวันเกิดเหตุเขาได้เข้าเวร รปภ.สวนสัตว์ดุสิต ที่ประตูทางออกด้าน ถ.ราชวิถี ส่วนบุตรชายไม่ได้ทำงานบริเวณเดียวกันแต่ทำงานอยู่ที่บ่อเต่ายักษ์อัลดราบา ต่อมาหลังเวลา 23.00 น. เจ้าหน้าที่สวนสัตว์ดุสิตแจ้งว่ามีคนถูกยิงบริเวณลานใกล้อาคารจอดรถจึงเดิน ไปดู เมื่อไปถึงพบว่าเป็นบุตรชายซึ่งเสียชีวิตแล้วและนอนคว่ำหน้าอยู่ โดยแพทย์ชันสูตรศพระบุว่าเกิดจากกระสุนปืนเอ็ม-16 เข้าด้านหลังบริเวณท้ายทอย และทะลุออกบริเวณหน้าผาก
นายมาโนช เบิกความต่อว่า ในสวนสัตว์ดุสิตมีทหารประมาณ 1 กองร้อยเข้ามาอยู่ตั้งแต่ช่วงกลางวันแล้วเพื่อตรึงกำลัง เนื่องจากมีการชุมนุมของคนเสื้อแดง ทั้งนี้ในวันดังกล่าวไม่ทราบว่าข้างนอกเกิดเหตุการณ์อะไร และไม่มีบุคคลภายนอกเข้ามาในสวนสัตว์ โดยเชื่อว่า ความตายของบุตรชายเกิดจากการกระทำของทหาร เนื่องจากในวันดังกล่าวทหารเข้ามาในสวนสัตว์ และถืออาวุธปืนเอ็ม-16 เข้ามาด้วย
นายมาโนชกล่าวว่าที่่ผ่านมาได้รับเงินเยียวยาจากรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จำนวน 400,000 บาท กองคลัง วัดพระศรีรัตนศาสดาราม 50,000 บาท ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร 30,000 บาท และจากรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 7.2 ล้านบาท โดยแบ่งจ่ายสองงวด ทั้งนี้นายมาโนชไม่ติดใจเรียกร้องค่าเสียหายเพิ่มและไม่ติดใจดำเนินคดีต่อ
เพื่อนร่วมงานเผยคืนเกิดเหตุ "มานะ อาจราญ" เข้าเวรดูแลเต่ายักษ์
ต่อมานายบุญมี แก้วไทรท้วม เป็นพยานคนที่ 2 เบิกความต่อศาล กล่าวว่า นายมาโนชมีศักดิ์เป็นหลาน ที่สวนสัตว์ต้องมีเจ้าหน้าที่เฝ้าบ่อเต่ายักษ์อัลดราบาตอนกลางคืน เพื่อป้องกันการโจรกรรม เนื่องจากเต่ายักษ์มีราคาแพง และเดิมเต่ายักษ์ถูกจัดแสดงไว้ที่อาคารสัตว์เลื้อยคลาน แต่อาคารกำลังมีการปรับปรุง จึงมีการย้ายเต่ามาอยู่ที่บ่อเก้งหม้อและใช้เป็นที่จัดแสดงเต่ายักษ์อัลดรา บาดังกล่าว
โดยสวนสัตว์ได้แบ่งเจ้าหน้าที่เข้าเวรดูแลบ่อเต่าช่วงกลางคืนออกเป็น 2 กะ คือกะแรก 17.00 น. - 23.00 น. และกะที่สอง 23.00 น. - 7.00 น. โดยในวันเกิดเหตุนายมานะ ประจำกะแรก ส่วนนายบุญมีจะอยู่กะที่สอง แต่ได้ตกลงกันว่าจะอยู่ดูแลเต่ายักษ์ด้วยกันทั้ง 2 กะจนเช้า โดยในคืนเกิดเหตุนายมานะออกไปอาบน้ำที่โรงพยาบาลสัตว์ ในสวนสัตว์ดุสิต ตอน 20.00 น. และกลับมาอีกทีในวเลา 21.00 น. ต่อมาในเวลา 23.00 น. เมื่อครบเวลาเข้าเวรกะแรก นายมานะกล่าวว่าจะออกไปตอกบัตรออกเวรที่กองอำนวยการสวนสัตว์ แล้วจะกลับมาเฝ้าบ่อเต่าเป็นเพื่อนต่อ โดยนายมานะได้ออกจากส่วนจัดแสดงเต่ายักษ์และคล้องกุญแจข้างนอกเอาไว้
