ประธานวุฒิสภา ปัด ไม่มีอำนาจดำเนินการกรณี “ไชยา” แต่ดันออกความเห็นชี้นำ ค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
หลังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ชี้ คู่สมรสของนายไชยา สะสมทรัพย์ ยื่นแสดงบัญชีทรัพย์สินกรณีการถือหุ้นเกินร้อยละ 5 เลยกำหนด 30 วัน ส่งผลให้นายไชยา ขาดคุณสมบัติสิ้นการเป็นรัฐมนตรีนั้น
ต่อเรื่องนี้ นายประสบสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 ให้อำนาจสภาผู้แทนราษฎร ยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยวุฒิสภาไม่มีอำนาจในการดำเนินการ
ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ ประธานวุฒิสภา ไม่เห็นด้วยที่จะมีการแก้ไข โดยเห็นว่า ควรจะมีการรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวไปจนกว่าจะครบ 1 ปี แล้ว จึงมีการแก้ไข
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า การดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในขั้นพิจารณาจำต้องใช้เสียงของทั้ง 2 สภา รวมกัน ซึ่งในฐานะประธานวุฒิสภาแล้ว ควรต้องวางตัวเป็นกลาง เพื่อให้สมาชิก ส.ว.ได้ใช้ความคิดเห็นอย่างอิสระ แต่นายประสบสุข ได้ออกความคิดเห็นคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกมาเป็นระยะนับแต่ได้เป็นประธานวุฒิสภา ซึ่งนายประสบสุขเป็น 1 ใน 74 ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้ง ตามรัฐธรรมนูญ 2550
บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)
ข่าวจากสื่อ
- เครือข่ายประชาธิปไตยแห่ผูกผ้าดำหน้าศาลรธน. จี้ทบทวนมติ
- นายกฯ เปิดงาน"เทศกาลเที่ยวเมืองไทยในปี 2555"
- "ศันสนีย์"โฆษกรัฐบาลคนใหม่เผยพร้อมประชาสัมพันธ์งาน รบ.เชิงรุก
- ชี้ทางออก"ปรองเดือด"สู่"ปรองดอง"
- เสื้อแดงแจ้งธาริตเอาผิดมาร์ค-สุเทพฐานสร้างความปั่นป่วน
- ห่วงบานปลาย คอป.ห้ามทัพ พท.-ศาลรธน.
- นปช.นัดชุมนุมขับไล่ศาล รธน. พร้อมล่ารายชื่อถอดถอนใน 2 สัปดาห์
- "พานทองแท้" สอนมวย "มาร์ค"-จี้ขอโทษประชาชน ฐานปล่อยส.ส.โชว์เถื่อนในสภา
- ใช้ปมแก้รธน. ยุบเพื่อไทย ดูดสส.ตั้งรบ.
- "สมศักดิ์ เจียมฯ" เสนอรบ.-สภา "ชน" ศาลรธน. จี้พท.-นปช.ทบทวนยุทธศาสตร์การเมืองทั้งหมด
- นิติราษฎร์" แถลงชี้-ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจชะลอการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
- นิติราษฎร์แถลงชี้คำสั่งศาลรธน.ชะลอแก้รธน. 'ไร้อำนาจ'
- งามแต้ๆ เจ้า! "นายกฯ ปู" แต่งชุดพื้นเมือง-ผ้าซิ่นสีชมพูแอ่วเมืองพะเยา ปชช.แห่ต้อนรับเพียบ (ชมภาพชุด)
- กกต.เชียงใหม่เตรียมรับรองผลเลือกตั้งส.ส.ใน 7 วัน-"เกษม" ขอบคุณปชช.
- "จาตุรนต์"ปลุกกระแสต้าน"รัฐประหาร" ชี้ปม"ศาลรัฐธรรมนูญ"สั่งสภาฯระงับพิจารณาร่างรธน.
- “จาตุรนต์” ชี้ อำนาจประชาชนถูกปล้น- “ชนชั้นนำ” ไม่อยากปรองดอง - คาดเกิด “ยุบพรรค” อีกรอบ
- "ปู"ทำบุญเปิดหอฉันวัดเชียงบาน ชาวพะเยากว่า2,000คนต้อนรับแน่น
- อาจารย์เกษียร เสียดาย "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" คิดได้แค่นี้หรือ..!?!
- ขึ้นป้ายไล่"หมอวรงค์"ทำคนพิษณุโลกอับอาย
- โลกออนไลน์ เบื่อหน่ายพฤติกรรม ส.ส. ศึกชิงเก้าอี้ประธานสภา
- "เรืองไกร" ฉวย! ยื่นผู้ตรวจการแผ่นดินสอบ "ณัฎฐ์" ดูคลิปหวิวในสภา อ้างนำความเสื่อมเสียมาสู่สภาฯ
- แกนนำนปช...."อย่าเป็นวัวลืมตีน"
- ข่าว"เหตุเกิดในมาเลเซีย" ข่าว"เมด อิน ไทยแลนด์" ข่าวกระพือ"ไฟใต้"
- "ณัฐวุฒิ" สวน "กรณ์" ขวางปรองดอง-ไม่ทวงข้อเท็จจริง "10เมษา" ตั้งแต่ยุค "รบ.อภิสิทธิ์"(ชมคลิป)
- เสียงก้องจาก 2 กูรู "ตุลาการ" ไม่มีอคติ ไม่มีล็อบบี้ ไม่มีใบสั่ง
- "ทักษิณ"เข้าสักการะพระธาตุหลวง-เผยซึ้งใจได้ทำบุญ แกนนำแดง อดีต ส.ส. แห่รับพรึบ (ชมคลิป)
- "จตุพร" ท้าตั้ง คตส.ตรวจสอบการทำงาน "มาร์ค-ชวน" เหมือนกับที่ทำกับ "ทักษิณ" ให้เป็นมาตรฐานเดียวกัน
- "หาดใหญ่"อ่วมซ้ำ ไฟไหม้โรงงานเฟอร์นิเจอร์กลางเมืองวอดเรียบ!
- "ทักษิณ"ทำบุญสีบชะตาที่ลาว ลั่นไม่นานเกินรอกลับไทย ขบวนแดงแห่ร่วมคึก
- “แม้ว” ทำบุญในลาวแฟนคลับเสื้อแดงแห่รับเพียบ
บทความจากสื่อ
- ประชาธิปัตย์...เปลี่ยนเถอะ !โดย ฐากูร บุนปาน
- กฤษฎีกาชี้ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งชะลอลงมติร่าง รธน.วาระ 3 ไม่เคยเกิดขึ้นในโลก บอกไร้ช่องทางต่อสู้
- เกม"แก้ รธน.291" สภาชน"ศาลรัฐธรรมนูญ" เกมค่ายกล′ยุบพรรค′?
- ปัญหา"มาตรา68" สกัด"ร่างแก้ไขรธน. แหลมคมจาก"นิติราษฎร์"
- งามหน้าสภาไทย ! เมื่อท่านประธานฯ ถูกจี้คาบัลลังก์
- แกะกล่อง "หัวใจสองสี" ขัตติยา สวัสดิผล
- "ทักษิณ-เพื่อไทย"ปรับแผน เปลี่ยน"รูปมวย"...รู้จัก"รอ" ย้ำภาพ"ฝ่ายมีเปรียบ"
- ฐากูร บุนปาน : เจรจา-ผิดตรงไหน?
- พระราชทานเครื่องราชฯ 'มหาปรมาภรณ์' แก่นายกฯ
- ซ่อนหลัง"หน้ากาก"
- ดร.โกร่ง คนเดินตรอก : การบริหารจัดการมหเศรษฐกิจ
- ยอดคลิกทะลุ! รวมข่าวที่มีคนอ่านมากที่สุดใน "มติชนออนไลน์" ประจำวันที่ 6เม.ย.2555
- วิเคราะห์ปัญหา-ค้นคว้าทางออกของเหตุความรุนแรงภาคใต้กับ "ชัยวัฒน์-รอมฎอน"
- ปฏิบัติการ "ป๋า" ภาค 2 สู้ "นารีพิฆาต" กับปากคำ "บิ๊กบัง" เรื่อง "ป๋า" และการเมืองแสนซับซ้อน ในมุม "ประยุทธ์"
- กลุ่มสตรีมองปมร้อน'โฟร์ซีซั่นส์'
- ดูกันชัดๆ บทบาทฝ่ายค้าน เล่นของ ว. 5 ปักทิ่ม ยิ่งลักษณ์ เอาให้ตาย!!
- ต่อสู้ 2 แนวทาง เพื่อไทย ประชาธิปัตย์ กรณี โฟร์ซีซั่นส์
- นิวัฒน์ธำรง-ลงธรรมาสน์ ธุดงค์ในทำเนียบ เผยแพร่ลัทธิเพื่อไทย กางสูตรรัฐบาล + พล.อ.เปรม = การเมืองนิ่ง
- ยกร่าง′รัฐธรรมนูญ′ และความห่วงใย ล็อกสเปก′สภาร่างฯ′
- "กุนซือ" คิด "ปคอป." พูด ข้อมูล-คีย์เวิร์ด "เยียวยา"
วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2551
ปธ.วุฒิสภา ล้ำเส้น ออกความเห็นชี้นำ ค้านการแก้ไข รธน.
ปัดฝุ่นคดี ปรส. / ดีเอสไอ เดินหน้าส่งอัยการฟ้องสิ้นเดือนนี้
ทั้งนี้ คดีการขายสินทรัพย์ 56 สถาบันการเงิน เมื่อครั้งเศรฐกิจตกต่ำเมื่อปี 2540 ซึ่งต่อมาพบว่าเกินความเสียหายนับหมื่นล้านบาท และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ทำการสอบสวนมาอย่างต่อเนื่อง จนท้ายสุด ดีเอสไอมีมติให้ส่งสำนวนต่ออัยการฟ้องร้องเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 แต่ก็เงียบหายไป
ล่าสุด ดีเอสไอ ได้หยิบเรื่องนี้ขึ้นมาพิจารณาอีกครั้งเมื่อวันที่ 8 เมษายนที่ผ่านมา ในที่ประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าคดีการขายสินทรัพย์ 56 สถาบันการเงิน ขององค์การปฏิรูประบบสถาบันการเงิน (ปรส.) โดยการประชุมประกอบด้วย พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง อธิบดีดีเอสไอ นายวีรพงษ์ รามางกูร อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนายวิชช์ จีระแพทย์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีช่วยเหลือทางกฎหมาย ร่วมประชุมใช้เวลาประชุมประมาณ 3 ชั่วโมง
ภายหลังการประชุม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีดีเอสไอ ในฐานะหัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีการขายสินทรัพย์ 56 สถาบันการเงินของ ปรส.เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากการประชุมเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2550 พนักงานสอบสวนได้เคยมีมติให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำความผิดในคดี ปรส.ไว้แล้ว
ซึ่งที่ประชุมได้มีความเห็นยืนยันให้ดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ต้องหาตามฐานความผิดและบทกฎหมายที่เคยมีความเห็นไว้เมื่อ 22 ตุลาคม 2550 ที่สำคัญวันนี้ ดดยนายวีรพงษ์ ได้ให้ข้อสังเกตสำคัญหลายประการ ซึ่งพนักงานสอบสวนจะสรุปสำนวนส่งอัยการภายในปลายเดือนเมษายนนี้ต่อไป
ทั้งนี้ การดำเนินคดีกับกลุ่มผู้กระทำผิดกรณีนี้ ในฐานขายสินทรัพย์ของ 56 สถาบันการเงินโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์กรหรือหน่วยงานของรัฐ 2502 มาตรา 11 และประมวลกฎหมายอาญามาตรา 86
โดยผู้ต้องหาประกอบด้วย ผู้กระทำความผิดหลัก 2 ราย และผู้สนับสนุนอีก 6 ราย แบ่งเป็นนิติบุคคลหรือบริษัท 4 บริษัท และในนามบุคคลอีก 2 คน ส่วนจะเป็นใครบ้าง ดีเอสไอยังไม่สามารถเปิดเผยให้ทราบได้ แต่จะเปิดเผยได้ทั้งหมดเมื่อส่งสำนวนให้อัยการในปลายเดือนเมษายนนี้
สำหรับผู้บริหารคณะกรรมการปรส. ในขณะนั้น ประกอบด้วย นายอมเรศ ศิลาอ่อน เป็นประธานกรรมการบริหาร และนายวิชรัตน์ วิจิตรวาทการ เป็นเลขานุการ และอยู่ในช่วงของรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์
นพ.สุรพงษ์ เชื่อการแก้ไข รธน.ทำให้ต่างชาติมั่นใจไทยมีพัฒนาการ ปชต.
ทำเนียบรัฐบาล 9 เม.ย. – “นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี” ระบุทุกฝ่ายเห็นด้วยที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย แต่เรื่องกระบวนการ โดยเฉพาะวิธีที่จะทำให้หลายฝ่ายมีส่วนร่วมจะต้องหารือกันต่อไป มอบหมายวิปรัฐบาลเป็นแกนนำประสาน ยืนยันการแก้ไข รธน.ทำให้ต่างชาติมั่นใจว่าไทยมีการพัฒนาทางประชาธิปไตย นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชาชน กล่าวถึงกรณีที่พรรคพลังประชาชนมีมติให้แก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ แต่พรรคเพื่อแผ่นดินยังมีเงื่อนไขว่า ควรตั้งกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษา ว่า ควรดำเนินการไปทีละขั้น โดยขณะนี้เราเริ่มต้นที่รัฐธรรมนูญปี 2550 ซึ่งมีหลายมาตราที่ไม่เป็นประชาธิปไตย มีการวิจารณ์ตั้งแต่ก่อนลงประชามติแล้ว และมีผู้ที่ออกมาให้ความเห็นว่า ให้รับไปก่อน เพื่อให้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้นโดยเร็ว จากนั้นค่อยมาแก้ไข ซึ่งหลักการที่จะต้องแก้ไขรัฐธรรมนูญ เชื่อว่าคนจำนวนมากเห็นด้วยว่าควรจะแก้ไขให้เป็นประชาธิปไตย แต่ในแง่ของกระบวนการและวิธีการเป็นเรื่องที่ต้องหารือกันต่อไป ว่าวิธีใดที่จะทำให้หลายฝ่ายมีส่วนร่วมมากขึ้น ซึ่งในเรื่องนี้ทุกฝ่ายเห็นพ้องต้องกัน ก็มาคุยเรื่องกระบวนการว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่าระดับแกนนำที่ นพ.สุรพงษ์ เป็นผู้ประสาน ได้มีการนัดหารือหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า มอบหมายให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) รัฐบาลไปดำเนินการ ซึ่งเชื่อว่ามีการประสานอย่างใกล้ชิดอยู่แล้ว โดยประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมกัน ต่อข้อถามว่า พรรคชาติไทยไม่เห็นด้วยที่จะให้มีการแก้ไขมาตรา 309 จะเป็นเงื่อนไขให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่สำเร็จหรือไม่ นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่อย่างนั้น เพราะความเห็นที่หลากหลายนี้จะนำไปคุยกันต่อถึงกระบวนการว่า การที่จะได้มาถึงแนวทางแก้ไขนั้น ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมมากน้อยแค่ไหน หากเสียงส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่าควรจะแก้หรือเพิ่มเติมอย่างไร คงจะเป็นไปตามนั้น ส่วนกรณีพรรคประชาธิปัตย์ออกมาตั้งข้อสังเกตว่า การที่พรรคร่วมรัฐบาลยังไม่แสดงความชัดเจนในเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะกลายเป็นเงื่อนไขที่ทำให้ต่างชาติไม่มั่นใจในสถานการณ์ทางการเมือง นพ.สุรพงษ์ กล่าวว่า ตรงกันข้าม การที่เรามีทิศทางว่า จะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้เป็นประชาธิปไตย ตรงนี้จะเป็นสิ่งที่ต่างชาติจะเกิดความมั่นใจว่า ประเทศไทยมีการพัฒนาทางประชาธิปไตย ซึ่งการรับฟังความเห็นเป็นเรื่องที่ดี “การที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น ทุกคนเห็นพ้องกันว่าควรจะแก้ ยังไม่มีใครบอกว่าไม่ควรแก้เลย เพียงแต่ว่าจะแก้อย่างไรเท่านั้น” นพ.สุรพงษ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-04-09 15:13:11
พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุหากได้เงินคืนจะตั้งกองทุนเอเชีย
กรุงเทพฯ 9 เม.ย. – “พ.ต.ท.ทักษิณ” ปาฐกถายืนยันปล่อยวางและเลิกเล่นการเมือง หันมาทำงานเพื่อสังคม โดยเฉพาะเด็กด้อยโอกาส ขณะเดียวกัน จี้รัฐบาลเร่งโครงการเมกะโปรเจกต์ ระบุหากได้เงินคืนจะตั้งกองทุนเอเชีย สร้างความเชื่อมั่นในภูมิภาค ผู้สื่อข่าวรายงานจากโรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท ว่า เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (9 เม.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ปาฐกถาพิเศษเรื่อง “คิดเป็น ทำเป็น ปั้นเด็กไทยให้เรียนรู้ และรู้โลก” โดยมี นายนพดล ปัทมะ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ นพ.สุชัย เจริญรัตนกุล นายวราเทพ รัตนากร นายวิชิต ปลั่งศรีสกุล นายประชา มาลีนนท์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย เข้าร่วม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขอบคุณที่ช่วยกันบริจาคเงินเข้ามูลนิธิไทยคมกว่า 20 ล้านบาท ซึ่งจะนำไปใช้ 2 ส่วน คือ เป็นทุนการศึกษาให้กับเด็กผู้ยากไร้ ซึ่งจะนำไปสมทบกับทุนส่วนตัวที่ใช้ไปแล้วกว่า 1,000 ล้านบาท อีกส่วนหนึ่งจะจัดทำโครงการพิเศษช่วยเด็กหูหนวก ด้วยการฝังไมโครชิปด้านหลังหู ทำให้กลับมาได้ยิน จำนวน 10 คน อายุระหว่าง 3-13 ปี อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่าโลกปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงมาก ความไม่แน่นอนสูง มีความยุ่งยากซับซ้อน และความไม่ชัดเจน จึงต้องมีวิสัยทัศน์ในการเข้าใจโลก มีมุมมองที่ชัดเจน มีความเด็ดขาดแม่นยำ ส่วนตัวเป็นห่วงอนาคตของประเทศ หลังจากที่ทำงานเพื่อประเทศชาติมาหลายปี อยากจะหาทางช่วยในทุกทางที่ช่วยได้ การลงทุนกับเด็ก เหมือนเป็นการเตรียมการให้กับประเทศในอนาคต “เด็กเปรียบเหมือนเจนเนอเรชั่นที่สอง หากไม่มีคุณภาพ ประเทศก็จะไม่มีคุณภาพด้วย โลกทุกวันนี้การพัฒนาสมองเป็นเรื่องสำคัญ เพื่อไปบริหารขับเคลื่อนเศรษฐกิจในวันข้างหน้า หากไม่มีคนที่มีคุณภาพ ประเทศก็จะแย่ ผมเป็นห่วงเด็กไทยคิดไม่เป็นและมีอยู่ทั่วไป ทั้งที่มีวัตถุดิบที่ดี มีความเก่งอยู่ในตัว แต่ขาดความคิดสร้างสรรค์ กล้าคิดกล้าแสดงออก ขาดการเจียระไนที่ดี” พ.ต.ท.ทักษิณกล่าว อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หลังการปฏิวัติที่ผ่านมา พยายามคิดตลอดเวลา ได้อ่านหนังสือเล่มหนึ่งที่สอนให้ปล่อยวาง ไม่เครียด หลังจากนั้นจึงได้เดินทางไปหลายประเทศทั่วโลก เพื่อค้นหาสิ่งต่าง ๆ นำมารวบรวมช่วยเหลือประเทศ ตนยืนยันว่าจะไม่กลับมาเล่นการเมืองแล้ว อยากทำหน้าที่ในฐานะคนไทย อย่างน้อยก็ในฐานะอดีตนายกรัฐมนตรี ที่จะช่วยสร้างบ้านเมืองให้เดินไปสู่ทิศทางที่ดีในวันข้างหน้าได้ ตนอยากให้ประเทศไทยทำอะไรที่คิดสร้างสรรค์ เพื่อหาปัญหาของสิ่งที่เกิดขึ้น คิดวิธีแก้ การจัดการต้องเริ่มตั้งแต่ระบบการศึกษา พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ขณะนี้การศึกษาต้องเน้นใช้ทฤษฎีควบคู่ด้วยการเชิญครูกับเด็ก ให้เด็กสามารถมีความคิด แสดงออกได้อย่างเต็มที่ เกิดการพัฒนา เชิงความคิดสร้างสรรค์ ต้องมองในทางบวกให้มาก ซึ่งขณะนี้เป็นปัญหาอยู่ เด็กไทยคิดในทางบวกน้อย ดังนั้น จึงอยากให้เกิดการพัฒนาทางความคิดตั้งแต่เด็ก ซึ่งจะเป็นการพัฒนาคนรุ่นใหม่ ให้เป็นตัวแทนของเรา พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวอีกว่า ปีนี้ราคาน้ำมันคงถึง 120 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรลแน่นอน ดังนั้น ถึงเวลาลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์แล้ว เพราะค่าเงินบาทแข็ง รัฐบาลต้องเร่งทำโดยด่วนด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีของภาคเอกชนร่วมกัน และหากมีอะไรก็ควรหันหน้าพูดคุยกัน ไม่ใช่เอะอะอะไรก็จะเดินขบวน ไม่มีประโยชน์ ต้องช่วยกันเสนอแนะแนวคิดแก้ไขปัญหาที่สร้างสรรค์กับรัฐบาล ที่ผ่านมาหลายประเทศก็สนใจมาลงทุนโครงการเมกะโปรเจกต์ โดยเฉพาะตอนที่ตนเองเป็นนายกรัฐมนตรี เพียงแต่รัฐต้องส่งสัญญาณให้ดี และประชาชนในบ้านเมืองมีความสามัคคี “และหากได้เงินคืนมาก็สนใจจะไปตั้งกองทุนเอเชีย สร้างความเชื่อมั่นในภูมิภาค นำเงินสดที่อยู่ในโลกขณะนี้เข้าประเทศเยอะ ๆ เพื่อจะช่วยคนไทย แต่ก็อยากให้คนไทยรวมพลังให้ได้มากกว่านี้ เลิกขัดแย้งทะเลาะกัน ปล่อยวาง อย่าถือทิฐิใส่กัน มองโลกในแง่บวก ช่วยกันทำในสิ่งที่ดี บ้านเมืองจะได้ไปได้ ที่ผ่านมาก็สนับสนุนให้คนรักกีฬา เพราะกีฬาจะสอนให้คนมีวินัย เคารพกฎกติกา ทำอะไรอยู่ในระเบียบ” พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าว อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะมีกำลังใจให้ทุกคน ที่มาให้กำลังใจตนและอยากให้กำลังใจคนไทย ยอมรับว่าชีวิตในต่างประเทศมีทั้งความสุขและความทุกข์ แต่ขณะนี้ปล่อยวางแล้ว เพราะคิดว่าเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป ชีวิตก็มีแค่นี้ บางคนบอกว่าดีที่ชีวิตเกิดมาครั้งหนึ่งได้รู้จักทั้ง นรก สวรรค์ ในชาติเดียว ที่ผ่านมาเดินทางไปที่ญี่ปุ่นก็ถูกกลั่นแกล้งจากเจ้าหน้าที่ มีการตรวจค้นซักถามมากกว่าบุคคลธรรมดา ซึ่งบางครั้งไม่สามารถเล่ารายละเอียดได้ อย่างไรก็ตาม ยังมีผู้นำระดับสูงของหลายประเทศโทรศัพท์มาให้กำลังใจ พอกลับมาถึงเมืองไทยก็มีพรรคพวกชวนตั้งมูลนิธิ 111 เพื่อทำประโยชน์ให้กับส่วนร่วม แต่ตนไม่ได้พูดอะไรมาก ต้องยอมรับว่าคนที่เข้ามาทำงานทางการเมืองจะมีประมาณร้อยละ 50 ที่รักประชาชน รักประเทศชาติบ้านเมือง อยากทำงานให้ส่วนร่วม.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-04-09 15:06:39
สนนท.ยื่นหนังสือให้สภาฯ ยกเลิก รธน.ปี 50 พร้อมคำสั่ง คปค.
รัฐสภา 9 เม.ย.- สนนท.ยื่นหนังสือให้สภาฯ ยกเลิก รธน.ปี 50 แล้วนำ รธน.ปี 40 มาเป็นต้นร่างปรับแก้ เพื่อแก้วิกฤติการเมือง พร้อมเสนอให้ยกเลิกประกาศคำสั่งของ คปค.ด้วย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 12.40 น. วันนี้ (9 เม.ย.) ตัวแทนสหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) นำโดย นายพงษ์สุวรรณ สิทธิเสนา เลขาธิการ สนนท. ได้ยื่นหนังสือต่อ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณายกเลิกรัฐธรรมนูญ 2550 เนื่องจาก สนนท.มองว่ารัฐธรรมนูญปี 2550 เป็นผลพวงมาจากเหตุการณ์รัฐประหาร เมื่อวันที่ 19 ก.ย.กันยายน 2549 จึงขอเรียกร้องต่อสภาฯ ให้ยกเลิก แล้วนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาเป็นต้นร่าง เพื่อแก้ไขวิกฤติทางการเมืองอย่างเร่งด่วน รวมทั้งขอให้ยกเลิกประกาศคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) และขอให้สภาฯ สนับสนุนส่งเสริมระบอบประชาธิปไตย โดยจัดให้มีการเลือกตั้งทุกระบบ พร้อมทั้งกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่นอย่างแท้จริง พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับข้อเสนอที่จะให้ยกเลิกรัฐธรรมนูญปี 2550 แล้วนำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาปรับแก้ไข เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 เป็นรัฐธรรมนูญที่ทุกฝ่ายยอมรับว่าเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด แต่ยอมรับว่าบางจุดยังมีข้อบกพร่อง ก็ควรนำส่วนดีของปี 2550 มาปรับใช้พ่วงกับรัฐธรรมนูญปี 2540
ส่วนญัตติที่ขอให้ตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญขึ้นมาศึกษาปัญหารัฐธรรมนูญที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนเสนอมานั้น รองประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า ต้องให้คณะกรรมการประสานงาน (วิป) ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลประสานมา ทั้งนี้ เห็นว่าไม่จำเป็นต้องเร่งรีบที่จะแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะเป็นเรื่องใหญ่ และมีผลกระทบต่อประชาชน.-สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-04-09 14:59:52
นายกฯ สั่งปลด ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อน
กทม. 9 เม.ย. - นายกรัฐมนตรีมีคำสั่งปลดผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการไว้ก่อน กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยร้ายแรง โดยมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 วัน มีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 733/2551 ลงวันที่ 8 เมษายน ให้ปลด พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ออกจากราชการไว้ก่อน เพื่อรอฟังผลการสอบสวนพิจารณาทางวินัย กรณีถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดวินัยอย่างร้ายแรงใน 3 เรื่อง คือ โครงการเช่ารถ ซึ่งมีพฤติกรรมส่อไปในทางทุจริต ฝ่าฝืนระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี เอื้อประโยชน์ให้แก่บริษัทผู้ให้เช่ารถ รวมถึงสั่งการโดยใช้ถ้อยคำที่ไม่เหมาะสม ในฐานะที่เป็นผู้บังคับบัญชาสูงสุดของหน่วยงาน และแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจในกองบังคับการต่าง ๆ โดยไม่ถูกต้องตามกฎหมาย และกฎระเบียบของทางราชการ ทั้งนี้ มีผลตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ซึ่งผู้ถูกสั่งให้ออกจากราชการมีสิทธิยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 วัน นับแต่วันที่รับแจ้ง หรือรับทราบคำวินิจฉัยอุทธรณ์. -สำนักข่าวไทย
อัพเดตเมื่อ 2008-04-09 01:07:54
วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2551
อัยการติงคตส.ลัดขั้นตอน! ส่งฟ้องคดีทุจริตกล้ายางเอง
เมื่อวันที่ 4 เมษายน นายวัยวุฒิ หล่อตระกูลรองอัยการสูงสุด ให้สัมภาษณ์หลังเป็นประธานคณะทำงานพิจารณาสำนวนคดีต่างๆ ที่คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) ส่งมาให้อัยการสูงสุด โดยกล่าวถึงกรณีที่คณะทำงานร่วม คตส.กับ อัยการสูงสุด มีความเห็นต่างในการพิจารณาสำนวนคดีการทุจริตการจัดซื้อกล้ายางพารา 90 ล้านต้น ของกรมวิชาการเกษตรทีว่าคณะทำงานมีความเห็นที่แตกต่างกันและทาง
ทั้งนี้ตามขั้นตอนแล้วจะต้องส่งสำนวนกลับมาให้นายชัยเกษม นิติศิริ อัยการสูงสุดได้พิจารณาก่อนว่าจะสั่งฟ้องหรือสั่งไม่ฟ้องซึ่งหากอัยการสูงสุดสั่งไม่ฟ้องถึงตอนนี้ จะถือว่าข้ามขั้นตอนไป
"ความเห็นที่ไม่ตรงกันของคระทำงานร่วมของ คตส.กับอัยการ ไม่ถือว่าเป็นความเห็นแตกต่างของ คตส.กับอัยการสูงสุด เพราะไม่ถือว่าเป็นความเห็นขั้นสุดท้าย ตรงนี้ทางอัยการก็ยืนยันในหลักการมาตลอดตั้งแต่คดีหวยบนดินว่าสุดท้ายต้องส่งอัยการสูงสุดเป็นคนทำความเห็นก่อนจะไปยื่นฟ้องเองไม่ได้ในตอนนี้ คดีกล้ายางพาราก็จะเหมือนกันคือคตส.ต้องส่งกลับมาก่อน" รองอัยการสูงสุดระบุ
มท. 1 ไม่เชื่อคำทำนายโหร
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ไม่เชื่อคำทำนายโหร ว่าจะเกิดความขัดแย้งจนทหารต้องออกมาเคลื่อนไหวอีกครั้ง ชี้ไม่เคยดูดวงวิเคราะห์ไม่ได้ ระบุการเป็นนายกฯขึ้นกับวาสนา
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวว่า ไม่เชื่อการทำนาย ของโหรชื่อดัง ที่ระบุว่า นายกฯและอดีตนายกฯ มีความขัดแย้ง จนทำให้กองทัพ ต้องเข้ามาแก้ไขปัญหา โดยมี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เป็นนายกฯ เนื่องจากส่วนตัวไม่เคย ดูดวง จึงไม่สามารถวิเคราะห์การทำนายได้
อย่างไรก็ตาม ตำแหน่งนายกฯ จะมีเพียงตำแหน่งเดียว ทุกคนมีสิทธิ์เป็นได้ถ้ามีคุณสมบัติครบและขึ้นอยู่กับบุญ วาสนา และส่วนตัวเป็นได้ทุกตำแหน่ง ยกเว้น ตำแหน่งนายกฯ รมว.มหาดไทย ยังกล่าวถึง กรณีนายกฯ ตัดสินใจ เลิกโต้เถียงกับสื่อมวลชนว่า จะทำให้บรรยากาศดีขึ้น แต่สื่อมวลชนคงไม่สนุก
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย กล่าวถึง กรณีประธานเครือข่ายเตมูจิน ยื่นเรื่องให้ คณะกรรมการป้องกันและ ปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ตรวจสอบการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน โดยยื่นยันว่า ไม่เคยซ่อน ทรัพย์สินไว้ในบัญชีผู้อื่น ส่วนลูกชายทั้ง 3 คน บรรลุนิติภาวะแล้ว มีทรัพย์สินเท่าไหร่ไม่เกี่ยวกับตน
อย่างไรก็ตาม การยื่นเรื่องดังกล่าวอาจเกิดจากความเข้าใจผิด เมื่อมีการตรวจสอบ ก็จะสร้างความชัดเจนให้กับ สังคมและส่วนตัวคิดว่า ไม่เป็นการเตะตัดขา แต่ต้องยอมรับว่า ตำแหน่ง รมว.มหาดไทย การทำงานอาจมีผลทาง ลบกับคนอื่น จะให้คนรักทั้งหมดคงเป็นไปไม่ได้ ทั้งนี้ ช่วงเช้าที่ผ่านมา รมว.มหาดไทย ไม่ร่วมพิธีทำบุญตักบาตร พระภิกษุสามเณร 3,000 รูป ถวายเป็นพระกุศล สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาส ราชนครินทร์
‘ธีรยุทธ'โผล่อีกแล้ว!แก้ตัวสนับสนุนเผด็จการ-ประเมินพปช.ผิด
นายธีรยุทธ กล่าวว่า มีหลายประเด็นที่สาธารณชนเข้าใจไขว้เขวว่าเป็นตุลาการภิวัตน์ แต่ที่จริงไม่ใช่ โดยบางเรื่องเป็นเรื่องของฝ่ายนิติบัญญัติ เช่นการดำรงตำแหน่งของผู้พิพากษาในองค์กรต่างๆ ภายหลังรัฐประหาร 19 ก.ย.แต่เป็นความสมัครใจของแต่บุคคล การร่างรัฐธรรมนูญและการแก้ไขรัฐธรรมนูญ การตัดสินคดียุบพรรคชาติไทย มัชฌิมา พลังประชาชนหรือไม่ ซึ่งอำนาจตุลาการทำหน้าที่ตัดสินเท่านั้น นอกจากนี้การเป็นกรรมการองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ เป็นกรรมการสรรหาองค์กรอิสระต่างๆ สรรหาสว. ก็ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการตุลาการภิวัตน์ แต่เป็นแนวคิดจากสายรัฐศาสตร์และสังคมศาสตร์ ที่ต้องการสร้างอำนาจตรวจสอบที่เป็นอิสระได้จริงๆ จึงต้องมอบหมายให้ศาลได้เป็นผู้สรรหา บทบาทของศาลจึงไม่เกี่ยวข้องกับตุลาการภิวัตน์ และไม่เกี่ยวข้องว่ารัฐธรรมนูญ องค์กรอิสระต่างๆ มีที่มาหรือมีความเป็นประชาธิปไตยมากน้อยเพียงไร ซึ่งเป็นเรื่องคนละประเด็น และเป็นสิ่งที่สังคมไทยโดยรวมต้องช่วยกันขบคิดอีกรอบหนึ่งอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
" ผมก็ถูกกล่าวหาว่าสนับสนุนเผด็จการ ทั้งที่ความเป็นจริง ผมไม่เคยเบี่ยงเบนความคิดจากการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยของประชาชน ไม่เคยสนับสนุนระบอบทักษิณ ไม่เคยรับรู้ สนับสนุน หรือเห็นชอบกับการรัฐประหาร เพราะวันที่ 18 ก.ย. 49 ผมพร้อมด้วยอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ และคณบดีอีก 5 คณะได้ร่วมกันประชุมหารือเพื่อทางออก โดยเฉพาะข่าวลือที่ว่าจะมีการทำรัฐประหาร แต่ก็ไม่ทันการณ์ เพราะในวันรุ่งขึ้นก็มีการยึดอำนาจ ดังนั้นขอยืนยันผมไม่เคยไยดีกับตำแหน่งอำนาจวาสนาหลังรัฐประหาร ถือเป็นและได้ทำหน้าที่ที่จะวิจารณ์ คมช. และรัฐบาลสุรยุทธ์ ให้คลี่คลายวิกฤติและไม่สืบทอดอำนาจ " นายธีรยุทธ กล่าว
นายธีรยุทธ ยังแสดงความเห็นว่า ขณะนี้ประเทศไทยเริ่มถลำเข้าสู่วิกฤติตีบตันไร้ทางออก โดยกำลังพบกับภาวะ 5 เสื่อม คือ 1 . ความสามัคคีในบ้านเมืองเสื่อม ที่สำคัญในหมู่ประชาชนระดับรากหญ้าเริ่มเกิดปัญหา คือการแบ่งเป็นหมู่เหล่า เป็นท้องถิ่นนิยม ภาคนิยม เป็นระดับรากหญ้าที่นิยมทักษิณกับชนชั้นกลางที่ไม่เอาทักษิณ การที่พรรคฝ่ายทักษิณได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งท่วมท้น ไม่ได้เกิดจากปัจจัยซื้อเสียงหรือประชานิยมอย่างเดียว แต่เกิดจากความน้อยเนื้อต่ำใจ ถูกดูหมิ่นดูแคลนของชาวบ้านอีสาน-เหนือจากส่วนกลางและชนชั้นนำไทย จึงเกิดทิฐิมานะที่จะแสดงสิทธิเสียงของตนในการเลือกพรรคของทักษิณ ซึ่งเข้าถึงใกล้ชิดชาวบ้านมากกว่าชนชั้นนำซึ่งห่างไกล แปลกแยก เราต้องพิจารณาจริงจังว่านี่เป็นปัญหาที่อาจจะร้ายแรงที่สุดในประวัติศาสตร์รัตนโกสินทร์ที่ต้องเยียวยาแก้ไข ความขัดแย้งดังกล่าวจะยังดำรงอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 1-2 สมัยเลือกตั้ง
" ผมรับว่า ผมประเมินผิด ไม่เคยคิดว่าพรรคพลังประชาชนจะได้เกินเสียงเกิน 200 ที่นั่ง และไม่เคยคิดว่าจะได้เสียงมากพอที่จะจัดตั้งรัฐบาล เพราะผมคิดว่าผลกระทบจากการคอรัปชั่นจะทำให้ประชาชนรู้สึกว่าเลือกตั้งจะต้องเลือกคนดี มีประวัติไม่ด่าพร้อยเข้ามา ที่เป็นเช่นนี้ประชาชนรากหญ้ายังเลือกคนของพรรคพลังประชาชนเข้ามามาก ซึ่งทำให้เห็นว่าชาวอีสานและชาวภาคเหนือยังให้ความสำคัญกับผู้นำที่ใกล้ชิดกับประชาชน มากกว่าผู้นำที่อยู่กับชนชั้นกลาง และน้อยเนื้อต่ำใจกับรัฐบาลที่ผ่านมา รวมทั้งระบบราชการที่ไม่ให้ความใกล้ชิดเหมือนกับผู้นำบางคน ถ้ารัฐบาลปล่อยให้เกิดเรื่องเช่นนี้ต่อไปจะเป็นเรื่องที่น่าเป็นห่วง เพราะประชาชนจะมีความรู้สึกว่าระบบราชการไม่สามารถพึ่งพาได้
2 . ภาคการเมืองเสื่อม การคอร์รัปชั่น ใช้อำนาจไม่ชอบธรรมของพรรคการเมือง นักการเมือง เป็นต้นเหตุของวิกฤติ กลไกสำคัญของภาคการเมืองคือรัฐสภาและการเลือกตั้ง ไม่สามารถคลี่คลายวิกฤติและบริหารประเทศอย่างได้ผลได้ สภาเริ่มเป็นที่ทะเลาะโจมตีมีเหตุรุนแรงเหมือนการเมืองนอกสภา 3 . ภาคสังคม คือ สถาบันวิชาการ สื่อ เสื่อม แตกแยกทางความคิดความเห็น เครื่องมือหลักของภาคสังคมคือการถกเถียงด้วยเหตุด้วยผล ไม่สามารถคลี่คลายปัญหาได้ 4 . กองทัพ อดีตข้าราชการ เทคโนแครต ชนชั้นนำ ที่เรียกรวมๆ ว่าอมาตยาธิปไตยก็เสื่อม เพราะพิสูจน์ตัวเองว่ามีความคิดล้าหลังไม่ทันสถานการณ์ ไม่สามารถบริหารวิกฤติอย่างมีประสิทธิภาพได้ และ5. คุณธรรมเสื่อม คนไทยเริ่มมองว่าคอร์รัปชั่นเป็นเรื่องธรรมดา โกงก็ได้ขอให้ทำงาน
" ประเทศไทยอาจเหลือเพียงสถาบันเดียวคือศาลยุติธรรม ซึ่งมีหลักการปกครองโดยหลักกฎหมาย ที่จะมาช่วยคลี่คลายวิกฤตการณ์ในที่สุด ทั้งนี้เพราะในอนาคตคดีความต่างๆ ที่เกี่ยวเนื่องกับรัฐบาลทักษิณ คมช. และองค์กรที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งที่จะเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน จะเข้าไปคับคั่งที่ศาล ทั้งนี้ศาลย่อมพิพากษาตัดสินโดยปราศจากอคติล่วงหน้า โดยหลักดุลยพินิจที่ดี หลักการสมเหตุสมผล หลักความยุติธรรม และการคำนึงบริบทประวัติศาสตร์ สังคม โดยรวมด้วย ถ้าทุกฝ่ายยอมรับการตัดสินของศาล วิกฤติในไทยก็อาจคลี่คลายได้ในที่สุด " นายธีรยุทธ กล่าว
นายธีรยุทธ ยังเห็นด้วยว่า ที่ประเทศไทยถลำเข้าสู่วิกฤติตีบตันที่ไร้ทางออก เพราะ 1 .คนไทยไม่มีกลไกในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งที่ดีพอ ในอดีตมักอาศัยแนวประเพณีคือ มี " ผู้ใหญ่ " คอยไกล่เกลี่ย แต่ปัจจุบันไม่ได้ผล เพราะ " ผู้ใหญ่ " ในบ้านเมืองเหลือน้อย บางส่วนความคิดเริ่มล้าสมัย ถูกท้าทายอำนาจบารมีจากอำนาจรุ่นใหม่ เกิดอาการต่างคนต่างใหญ่ ต่างถูกต้อง ไม่มีใครฟังใคร 2 .การที่คนไทยปล่อยปละละเลยในปัญหาการโกงกินบ้านเมือง การใช้อำนาจมิชอบ ถือว่าเป็นธุระไม่ใช่ เป็นการซ้ำเติมให้บ้านเมืองวิกฤติอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ ในอดีตซึ่งบ้านเมืองไม่ซับซ้อนก็ไม่เป็นปัญหามากนัก แต่เมื่อบ้านเมืองมีขนาดใหญ่ซับซ้อนขึ้น ปัญหาที่หมักหมมจึงแสดงอาการออกมาอย่างรุนแรงจนไม่มีหนทางแก้ไข
นายธีรยุทธ กล่าวว่า 3. ความเสื่อม 5 ประการ บวกกับรัฐบาลพปช. อ่อนแอ สถานการณ์ถูกซ้ำเติมโดยการรีบร้อนแก้ไขรัฐธรรมนูญ จะมีโอกาสนำไปสู่การชุมนุมเผชิญหน้าของพลังแต่ละฝ่าย การเมืองไทยจึงจะอยู่ในภาวะตีบตัน เพราะรัฐประหารไม่ใช่ทางออก การปราบปรามปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของประชาชนก็ไม่ใช่ทางออก คนไทยจะตึงเครียด หวาดกลัว วิตกกังวลไปยาวนาน มีโอกาสปะทุเป็นความรุนแรงย่อยๆ (ดังเกิดขึ้นในกรณีชกต่อยในสภา) และขยายลุกลามได้ง่าย
นายธีรยุทธ์ ยังให้สัมภาษณ์ ว่า การที่รัฐธรรมนูญให้ตุลาการเข้าไปมีส่วนในการสรรหาองค์กรอิสระ หรือเข้าไปอยู่ในองค์กรอิสระนั้น จะทำให้เกิดวิกฤติ เรื่องดังกล่าวเนื่องจากคณะร่างรัฐธรรมนูญเป็นผู้กำหนดไว้ ซึ่งตุลาการก็ปฎิบัติหน้าที่ไปตามที่กฎหมายกำหนด โดยเชื่อว่าตุลาการจะสามารถแยกแยะหน้าที่ออกว่าเป็นตุลาการหรือคณะกรรมการสรรหา แต่หากเกิดปัญหาสังคมก็ต้องทำใจว่าการทำหน้าที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระไม่ใช่การทำหน้าที่ศาล อย่างไรก็ตาฝ่ายการเมืองไม่ควรแทรกแซง หรือไปล้มล้างกระบวนการตรวจสอบของศาล และไม่ควรไปสกัดกั้นหรือดึงคดีออกจากกระบวนการยุติธรรม ไม่เช่นนั้นจะเกิดปัญหา ประชาชนมีความเคลือบแคลงสงสัยการทุจริตต่างๆ ปรากฏออกมาแล้วเพราะสังคมรับรู้แล้วว่ามีเรื่องการทุจริตเกิดขึ้น จึงอยากให้คดีเข้าสู้กระบวนการพิจารณาของศาล
ผู้สื่อข่าวถามว่า การที่พรรคพลังประชาชนดึงดันที่จะพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 237 เพื่อที่จะหนีคดียุบพรรค จะทำให้เกิดปัญหาความวุ่ยวายเกิดขึ้นหรือไม่ นายธีรยุทธ์ กล่าวว่า ถ้าดึงดันไปมากๆ ทุกส่วนก็จะมีการชุมนุมยืดเยื้อ และหากปล่อยให้ปัญหาคุกรุ่นการชุมนุนมจะยืดเยื้อยาวนาน ผลเสียก็จะเกิดจากความผลเสียต่อเศรษฐกิจ และสังคม
" เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นายสมัคร ไม่ควรรีบออกมากระโดดถีบความคิดเห็นของนายอานันท์ ปันยารชุน และน.พ.ประเวศ วะสี เพราะจะเป็นพรรคนักกระโดดถีบ รัฐธรรมนูญเป็นเรื่องใหญ่มากที่สุด เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกภาคส่วนของสังคม ไม่ใช่เกี่ยวกับนักการเมืองล้วน ๆ ดังนั้นทุกฝ่ายต้องมีส่วนในการแก้ไข การที่นายสมัคร พูดถึงการรัฐประหาร ฉีกรัฐธรรมนูญ ความจริงการรัฐประหารที่เกิดขึ้นเป็นเพราะมีการทะเลาะเบาะแว้งกันทุกฝ่าย เดือดร้อนไปทุกส่วนของสังคม นายสมัคร น่าจะใช้จังหวะนี้เป็นโอกาส เชิญนายอานันท์ และน.พ.ประเวศ รวมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิในสังคม หารือกันว่ากระบวนการแก้รัฐธรรมนูญควรทำอย่างไรให้เกิดความเหมาะสม พึงพอใจกันทุกฝ่ายไม่ใช่ทำเพื่อประโยชน์ส่วนตั้ว เพราะทุกฝ่ายต้องการประชาธิปไตย บ้านเมืองใสสะอาด ไม่โกงกิน " นายธีรยุทธ กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุการณ์วันนี้ต่างจากเหตุการณ์ 14 ตุลาอย่างไร นายธีรยุทธ กล่าวว่า เหตุการณ์ครั้งนี้ซับซ้อนกว่าเหตุการณ์ 14 ตุลาหลายเท่า เพราะเหตุการณ์ 14 ตุลาในที่สุดจะหาทางแก้ปัญหาในคำตอบสุดท้ายได้ แต่วันนี้ปัญหาเรื่องซีทีเอ็กซ์ได้ทำลายกลไกรัฐสภาหมดความน่าเชื่อถือไป ทำให้วันนี้ยังไม่มีคำตอบ นอกจากทุกฝ่ายต้องตั้งสติให้ดี ๆ และร่วมกันหาทางออกให้บ้านเมือง
นายธีรยุทธ์ กล่าวอีกว่า ประมาณวันที่ 18 หรือ 19 เม.ย. ตนจะเปิดแถลงข่าววิจารณ์สถานการณ์บ้านเมืองประจำปี ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งจะมีความชัดเจนในทุกเรื่อง
'ทักษิณ' ดึงต่างชาติเป็นวิทยากรแนะนำนักธุรกิจไทยสร้างตัว
วันนี้ (5 เม.ย.) ก่อนการเดินทางไปยังประเทศกัมพูชาของพ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ในระหว่างวันที่ 8 - 10 เมษายนนี้ นายลักษมี มิททาล นักธุรกิจค้าเหล็กที่ใหญ่ที่สุดในโลก เชื่อชาติอินเดีย สัญชาติอังกฤษ จะเดินทางมาลงทุนในประเทศไทย โดยในวันที่ 9 เม.ย.นายลักษมีจะเข้าพบนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีต่างๆ จากนั้นในเวลา 15.00 น.จะมีการบรรยายเพื่อจูงใจนักธุรกิจไทยให้สร้างเนื้อสร้างตัว ที่โรงแรมเชอร์ราตัน แกรนด์ สุขุมวิท โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย สามารถสำรองที่นั่งได้ที่ www.thaicomfoundation.org
ด้านนายพงษ์เทพ เทพกาญจนา โฆษกส่วนตัวของ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ในวันที่ 9 เม.ย. ช่วงเวลา 10.00 น. พ.ต.ท.ทักษิณจะปาฐกถา เรื่อง 'คิดเป็นทำเป็น สร้างเด็กไทยให้เรียนและรู้โลก' พร้อมเปิดตัวหนังสือ ที่รวบรวม คำกล่าวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ในสถานที่ต่างๆ ที่เกี่ยวกับการศึกษา
เลิกฝืนความจริงซะทีเถอะ!
คอลัมน์: บุคคลในข่าว
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยืนหยัดรักษาหลักการประชาธิปไตย ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551 ฟังเหตุผลและคำขู่ของฝ่ายคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการแล้ว ยิ่งทำให้มองเห็น พฤติกรรม...
• หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ ยืนหยัดรักษาหลักการประชาธิปไตย ฉบับนี้ประจำวันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน 2551
• ฟังเหตุผลและคำขู่ของฝ่ายคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับเผด็จการแล้ว ยิ่งทำให้มองเห็น พฤติกรรม ของมนุษย์จำพวกที่ไม่เคยคิดทำในสิ่งสร้างสรรค ์ให้เป็นประโยชน์ต่อชาติบ้านเมืองชัดเจนยิ่งขึ้น คนเหล่านี้ วันๆเอาแต่ มองโลกในแง่ร้าย เพื่อให้ตัวเองดูดีขึ้น สังเกตได้จากคนที่ชอบด่าคนอื่นว่าเลว ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนก็เลวหมด สุดท้าย ก็เพื่อ ยกระดับตัวคนด่า ให้เหนือกว่าใครๆนั่นเอง!!!
• จริงๆแล้ว สิ่งสำคัญที่สุด ในการนำการเมืองในระบอบประชาธิปไตยมาใช้ปกครองประเทศ ก็คือ สปิริตขั้นพื้นฐานของพลเมือง ที่ต้องแสดงการยอมรับ มติเสียงข้างมาก ด้วยความเต็มใจ กล้าที่จะ ชื่นชมยินดี ไปกับเสียงข้างมาก เพราะถือว่า สังคมที่ปกครองด้วยเสียงข้างมาก ก็คือ สังคมที่มีความเจริญก้าวหน้ามากที่สุดในยุคนี้แล้ว!!!
• โดยเฉพาะฝ่ายคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญประเด็นการลงโทษนักการเมืองแบบ เหมารวม ไม่ว่าจะเป็น ม็อบข้างถนน พรรคฝ่ายค้าน และ นักวิชาการซีกเผด็จการ ที่ออกมาตีโพยตีพาย ข่มขู่ จะเกิดจลาจลวุ่นวายจากพวกเสียงข้างน้อยนั้น "เห่าไฟ" อยากถามว่า แล้วหากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญ ก็อาจเกิดจลาจลวุ่นวายจาก เสียงข้างมากได้เหมือนกัน ทำไมคนเหล่านี้ จึงให้ความสำคัญกับการจลาจลที่มาจาก เสียงข้างน้อย มากเหลือเกิน พ่อแม่พี่น้องทั้งหลายลองพิจารณากันเอาเองว่า ฝ่ายใดมีเหตุผล ฝ่ายใดไร้เหตุผล ใครกันแน่ที่ชอบสร้าง ความปั่นป่วน ให้บ้านเมือง!!!
• เพราะตามหลัก สากลโลก ที่ยึดถือปฏิบัติโดยทั่วกัน วิญญูชนที่แท้จริง จะต้องคำนึงถึง เสียงส่วนใหญ่ ของสังคมเป็นหลัก ไม่ใช่ไม่ชอบหน้ากัน ก็พาลหาเรื่องดะไปเรื่อย ผิดถูกไม่สนใจ ขอให้ได้ค้านไว้ก่อน รัฐธรรมนูญเผด็จการปี 50 ก็กลายเป็นสิ่งที่ดีกว่ารัฐธรรมนูญฉบับประชาชนปี 40 ไปเสียแล้ว เสียงข้างน้อยกระแอมไอนิดเดียว ทุกอย่างต้องเป็นไปตามนั้น ไม่งั้นอาจลุกลามกลายเป็นจลาจลวุ่นวายได้ แต่เสียงร้องของ คนส่วนใหญ่นับสิบล้าน กลับไร้ความหมาย ถามว่า สิ่งเหล่านี้ใช่ ไหมที่พวกเผด็จการเสียงข้างน้อยต้องการ ฮ่วย!!!
• ยิ่งนักวิชาการบางคนถึงกับ เว่อร์เกินเหตุ อ้างว่า ถ้าแก้ไขรัฐธรรมนูญให้คนผิดพ้นผิดจะขัดหลักนิติธรรม ทำให้สอนหนังสือไม่ได้ แต่ทหารปฏิวัติไล่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง แถมยังมีการ ลงโทษย้อนหลังนักการเมือง และเขียนรัฐธรรมนูญขัดกับความเป็นจริง นักวิชาการเหล่านี้ กลับเห็นดีเห็นงาม สามารถเอาไปสอนหนังสือได้ นี่น่ะหรือ เหตุผลของพวกเสียงข้างน้อยที่จะให้เสียงข้างมากยอมรับ ฮ่วย (อีกที)!!!
• แต่หากนักวิชาการสถาบันใด คิดว่า กติกาที่ลงโทษแบบ เหมารวม เป็นเรื่องดี ก็ขอให้นำไปบังคับ ใช้กับสถาบันตัวเองด้วย หากผู้บริหารมหาวิทยาลัยทำผิดกฎหมาย ก็ต้องเสนอให้ ยุบมหาวิทยาลัยสถานเดียว ห้ามอุทธรณ์ฎีกาใดๆทั้งสิ้น ครอบครัวไหนลูกติดคุก พ่อแม่ก็ต้องติดคุกด้วย หากมีกฎหมายลักษณะนี้ออกมาบังคับใช้ ทุกฝ่ายก็จะยอมรับใช่หรือไม่!!!
• "เห่าไฟ" ยืนยันว่า รัฐธรรมนูญที่เป็นผลผลิตจากการ ปฏิวัติรัฐประหาร สมควรต้องใช้กระบวนการตามครรลอง ประชาธิปไตย แก้ไขโดยเร็ว เพื่อประกาศให้ เผด็จการ ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และที่จ่อรอคิวอยู่ในอนาคตได้รับรู้ว่า การปฏิรูปการเมืองการปกครองด้วยวิธีการเถื่อนๆเช่นนั้น ยังไงก็ ยอมรับไม่ได้ เด็ดขาด!!!
• ส่วนคำถามที่ว่า เป็นประชาธิปไตยแล้วดีตรงไหน เรื่องนี้ ประชาชนทั้งระดับ รากหญ้า และ ไม่ใช่รากหญ้า ต่างก็ได้รับ อานิสงส์ ไปถ้วนหน้าแล้ว หลังจาก รัฐบาลสมัคร ผลักดันนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจระลอกแล้วระลอกเล่า เพื่อลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ให้ประชาชนทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาษี พักชำระหนี้ และเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ จ่อคิวด้วย โครงการเมกะโปรเจกต์ จุดระเบิดการลงทุนขนาดยักษ์ให้ส่งแรงสั่นสะเทือน ปลุกเร้า ทุกองคาพยพทางเศรษฐกิจ!!!
• วันก่อน ได้ฟัง ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ รมช.คลัง บรรยายสรุปถึงแนวทางการ กระตุ้นเศรษฐกิจ ทำให้มั่นใจได้ว่า รัฐบาลชุดนี้ สามารถรับมือกับ ความผันผวนรุนแรง ที่กำลังเกิดขึ้นในปัจจุบัน และที่จะเกิดขึ้นในอนาคตได้อย่างแน่นอน!!!
• แต่สิ่งที่อยากจะบอกก็คือ รัฐบาลเป็นผู้ กุมชะตากรรมของประชาชน หากได้ รัฐบาลทำงานเก่ง ประชาชนก็จะ อยู่ดีมีสุข ถ้าได้ รัฐบาลห่วยแตก เหมือนที่ผ่านมา ประชาชนก็ ทุกข์ระทม ไปทั้งชาติ โดย เฉพาะรัฐบาลประชาธิปไตยนั้น มาจาก พรรคการเมือง ซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ฉะนั้น ใครที่บอกว่า การยุบพรรคการเมืองเป็นเรื่องส่วนตัว ถือว่า ผิดถนัด ควรคิดใหม่ให้ สร้างสรรค์ กว่านี้ อย่าสร้าง ความสับสนปั่นป่วนบ้านเมืองเล่นตามอารมณ์อีกต่อไปเลย!!!
• ส่วนข้อโต้แย้งของเสียงข้างน้อยที่ว่า ยุบพรรคพลังประชาชน ชาติไทย มัชฌิมา ก็ยังเหลือ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาลได้ ไม่เห็นเดือดร้อน แต่ขอให้ทบทวนดูให้ดี ถ้าประชาชนส่วนใหญ่อยากให้ พรรคประชาธิปัตย์ เป็นรัฐบาล พวกเขาจะ ใจจืดใจดำ ปล่อยให้ แพ้เลือกตั้ง ได้อย่างไร ขอให้เชื่อเถอะว่า แม้จะยุบพรรคอีกมากมายแค่ไหน ประชาชนส่วนใหญ่ก็จะไม่เลือกพรรคที่พวกเขาไม่ชอบอยู่ดี ฉะนั้น เลิกฝืนความจริงซะทีเถอะ!
"เห่าไฟ"
‘ยูเออี'เชิญอดีตนายกฯ‘ทักษิณ'ปาฐกถา 14-16 เม.ย.นี้
เมื่อเวลา 12.40 น. ทีผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยคณะ อาทิ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายยงยุทธ ติยะไพรัช ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย น.ส.ศันสนีย์ นาคพงศ์ โฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้เดินทางกลับด้วยเที่ยวบินทีจี 1133 มายังท่าอากาศดอนเมือง ทั้งนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวเพียงสั้น ๆ ด้วยสีหน้ายิ้มแย้มถึงการทำบุญว่า "ไปทำบุญก็ได้บุญ" จากนั้นได้ขึ้นรถกลับทันที
ด้าน น.ส.ศันสนีย์ กล่าวว่า การเดินทางดังกล่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ได้ทำบุญที่วัดศรีโคมคำ จังหวัดพะเยา และวัดพระธาตุดอยตุง จังหวัดเชียงราย ซึ่งมีพิธีสืบชะตาหลวง ซึ่งพ.ต.ท.ทักษิณ บอกว่า จากการทำบุญและพบปะกับคนสนับสนุนให้กำลังใจก็รู้สึกสบายใจ หน้าตาเบิกบาน ทั้งนี้ในวันพรุ่งนี้ (5 เม.ย.) พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปประเทศกัมพูชา เวลาประมาณ 10.00 น. ส่วนการเดินทางไปจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งตามกำหนดการคือวันที่ 11 เมษายน จะไปแสดงความเคารพบรรพบุรุษ แต่กิจกรรมอย่างอื่นอยู่ในระหว่างการวางแผน เพราะมีบุคคลต่าง ๆ ได้แสดงความจำนงขอทำกิจกรรมกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ทั้งนี้ การดูแลรักษาความปลอดภัยคงไม่มีอะไรเป็นพิเศษ คงเป็นไปตามความเหมาะสม
นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังมีกำหนดการเดินทางไปยังเมืองดูไบ ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ยูเออี) ระหว่างวันที่ 14-16 เมษายน ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณ ได้รับเชิญให้พูดในหัวข้อ "ภาวะผู้นำภายใต้โลกที่มีแต่ความไม่แน่นอน"
ประกาศ 'ฉันทามติประชาธิปไตย'ล้มคว่ำ'รัฐธรรมนวยฉบับหัวคูณ'
คพปร. เปิดเวทีฉะ'รัฐธรรมนวยฉบับหัวคูณ' ชี้ที่มาจาก 'พวกโจร' อุ้ม 'พวกทรราษฎร์ – ซากคมช.' ทำบ้านเมืองพังพินาศ มุ่งล้างประชาธิปไตย ปล้นอำนาจไปจากประชาชน ปลุกพลังมวลชนผนึกกำลังเรียกร้องเอา รธน.40 กลับคืนมาสร้างความชอบธรรม ฉีกระบอบ 'อำมาตยาธิปไตย' ให้สิ้นซาก ขณะที่ กลุ่มคนวันเสาร์ ไม่เอาเผด็จการ เปิดเวทีสนามหลวง หนุนต่อ 17.00 น. พรุ่งนี้ ตั้งหัวข้อทำไม ส.ส.ร.จึงค้านแก้รธน.
คณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) เปิดเวทีสัมมนาวิชาการ 'วิกฤติรัฐธรรมนูญ 2550' โดยมีวิทยากรร่วมอภิปราย อาทิ นพ.เหวง โตจิราการ คุณคณิน บุญสุวรรณ อดีตสมาชิกสภาร่างรัฐธรมมนูญ (ส.ส.ร.) 2540 นายอดิษร เพียงเกษ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย นายวีระ มุสิกพงศ์ และร.ต.ฉลาด วรฉัตร โดยเริ่มตั้งแต่เวลา 16.00 น.- 21.00 น. ณ อาคาร เวทีลีลาส สวนลุมพินี
อ.จรัล ดิษฐาอภิชัย เริ่มต้นกล่าวว่า คพปร.มีแนวทางเพื่อการแก้รธน.50 ทั้งฉบับ เสนอแนะผลักดัน ให้นำรธน.40 กลับคืนมา และเราจะดำเนินการต่อไปจนกว่าบรรลุผลสำเร็จ ตั้งแต่สัปดาห์หน้าเรา จะเดินทางไปต่างจังหวัดตามแผนปฏิทินกิจกรรมประจำเดือนเมายน คาดว่า ประชาชนในพื้นที่จะเห็นด้วย กับการแก้รธน.50 ครั้งนี้
ทั้งนี้ คณะกรรมการ คพปร. ยืนยันจะดำเนินการทุกรูปแบบให้มีการแก้ไขรธน.เผด็จการที่พ่นพิษทางการเมือง อยู่ในขณะนี้ แล้วเอารธน.40 ของประชาชนกลับคืนมา
ต่อมา นายชินวัตร หาบุญพาด หนึ่งใน คปพร.กล่าวว่า รธน.ฉบับนี้ มุ่งล้มล้างประชาธิปไตยเป็นฉบับที่เขียน เพื่อประโยชน์ของตนเองแล้วพวกที่ออกมาคัดค้าน การแก้รธน.ฉบับนี้ ทำเพื่อตัวเองหรือเปล่า? เป็นปกป้องคนผิด หรือพวก คมช.ร่วมไปถึงลูกสมุนที่ล้มล้างระบอบประชาธิปไตยและปล้นอำนาจไปจากประชาชน จึงมาเขียนกติกา เพื่อการคุ้มครองตัวเอง รธน.50 ไม่ว่าจะหัวหงอกหรือดำต่างก็ออกมาปกป้องคนผิดด้วยกันทั้งนั้น พรรคการเมืองไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชาชนหรือพรรค 'ลูกผีลูกคน' อย่างประชาธิปัตย์ที่เคยพูดว่าถ้าได้เป็นรัฐบาล จะเข้ามาแก้รธน.50 ตอนนี้ยังไม่เห็นจะดำเนินการอย่างไรเลยแม้แต่น้อย กลับออกมาบอกว่ายังไม่ถึงเวลา และให้ยุบ 3 พรรคก่อนแล้วค่อยมาแก้ไข ตรงตนมองว่ามันไม่ยุติธรรม
ด้าน นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข คณะกรรมการคปพร. กล่าวว่า รธน.50 ไม่ใช้รธน. ที่เกิดจากประชาชน เป็น 'รัฐธรรมนวยฉบับหัวคูณ' มากจากพวกโจร สมควรถูกฉีกทิ้ง ซึ่งเชื่อว่า ส.ส.คนใดยอมรับ รธน.50 ถือว่าเป็นซากคมช. อีกทั้งต้องประนามผู้ที่คัดค้านการแก้ไขรธน. คนผู้พวกนี้เป็นหางเครื่องของพวกคมช. และขอประนามพวกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่ออกมาต้านการแก้ไขรธน. ทั้งนี้ ขอยืนยันว่าจะขอประกาศการแก้ไขรธน.50และขอให้ประชาชนร่วมกันผนึกกำลังเพื่อแก้ไขรธน. และนำไปสู่ระบอบประชาธิปไตย
ส่วน นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท คณะกรรมการ คปพร. กล่าวว่า การแก้ไขรธน.ต้องการปฏิรูปหรือยกเลิก รัฐธรรมนูณเท่านั้น เพราะว่าประชาชนไม่ต้องการอำนาจนอกระบบ โดยหนึ่งจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชน ทั่วประเทศในหลักการที่จะแก้ไขรธน.50 วันนี้ถือเป็นการ 'เขี่ยลูก' เพื่อวันแดงเดือด เพราะรธน.นี้มีที่มาจากการกดขี่ สองทาง คปพร.จะมีประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนด้วยสื่อสิ่งพิมพ์ ว่าทำไมต้องแก้ไขรธน.50 เพื่อร่วมกันขับเคลื่อน ขณะนี้เราทุกคนถูกล้อมกรอบด้วยอำนาจอำมาตยาธิปไตย ถึงตอนนี้พลังประชาชน ได้เป็นรัฐบาลแล้วควรเปิดโอกาศให้ คปพร. ปูพรมแดงทางอากาศให้ใช้วิทยุและโทรทัศน์เพื่อบอกประชาชนชาวไทยว่า ที่มาของรธน.ไม่ชอบธรรม และต่อไปนี้ใครอย่าได้บังอาจทำการปฏิวัติอีก เพราะประชาชนไม่เอาแล้ว
ด้าน อ.คนิน บุญสุวรรณ อดีตสสร.ปี2540 กล่าวว่า วันนี้ที่หนังสือพิมพ์มติชนพาดหัวว่า 41 นักวิชาการอ.นิติฯ เสนอว่าการแก้ ม.237 จะทำให้ชาติบ้านเมืองพังทลายลง อันที่จริงแล้ว ทำไมกล่าวผ่านสื่อไปว่า กฏหมายประเทศไทย พังมาตั้งแต่สมัย 19 กันยายน 2549 รธน.40 ที่มาจากประชาชน ทำให้ระบบการเมือง ดำเนินมาโดยดีตลอด แต่หลัง 19 ก.ย. ประเทศไทยได้มีกฏหมายที่เขียนขึ้น โดยบุคคลเดียวที่เราเรียกว่า ONE MAN LAW โดย ม.237 ในรธน.50 ที่ต่อยอดมารธน.ฉบับชั่วคราว เพราะ ม.35ได้ระบุว่า
ให้ตุลาการศาลรัฐธรรนูญ ที่ไม่ใช่ศาลมาใช้อำนาจแทนศาลในการสั่งยุบพรรคการเมือง ทำให้เกิดกระบวน การยุติธรรมทางเดียว โจทย์คือผู้ปฏิวัติจำเลยคือผู้ถูกปฏิวัติ ในขณะที่รธน.40 ส่งเสริมการจัดตั้งพรรคการเมือง ที่มาจากประชาชนจะไม่ถูกยุบ แต่พรรคการเมืองที่ควรถูกยุบควรเป็นพรรคที่ร่วมมือกันก่อรัฐประหาร ไม่ใช้พรรค ที่ถูกรัฐประหาร เชื่อรธน.50 อายุไม่ยืนยาวแน่นอน เพราะเป็นแค่รธน.เฉพาะกิจที่ออกแบบมาเพื่อกำจัดอำนาจเก่า และไม่ให้กับมามีอำนาจอีกครั้ง เพราะฉะนั้นแล้วตอนนี้คนที่ถูกปฏิวัติมาจากภาคประชาชน อีกทั้งรธน.50 เป็นสิ่งมหัศจรรย์เป็นรธน.ฉบับเดียวในโลกที่บุคคลเดียวมีถึง 5 ตำแหน่งและรธน.ฉบับเดียวกันนี้ ทำให้ตำแหน่งนายกฯ กลายเป็นตำแหน่งที่ต่ำต้อยที่สุด
ขณะที่ นพ.เหวง โตจิราการ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้เริ่มเป่านกหวีด คพปร. จัดงานนี้ขึ้นเพื่อนำมาสู่การต่อสู้ ู้เพื่อประชาธิปไตย รณรงค์ให้มีการปฏิรูปรัฐธรรมนูญ เราไม่เอาอำนาจนอกระบบ เอารัฐธรรมนูญ 2540 ของพวกเราคืนมา เราจะสัปยุทธ์กับพวกอำนาจนิยม พวกทรราษฎร์นิยม ขณะนี้ถึงเวลาที่พวกเราจะต้องลุกขึ้น มาหวงแหนประชาธิปไตย และบดขยี้อำนาจเผด็จการ วันนี้จึงขอ 'ฉันทามติประชาธิปไตย' แสดงจุดยืนร่วมกันแก้รัฐธรรมนูญ 2550
'เรามารวมกันในที่นี้ เพื่อแสดงจุดยืนร่วมกันในการ แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ที่ได้ใช้มาเป็นระยะเวลา 7 เดือนและ กำลังส่งผลเสียหายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นองค์พระประมุขในหลายกรณี โดยมีนักวิชาการุกสาขาวิชา องค์กรเพื่อประชาธิปไตย ผู้แทนองค์กรภาคประชาชน ผู้แทนองค์กรผู้ใช้แรงงาน ผู้แทนองค์กรนิสิตนักศึกษา องค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ได้แสดงเหตุผลสนับสนุนต่างกรรม ต่างวาระ หลายครั้ง เห็นสมควรให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ให้มีความเป็นประชาธิปไตย
รัฐธรรมนูญ ปี 2550 มีการใช้งบประมาณกว่า 5 พันล้านบาท ซึ่งถือว่ามีราคาแพงที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่กลับมีความอัปลักษณ์หลายประการ คือ
1. ที่มาแห่งการร่างรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย มีการล็อคโผกันตั้งแต่ต้น กีดกันฝ่ายการเมืองสมาชิกพรรคการเมืองกว่า 36 ล้านคนและประชาชนที่รักประชาธิปไตยอีกเกือบ 30 ล้านไม่ให้เข้าไปมีส่วนในกระบวนการ
2. เนื้อหาภายในมีความจงใจทำลายสถาบันพรรคการเมืองให้อ่อนแอ โดย 'อำมาตยาธิปไตย' ได้สถาปนา “ตุลาการภิวัตน์” ขึ้นมามีอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตยของประชาชน
3. ทำลายหลักนิติธรรม ดดยการนิรโทษกรรมให้กับคณะปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ทั้ง อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ทั้งที่ได้ ทำผิดตามกฏหมายอาญามีโทษถึงประหารชีวิตทำให้รัฐธรรมนูญ2550 มีค่าเพียงเครื่องมือสร้างความชอบธรรม ให้แก่การรัฐประหารเท่านั้น
4. ใช้อำนาจกระบอกปืนและกฏอัยการศึกในการการบีบคับประชาชนลงมติประชามติ ผ่าน หน่วยงานราชการนักวิชาการที่หามเสลี่ยงให้คณะปฏิวัติรัฐประหาร ล่อหลอกประชาชน ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อให้ไปกากาบาท 'เห็นชอบ' แล้วนำผลอันทุจริตฉ้อฉลนี้มากล่าวอ้าง
5. คอรัปชั่น เอื้อประโยชน์ในกระบวนการการจักพิมพ์ร่างฯ การซื้อโฆษณาให้กับ สื่อที่เป็น พรรคพวก และยอมศิโรราบกับคณะปฏิวัติรัฐประหาร รวมทั้งการใช้งบประมาณคนไปเที่ยวเพื่อหวังซื้อใจ ให้ลงประชามติ ิในแนวทางที่ตนเองต้องการ
ในขณะนี้ สังคมแบ่งเป็น 2 ฝ่ายอย่างชัดเจน คือพวกเราในมหาสมาคมแห่งนี้ ที่ร่วมประกาศจุดยืนสนับสนุนให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 กับฝ่ายที่แสดงความคิดเห็นคัดตค้านซึ่งคน พวกนี้ล้วนแต่เป็นพวกที่นิยมชมชบการปฏิวัติรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 โดยไม่สนใจความเสียหาย ของประเทศชาติทั้งทางเศรษฐกิจ สังคมและการเมือง ตลอดระยะเวลา 1 ปี 5 เดือนที่ผ่านมา มิได้เคารพในวิถีทางประชาธิปไตย มิได้เคารพเสียงอันบริสุทธิ์ของพี่น้องประชาชนแม้แต่น้อย เพียงเพราะมีความมุ่งหวังผลทางการเมือง ตำแหน่ง ลาภ ยศ สรรเสริญเป็นการส่วนตัวเท่านั้นเอง ซึ่งเราจะพบได้ในข้อมูลข่าวสารที่เผยแพร่โดยทั่วไปว่ามีการทุจริตฉ้อฉลในหน่วยงานราชการ รัฐวิสาหกิจที่เหล่านี้สนับสนุนเข้าไปมีตำแหน่งใน ตลอดระยะเวลา 1 ปี 5 เดือนที่ผ่านมา
กลุ่มคนที่คัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ไม่มีความชอบธรรมในการเคลื่อนไหวเพราะ 1.พวกเขาเป็นผู้ที่เคลื่อนไหวทางการเมือง 2.พวกเขาเป็นสมุนบริวารรับใช้คณะรัฐประหารโดยตลอด 1 ปี 5 เดือน 3.รูปการจิตสำนึกของพวกเขาเป็น 'รัฐประหารนิยมอำมาตยาธิปไตยนิยม' 4. พวกเขาเป็นผู้มีส่วนร่วมใน การร่างรัฐธรรมนูญ 2550 นั้นย่อมพิสูจน์เป็นที่ประจักษ์ชัดว่า พวกเขานั่นแหละเป็น 'อาชญากรทางประชาธิปไตย' อย่างแท้จริง
พวกเราที่มาร่วมประชุมในมหาสมาคมแห่งนี้จะร่วมกันต่อสู้แก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 โดยให้นำรัฐธรรมนูญ 2540 มาเป็นหลักแล้วปรับปรุงเนื้อหาให้ความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น เพื่อพิทักษ์ไว้ซึ่งการปกครองในระบอบ ประชาธิปไตย ที่แท้จริงของประชาชน'
'สมัคร'ยันมีข้าวสำรอง 2 ล้านตันลั่นชาวบ้านไม่อด
เดลินิวส์
เปลืองข้าวสุก
ช่วงสมัยรัฐบาลชวน ๒ นายสนธิมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับนายธารินทร์มาก่อน ตอนแรกก็ดีกัน แต่ต่อมาเกิดความขัดแย้งระหว่างกันอย่างรุนแรง โดยนายสนธิอ้างว่าเป็นความขัดแย้งกันทางความคิดในการแก้ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศ จากนั้นจึงพุ่งเป้าโจมตีนายธารินทร์อย่างรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ในช่วง ๒ ปีหลังของรัฐบาลชวน ๒ ทั้งผ่านทางวิทยุ และหนังสือพิมพ์ต่างๆในเครือผู้จัดการโดยใช้ชื่อว่าพายัพ พนาสุวรรณ มีการทำเทปออกขาย ปรากฏความตอนหนึ่งว่านายสนธิ กล่าวหานายธารินทร์ นิมานเหมินทร์ อดีตรมว.คลังว่า กระทำการอันเป็นการหมิ่นพระบรมราชานุภาพ ทำให้นายธารินทร์ ต้องฟ้องร้องนายสนธิในข้อหาหมิ่นประมาท เรื่องยังอยู่ในศาลจนถึงปัจจุบันนี้
***เกาะรัฐบาลทักษิณ ๑***
ขณะที่ในช่วงรัฐบาลทักษิณ ๑ เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยแรกนั้น ก็ได้ดึงเอานายสนธิมาร่วมงานด้วย เพราะเขารู้จักกับคนในรัฐบาลหลายคน ต่อมาในช่วงรัฐบาลทักษิณ ๒ เกิดการขัดแย้งระหว่างนายสนธิกับรัฐบาลอย่างรุนแรงสาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบว่าด้วยเรื่องอะไร แต่บางคนอ้างว่า เพราะนายสนธิลงทุนไปซื้ออุปกรณ์ในการทำโทรทัศน์เสรีมาแล้วเป็นพันล้านบาท แต่กลับไม่ได้ช่องมาทำ ก็เลยหันมาโจมตี พ.ต.ท.ทักษิณ ในแบบเดียวกันกับที่เคยโจมตีนายธารินทร์ สำเร็จมาแล้ว
วาทกรรมขยะแขยง.... นั่งขี่คอกะ..ทิ่มปาก พ.ศ.นี้ แผนการลับลวงโลกโดยผ่านบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญคือความชอบธรรมล้มอำนาจรัฐฯ เอามากระแทกสร้างกระแสความไม่พอใจออกมาเดินขบวนชุมนุมครั้งใหญ่กดดันรัฐฯ ถึงต้องเล่าความเท็จลัทธิสนธิ โฆษณาชวนเชื่อครั้งก่อนสัมฤทธิ์ผลของเวทีพันธมิตร ดึงมาใช้สร้างกระแสความไม่พอใจจงเกลียดจงชัง...จุดไฟให้มันติด!!!
ย้อนเอาอดีตวันเวลาที่เก่าเวลาเดิมพฤติกรรม ลัทธิสนธิเที่ยงจัดๆๆ ตรงบริเวณสี่แยกมิสักวันระหว่างข้างกระทรวงศึกษาธิการมุ่งตรงไปทำเนียบรัฐบาล ด้านข้างที่ตั้งกองทัพภาคที่1 สมรภูมิรบมันเหมาะเหม็ง ต่อศูนย์กลางมุมอับพาคนไปตายจากความประมาทชะล่าใจ...ใครลงมือทําใครก่อนเสียเปรียบทันที...ปมเงื่อนตาย...ขุดหลุมล่อ...เหยื่อ
ผมจำติดหูติดตาของเจ้าลัทธิสนธิ หยิบหนังสือพิมพ์มติชนพาดหัวเกี่ยวกับเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ม่รอช้าเดินปรี่ขึ้นเวทีตะโกนฟ้องประชาชนในกลุ่มผู้ชุมนุมที่นั่นว่า "พ่อแม่พี่น้องครับ...ไอ้...ทักษิณ มันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกแล้วครับ พ่อแม่พี่น้องครับ" ตอกย้ำอยู่หลายเที่ยว...ของเที่ยงวันวันนั้น
ลัทธิสนธิ สงครามแย่งชิง "ความจงรักภักดี" เปลืองโดยใช่เหตุ ครั้งนี้รูปการเหมือนเดิมเป้าหมายต้องการล้มลูกเดียว ชวนทะเลาะทรมาน รูปแบบจุดเริ่มต้นแถลงข่าวของพันธมิตรเนื้อหาและรูปแบบพิมพ์เขียว โดยเอาบทเฉพาะกาลแก้ไขรธน.ขุดหลุมล่อ...
วันนี้ พ.ศ.นี้ ลัทธิบูชายัญมูลนิธิยามจับไข้...ม็อบไข่ปลา(ทู) ...ขี่กระแสเกาะกระแสเอารัฐธรรมนูญฉบับคลุมถุงชนปกปิดไส้เน่า ม.309 แผนการสืบทอดอำนาจโดยผ่านบทเฉพาะกาล
บทเฉพาะกาลมาตรา 309 บัญญัติให้การใดหรือการกระทำใด ของบุคคลใดหรือคณะบุคคลใด ที่ได้รับรองไว้ในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย(ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2549 ว่าการนั้นหรือการกระทำนั้นชอบด้วยรัฐธรรมนูญและกฎหมาย ให้ถือว่าชอบด้วยกฎหมาย และชอบด้วยรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยไม่ว่าการกระทำนั้นหรือการกระทํานั้นจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลังวันประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งมีความหมายเท่ากับนิรโทษกรรมล่วงหน้า ไปถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในอนาคตตลอดอายุการใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั่นเอง
***เพี้ยนหนักกล่าวหารัฐบาลแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อรองรับระบอบประธานาธิบดี***
เมื่อวันที่ (2 เม.ย.2551) 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ประกอบด้วย พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ได้ประชุมหารือถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่บ้านท่าพระอาทิตย์ หลังจากนั้น
นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรฯ ได้อ่านแถลงการณ์พันธมิตรฯ ฉบับที่ 5/2551 โจทย์ใหญ่ใจความหัวเรื่องคำประกาศ "พร้อมต่อต้านอาชญากรประชาธิปไตยเพื่อล้มล้างรัฐธรรมนูญฟอกความผิดให้ตัวเอง" ดั่งข้อความว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 237 และมาตรา 309 นั้น มีเป้าหมายเพื่อหลีกเลี่ยงบทลงโทษการกระทำความผิดต่อกฎหมายเลือกตั้งของตัวเอง และพวกพ้องตลอดจนทำลายและตัดตอนกระบวนการยุติธรรม เพื่อล้มล้างคดีความของอดีนายกฯ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และครอบครัว
นายสนธิ ลิ้มทองกุล ได้กล่าวว่า "ท่านสื่อมวลชนครับ เมื่อกี้นี้ผมได้พูดออกไปประโยคหนึ่งอยากให้ท่านตั้งใจฟังให้ดีๆ นั่นก็คือว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้มีนัยที่ลึกซึ้งมาก มันมีความหมายอยู่มากมายที่เราคาดไม่ถึง คือการแก้รัฐธรรมนูญทำได้ 2 ลักษณะ ที่ถูก ที่ควรจะทำ ก็คือว่า ถามประชาชนก่อน ทดสอบ ตั้งกรรมาธิการ ใช้เวลาพิจารณาดูข้อดีข้อเสีย เท่าที่ผมทราบมา
เมื่อวานนี้ พรรคพลังประชาชนมีมติภายในว่าจะทำให้เสร็จภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ เพราะฉะนั้นการกระทำเช่นนี้มีนัยที่น่ากลัวมาก เพราะว่าถ้าสามารถที่จะหักดิบแบบนี้ได้ อีกหน่อยวันดีคืนดีใครก็ตาม เอาเงินมาซื้อเสียง เข้ามามีเสียงข้างมากในสภา อยากจะขอแก้รัฐธรรมนูญหมวดกษัตริย์บ้างล่ะ ก็สามารถทำได้เช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วเนื่องจากไม่เคยฟัง ไม่มีการฟัง ไม่มีการพิจารณา ไม่มีการขอความเห็น ไม่มีการเอาเข้าสภามาถกเถียงกัน จะทำให้เสร็จภายใน 30 วันใครจะทำไม เพราะว่าผมมีเสียงข้างมาก อันตรายมากนะครับ
"อันที่ 2 วันดีคืนดี พอแก้รัฐธรรมนูญนี้เสร็จเรียบร้อย อาจจะแก้ต่อว่า จากนี้ไปให้ใช้ระบบเลือกตั้งแบบประธานาธิบดี ให้เลือกประธานาธิบดีคนเดียวพอ แล้วประธานาธิบดีเข้ามา เอาเสียงข้างมาก รากหญ้าที่ไหน ใครคุมอีสาน ใครคุมเหนือได้ ก็เอาอีสานเครือข่ายลงให้ อาจจะเป็น พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ได้ ถ้าเกิดแกหลุดจากคดีเพราะว่า 309 ไม่มีแล้วแกก็จะเป็นประธานาธิบดีคนแรกของประเทศไทย"
ทุกอย่างมันเป็นไปได้หมด มันเป็นไปได้ตรงที่ว่า เนื่องจากการแก้รัฐธรรมนูญครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการแก้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ทุกๆ ครั้งการแก้รัฐธรรมนูญต้องแก้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ และการแสดงออกด้วยความบริสุทธิ์ใจนั้น ต้องมาจากการปรึกษาหารือกับพรรคฝ่ายค้าน แสดงเวทีประชาพิจารณ์ ให้นักวิชาการต่างๆ ได้ออกสื่อมวลชนมาถกเถียงกันเรื่องราวต่างๆ เห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย แล้วค่อยหาข้อยุติ
"นั่นคือวิถีทางที่เป็นหลักที่ถูกต้อง แต่นี่ไม่ใช่ เมื่อไม่ใช่ก็อดให้เราคิดไม่ได้ว่า อีกหน่อย พวกคุณก็สามารถจะหักดิบ แก้หมวดกษัตริย์ได้ แก้ให้ไม่มีนายกรัฐมนตรีแล้ว เป็นประธานาธิบดีได้ คุณอาจจะมาโต้เถียง อาจจะใช้คนเก่ง ปากเก่ง เถียงเก่ง แต่ว่าการกระทำมันส่อเจตนาว่า โอกาสคุณจะทำเช่นนั้นก็มีเช่นกัน เพราะฉะนั้นแล้วนัยตรงนี้อันตรายมาก ที่ผมอยากจะชี้ให้เห็นว่า ถ้าปล่อยให้แก้รัฐธรรมนูญได้ นี่คือจุดจบของระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข"
น่าขายหน้า???...ขยะแขยง...อดสูใจ...อดีตที่ผ่านมานายสนธิ เที่ยวตีกินกล่าวหา...หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ล่าสุดแอบอ้างกอด "ความจงรักภักดี"หาที่พึ่งสุดท้าย...นี่คือหลากหลายๆตัวอย่างที่ถูกนายสนธิ...เล่นงานมาแล้วทั้งนั้น อาทิ เช่น
1.นายสนธิกล่าวหานายธารินทร์ว่า กระทำการอันเป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ทำให้นายธารินทร์ต้องฟ้องร้องนายสนธิในข้อหาหมิ่นประมาท เรื่องยังอยู่ในศาลจนถึงปัจจุบันนี้
2.ผมจำติดหูติดตาเจ้าลัทธิสนธิ หยิบหนังสือพิมพ์มติชนพาดหัวเกี่ยวกับเรื่องหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เดินตรงปรี่ขึ้นเวทีตะโกนฟ้องประชาชนในกลุ่มผู้ชุมนุมว่า"พ่อแม่พี่น้องครับ...ไอ้...ทักษิณ มันหมิ่นพระบรมเดชานุภาพอีกแล้วครับ พ่อแม่พี่น้องครับ" ลักษณะกล่าวหาเหมือนกัน...มุกตีกิน!!!
ลัทธิสนธิ คิดโหนกระแสสงครามแย่งชิง "ความจงรักภักดี" เปลืองเปล่าโดยใช่เหตุ เป้าหมายต้องการล้มลูกเดียว ชวนทะเลาะยืดเยื้อ จุดเริ่มต้นแถลงข่าวพันธมิตรเนื้อหาและพิมพ์เขียว...ใครสั่ง...แห่ศพประจานตายเป็นตายเจ๊งเป็นเจ๊ง...ยุคกรรมติดจรวดขายดีเป็นเทน้ำเทท่าอยู่พอดีครับ!!!
Hi-Thaksin
'มิ่ง'จีบ'อินเดีย-ญวน'ร่วมตั้งราคาข้าวส่งออก 'เลี้ยบ' มึนถูกปล่อยข่าวไทยคุมเข้มส่งออก
ไทยจีบ 'อินเดีย-ญวน' ตั้งราคาข้าว
นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยเมื่อวันที่ 4 เมษายน ว่า ในวันที่ 27 เมษายน นี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประเทศอินเดีย จะเดินทางมาเข้าพบเพื่อเยี่ยมคารวะในโอกาสที่ตนรับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ดังนั้น จะใช้โอกาสนี้หารือและดูท่าทีของอินเดียถึงแนวทางการร่วมมือในการกำหนดราคาข้าวส่งออกของประเทศไทย อินเดีย และเวียดนาม ในฐานะที่เป็นผู้ผลิตข้าวส่งออกรายใหญ่ของโลก จากนั้น จะเดินทางไปประเทศเวียดนามเพื่อหารือถึงความเป็นไปได้ในการร่วมมือกัน
ทั้งนี้ ประเทศไทย ส่งออกข้าวเป็นอันดับ 1 ของโลก คิดเป็นสัดส่วน 31.40% ของการส่งออกข้าวในตลาดโลก รองลงมาคืออินเดีย 16% และเวียดนามอีก 14% รวมแล้วทั้ง 3 ประเทศ จะมีสัดส่วนการส่งออกข้าวรวมกว่า 60% ของการส่งออกข้าวในตลาดโลก
นายมิ่งขวัญ กล่าวถึงการหารือร่วมกันระหว่าง 13 สมาคมที่เกี่ยวข้องกับการค้าข้าว ในวันที่ 5 เมษายน ว่า พร้อมจะรับฟังความเห็นจากทุกฝ่าย และจะบอกให้ชาวนากลับไปเจรจาตกลงซื้อขายข้าวฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะออกกับพ่อค้าคนกลางและโรงสีให้ได้ราคาดีขึ้น เนื่องจากขณะนี้ชาวนารู้แล้วว่าข้าวสารที่ส่งออกไปจะขายได้ราคาดีถึง 3 หมื่นบาทต่อตัน ดังนั้น ราคารับซื้อของพ่อค้าคนกลางและโรงสีก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกันเพื่อความเป็นธรรม
นายทศพล วังศิลาบัตร ประธานสภาอุตสาหกรรม จ.พระนครศรีอยุธยา กล่าวว่า เห็นด้วยกับแนวคิดที่ไทยจะจับมือกับกลุ่มผู้ผลิตข้าวในลักษณะกลุ่มโอเปค เพื่อต่อรองราคากับผู้ซื้อ จะทำให้ราคาข้าวสูงขึ้น รวมทั้งรัฐบาลต้องเร่งแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำทำนา โดยเฉพาะ จ.พระนครศรีอยุธยา มีปัญหาขาดแคลนน้ำมากซ้ำซาก
สั่งเช็คสต๊อคข้าวรัฐ-จนท.เอี่ยวเจอเด้ง
จากราคาข้าวขยับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง และเกิดความต้องการข้าวในปริมาณสูง จนเกิดการลักขโมยตามโกดังเก็บข้าวของเกษตรกรและพ่อค้าคนกลางเพิ่มขึ้นจำนวนมากนั้น นายศิริพล ยอดเมืองเจริญ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า สั่งการให้ 3 หน่วยงานคือ กรมการค้าภายใน กรมการค้าต่างประเทศ และองค์การคลังสินค้า (อคส.) ทำการตรวจสต๊อคข้าวของรัฐบาลซ้ำอีกครั้งในสัปดาห์หน้า และให้ได้ข้อสรุปภายใน 2 สัปดาห์ รวมทั้งให้ อคส.วางระบบแนวทางการตรวจสอบที่ต่อเนื่อง หลังจากล่าสุดที่ตรวจพบข้าวที่ฝากไว้ในโกดังเอกชนสูญหาย 13,000 ตัน
'ขอความร่วมมือไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศให้ตรวจเช็คโรงสีข้าวที่เข้าร่วมโครงการรับจำนำของภาครัฐ และขอเตือนเจ้าหน้าที่ภาครัฐ หากพบว่า พื้นที่ใดมีปัญหาข้าวขาดหาย จะสั่งย้ายออกจากพื้นที่ และหากมีมูลว่าเจ้าหน้าที่ทุจริตจะตั้งกรรมการสอบสวน หากพบความผิดจะดำเนินคดี รวมทั้งโรงสีที่มักง่าย หาผลประโยชน์ด้วยการนำข้าวภาครัฐออกไปขายก่อนได้รับอนุญาต ก็จะส่งดำเนินคดีต่อไป' นายศิริพลกล่าว
ส.โรงสีค้านตั้งราคาขั้นต่ำส่งออก
นายปราโมทย์ วานิชานนท์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมโรงสีข้าวไทย เปิดเผยว่า สมาคมฯไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอผู้ส่งออกที่ต้องการให้มีการกำหนดเพดานราคาขั้นต่ำส่งออกข้าว และจะเสนอแนวคิดนี้ในการประชุมร่วมกับนายมิ่งขวัญ ในวันที่ 5 เมษายนนี้ เพราะเห็นว่าเป็นผลเสีย ทำให้ราคาข้าวในประเทศตกต่ำลงและเกิดการเก็งกำไรส่วนต่างจากการส่งออกได้มากขึ้น เพราะข้าวที่ระบายออกมาในสมัยนายเกริกไกร จีระแพทย์ อดีตรัฐมนตรีพาณิชย์ จำนวน 4 ล้านตัน ยังอยู่ในมือผู้ส่งออกที่ประมูลได้ถึง 9 แสนตัน ซึ่งขณะนั้นราคาที่ประมูลได้เฉลี่ยกระสอบละ 1.2 พันบาท ปัจจุบันขึ้นไป 2 พันบาท หากขายออกมาก็ได้ส่วนต่างกำไรถึง 6 พันล้านบาท และไม่ได้แก้ปัญหาการขาดแคลนข้าวในประเทศตามที่ผู้ส่งออกกล่าวอ้าง และขอยืนยันว่าผลผลิตข้าวที่จะออกสู่ตลาดในปีนี้เพียงพอต่อการบริโภคในประเทศแน่นอน
'เลี้ยบ'ปัดไทยคุมเข้มส่งออกข้าว
วันเดียวกัน นายแพทย์สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีคลังกลุ่มประเทศอาเซียนที่เมืองดานัง ประเทศเวียดนาม ปฏิเสธข่าวลือในตลาดข้าวระหว่างประเทศที่ว่าไทยกำลังเตรียมแผนเข้มงวดการส่งออกข้าวไปยังตลาดต่างประเทศว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ต้องการให้เกิดการบิดเบือน หรือสร้างอิทธิพลเทียมขึ้นในตลาด ส่วนตลาดภายในประเทศนั้นก็ปล่อยให้เป็นไปตามกลไกของอุปสงค์และอุปทาน
เอพีระบุว่า ก่อนหน้านี้ มีข่าวสะพัดในตลาดว่า ไทยเตรียมจำกัดการส่งออก เพื่อทำให้ปริมาณข้าวในตลาดภายในมีเพิ่มขึ้นจนเพียงพอต่อการบริโภค หลังจากที่ราคาข้าวในตลาดโลกเพิ่มขึ้นสูงมากในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา และเพิ่มขึ้นเป็นอย่างน้อย 1 เท่าตัวนับตั้งแต่ปี 2547 โดยมีสาเหตุหลายประการ ตั้งแต่ปัญหาราคาน้ำมัน ราคาปุ๋ยที่ปรับตัวสูงขึ้นเรื่อยไปจนถึงปัญหาเรื่องการระบาดของโรค, แมลงและภาวะโลกร้อนที่ส่งผลกระทบต่อผลผลิต ทั้งนี้เกิดความวิตกกันว่า ราคาข้าวอาจจะเพิ่มขึ้นไปอีก 40 เปอร์เซ็นต์จากราคาปัจจุบันในช่วงอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า หลังจากที่เวียดนามออกมาประกาศแล้วว่านับตั้งแต่สิ้นเดือนมีนาคม จะตัดปริมาณการส่งออกลง 1 ล้านตัน เพื่อชะลอปัญหาราคาและปัญหาเงินเฟ้อและทำให้เกิดความมั่นคงด้านอาหารขึ้นในประเทศด้วย
ยันข้าวในไทยพอบริโภค
ก่อนหน้านี้นายประเสริฐ โกศัลวิตร อธิบดีกรมการข้าว กระทรวงเกษตรฯ เปิดเผยที่สิงคโปร์ว่า ไทยมีข้าวอยู่ในสต๊อคราว 2.13 ล้านเมตริกตัน ซึ่งมากพอสำหรับการบริโภคในเวลา 3 เดือน สำหรับราคาในตลาดระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้นนั้นส่งผลดีต่อชาวไร่ชาวนาและรัฐบาลจะปล่อยให้กลไกตลาดกำหนดราคาเพื่อการส่งออกเอง ในขณะที่กระทรวงพาณิชย์ของไทยเคยประมาณการการส่งออกข้าวไว้ว่าในปีนี้จะอยู่ที่ราว 8.5 ล้านตัน ลดลงจากที่เคยส่งออกเมื่อปี 2550 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 9.7 ล้านตัน
เทสโก้ให้รัฐสกัดปชช.ตื่นข้าวขาด
นายดามพ์ สุคนธทรัพย์ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท เอก-ชัย ดิสทริบิวชั่น ซิสเทม จำกัด ผู้บริหารค้าปลีกสมัยใหม่ เทสโก้ โลตัส กล่าวว่า ต้องการให้ภาครัฐสร้างความเข้าใจกับประชาชนถึงสถานการณ์ข้าวในขณะนี้ เพื่อไม่ให้เกิดการตื่นตระหนก เนื่องจากขณะนี้ปริมาณข้าวในตลาดเพียงพอต่อความต้องการของผู้บริโภค แต่ปัญหาการตื่นตระหนกทำให้ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา มีการแห่ซื้อสินค้าเพื่อกักตุนเป็นจำนวนมาก จนบริษัทมียอดขายเพิ่มขึ้นจาก 2,000 ถุงต่อวัน เป็น 6,000 ถุง หรือเพิ่ม 3 เท่าตัว ขณะที่บริษัทได้สินค้าเพียง 20-30% ของจำนวนที่สั่งซื้อข้าวถุง 1 หมื่นถุงเท่านั้น โดยผู้ผลิตให้เหตุผลว่าสินค้าขาดตลาด และจะพยายามเจรจากับซัพพลายเออร์เพื่อขอเพิ่มปริมาณสินค้า โดยยืนยันว่าห้างไม่ได้กักตุนสินค้ามติชน
ฉะ แฉ ฉาว 2
กลับมาครั้งนี้เป็น "บันทึกคำให้การ" ของทุกคน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฏิวัติ 19 กันยายน 2549 แบบละเอียด ทุกซอก ทุกมุม
ตั้งแต่ "จุดกำเนิด"
นับจาก น.พ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รัฐบาลก่อนการรัฐประหาร ซึ่งกล่าวถึงสถานการณ์ทางการเมือง ไขปริศนาข้อกล่าวหาที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกโจมตีว่า "ไม่จงรักภักดี" รวมทั้งการสื่อถึง "ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ" ว่าเป็นใคร..?
"..วันนี้มันเป็นนิทานวันละเรื่อง โกหกวันละคำ พอเราอยู่เฉยๆ ก็จะมีนิทานออกมาเรื่อยๆ ล้วนแล้วแต่พยายามโยงไปสู่สถาบัน เป็นเรื่องที่ไม่ใช่ข้อจริง ไม่ใช่ความเห็น แต่เป็นข้อไม่จริงแล้ว"
ขณะที่นายทหารลูก "ป๋าเปรม" อย่าง พล.อ.พงศ์เทพ เทศประทีป เลขาธิการนายกรัฐมนตรีสมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ รัฐบาลหลังรัฐประหาร ก็มีมุมมองที่แตกต่าง
"..ความจริงแล้วผู้ใหญ่ก็มาพบท่าน(พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ รัฐบุรุษและประธานองคมนตรี) มาคุย บางคนก็คุยดีต่อหน้า แล้วพอลับหลังก็ไปนินทา ไปอะไรเป็นสิ่งไม่ดี เหมือนกับคำพังเพยที่ว่า หน้าไหว้หลังหลอก ซึ่งเขาไม่ทำกัน เราต้องเคารพคนทั้งต่อหน้าและลับหลัง เหมือนเช้าเราไหว้พระ ตักบาตรอยู่ดีๆ แต่ออกจากวัดไปทำอีกอย่างหนึ่ง ทำได้อย่างไร ไม่ใช่วิสัย ใจเขาทำอย่างนี้ได้อย่างไร.."
กระทั่ง "มูลเหตุ" ที่ต้องทำการปฏิวัติ ที่ออกจากปากของ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช. บอกกล่าวถึงความจำเป็นในการทำปฏิวัติ พร้อมเปิดเผยถึงเรื่องที่ พ.ต.ท.ทักษิณเคยถามเขาแบบต่อหน้าบนโต๊ะอาหารว่า "กองทัพจะปฏิวัติผมจริงหรือ"
แม้ดูเหมือนจะเป็นคำพูดหยอกล้อเล่นๆบนโต๊ะอาหาร แต่ พล.อ.สนธิ ก็เชื่อว่า พ.ต.ท.ทักษิณหวาดระแวง "ผู้ใต้บังคับบัญชา" ซึ่งนั่งร่วมโต๊ะอาหารมือนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย
"แต่เมื่อทุกอย่างผ่านผมเชื่อว่า ท่าน(พ.ต.ท.ทักษิณ)เป็นนักกีฬา เมื่อเกมจบ ทุกอย่างจบ"
นอกจากนั้น ยังมี "บันทึกคำให้การ" ของ พล.อ.สพรั่ง กัลยาณมิตรอดีตรอง ผบ.ทบ. ที่ประกาศว่า ตัวเองไม่ใช่เผด็จการ แต่ยอมรับว่าบทบาทของ คมช.ในการจัดการกับรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ แม้ปากจะบอกว่า "คมช.สุภาพเกินไป" แต่หากอ่านเนื้อหาจบก็จะรู้ว่า พล.อ.สพรั่งคิดอย่างไรกับการปฏิวัติและ พล.อ.สนธิ
รวมถึงคำให้การของ พล.อ.อ.ชลิต พุกผาสุข ผบ.ทอ.ที่บอกถึงตัดสินใจเข้าร่วมก่อการ โดยใช้เวลาคิดแค่ 