เวลาผ่านไปประมาณ 2 นาทีนายบุญมี กล่าวว่าได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 2-3 นัด จากนั้นพอได้ยินเสียงปืนอีก จึงหาทางออกจากบ่อเต่า แต่เนื่องจากประตูถูกปิดไว้จึงปีนออกมา และพบร่างนายมานะ นอนคว่ำอยู่ โดยกระตุกอยู่ 2-3 ครั้ง ก่อนแน่นิ่งไป โดยพบร่างห่างจากรถมอเตอร์ไซค์ของนายมานะประมาณ 2 เมตร
จากนั้นจะวิ่งไปขอความช่วยเหลือ แต่ทหารที่อยู่บริเวณอาคารจอดรถตะโกนสวนมาว่า "หลบไป อยากตายหรือไง" นายบุญมีจึงกลับไปหลบอยู่ที่บ่อเต่าใกล้บริเวณที่ผู้ตายคว่ำหน้าอยู่ นอกจากนี้นายบุญมีพยายามแจ้งศูนย์วิทยุสื่อสารเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่ได้คำตอบว่ายังออกมาช่วยไม่ได้ เพราะยังมีการยิงอยู่ ต่อมาเห็นนายสุทัศน์ สุทธิวงศ์ หัวหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย สวนสัตว์ดุสิต จึงปีนบ่อเต่าออกมา ทั้งนี้ในที่เกิดเหตุพบปลอกกระสุนปืนเอ็ม-16 2 ปลอก โล่เขียนว่า "ตชด." และกระบองสีน้ำตาล
นายบุญมีให้การต่อศาลว่าที่ทหารเข้ามาพักในอาคารจอดรถ สวนสัตว์ดุสิต เพราะมี นปช. ชุมนุม โดยช่วงกลางวันเห็นทหารบางนายมีอาวุธประจำกายคือปืนเอ็ม-16 และมีทหารออกมาเดินเล่นในสวนสัตว์ ส่วนถ้าจะมีบุคคลภายนอกเข้ามาต้องปีนกำแพงสวนสัตว์ซึ่งสูง 2 เมตรเข้ามา
หัวหน้า รปภ. ยันคืนเกิดเหตุไม่มีบุคคลภายนอกมีแต่ จนท.สวนสัตว์และทหาร แต่ไม่ทราบว่านายมานะตายเพราะใคร
ต่อมานายสุทัศน์ สุทธิวงศ์ ห้วหน้าฝ่ายรักษาความปลอดภัย สวนสัตว์ดุสิต ให้การเป็นพยานปากที่ 3 กล่าวว่าในคืนเกิดเหตุมีรถกระบะขับมาจากด้านลานพระบรมรูปทรงม้า มุ่งหน้ามาทาง ถ.อู่ทองใน ด้านพระที่นั่งอนันตสมาคมก่อนเลี้ยวกลับทางเดิม เมื่อมีรายงานว่ามีคนถูกยิง จึงจะเข้าไปดู แต่ถูกทหารควบคุมตัวไว้เป็นเวลา 20 นาที เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุจึงพบว่านายมานะ เสียชีวิตแล้ว เมื่อเห็นนายบุญมีจึงเรียกนายบุญมีมาดู และแจ้งไปยังผู้อำนวยการสวนสัตว์ดุสิตเพื่อประสานขอความช่วยเหลือ
ทั้งนี้ในเวลาเกิดเหตุไม่น่าจะมีบุคคลภายนอก นอกจากเจ้าหน้าที่ทหารและ รปภ.สวนสัตว์ ทั้งนี้ได้นำหลักฐานจากกล้องวงจรปิดมอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อเป็นหลักฐาน ด้วย โดยนายสุทัศน์ให้การต่อศาลด้วยว่าทหารมีอาวุธปืนประจำกาย แต่ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ทำให้นายมานะถึงแก่ความตาย
รปภ.ให้การก่อนนาทียิงมีเสียงตะโกน "มันมาแล้ว" แต่ไม่รู้ว่าหมายถึงใคร
นายเสรี จัตุรัส พยานปากที่ 4 เบิกความว่า ทำหน้าที่ รปภ.สวนสัตว์ดุสิต วันเกิดเหตุมาเข้าเวรเวลา 8.00 - 16.00 น. แต่หลังเวลา 16.00 น. ไปช่วยทำหน้าที่ดูแลอาคารจอดรถ ที่อยู่ตรงข้ามรัฐสภาต่อเนื่องจากกำลังคนไม่พอ ทั้งนี้ทราบว่าในวันเกิดเหตุมีการสลายการชุมนุมที่สี่แยกคอกวัว และมีเจ้าหน้าที่ทหารเข้ามาพักกำลังพลที่อาคารจอดรถ สวนสัตว์ดุสิต
นายเสรีให้การต่อว่าในเวลา 23.00 น. ทหารตะโกนว่า "มันมาแล้ว" ทหารด้านนอกสวนสัตว์ได้วิ่งเข้าไปในสวนสัตว์ เมื่อถามว่า "มันมาแล้ว" หมายถึงอะไร นายเสรีตอบว่า "ไม่ทราบ" โดยนายเสรีให้การว่าได้ยินเสียงเหมือนเสียงปืนมาจากข้างนอก จึงขึ้นไปหลบบนดาดฟ้าของอาคารจอดรถ และต่อมาได้ยินเสียงปืนออกมาจากด้านในอาคารจอดรถ แต่ไม่ทราบว่าเป็นการยิงตอบโต้กับเสียงจากข้างนอกหรือไม่ นายเสรีให้การด้วยว่า รั้วของสวนสัตว์มีความสูง 2 เมตร ก่อนหน้านี้เมื่อ 4-5 ปีก่อนเคยมีคนแอบปีนเข้ามา
พยานคนที่ 5 ระบุเห็นทหารในสวนสัตว์ยิงไปทางรัฐสภา แต่ไม่รู้ว่ายิงอะไร
ต่อมานายสำเริง สุขสมจิต รปภ.สวนสัตว์ดุสิต ให้การว่าในวันเกิดเหตุ เข้าเวรระหว่างเวลา 8.00 - 16.00 น. หลังเวลา 16.00 น. เข้าไปช่วยงานที่อาคารจอดรถ โดยเห็นว่ามีทหารเข้ามาพักในสวนสัตว์ จนกระทั่งเวลา 23.00 น. ตรงประตูทางเข้าสวนสัตว์ด้านรัฐสภา มีเสียงตะโกนว่า "มันมาแล้ว" ซึ่งไม่ทราบว่าใครตะโกน จึงเข้าไปหลบในอาคารจอดรถ ส่วนทหารหลบอยู่ในอาคารจอดรถ ที่วิ่งเข้าไปในสวนสัตว์ก็มี และยังมีทหารที่นอนหมอบอยู่ด้วยกัน ได้ยิงปืนประจำกายไปทางรัฐสภา แต่ตนมองไม่เห็นว่ามีอะไรเกิดขึ้นเนื่องจากเสาบัง พอเสียงปืนสงบจึงขึ้นไปหลบบนดาดฟ้า และนายเสรี พยานก่อนหน้านี้ ได้โทรศัพท์มาบอกว่า นายมานะเสียชีวิตแล้ว นายสำเริงกล่าวด้วยว่าในกล้องวงจรปิด มีรถกระบะคันหนึ่งขับมุ่งหน้ามาทางพระที่นั่งอนันตสมาคม แล้วขับกลับไป แต่ไม่สามารถยืนยันว่าคนที่อยู่ในรถมีลักษณะอย่างไร และมีอาวุธหรือไม่
ทั้งนี้ศาลนัดสืบพยานต่อในวันที่ 14 ก.ย. โดยจะเป็นการเรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจมาสืบพยาน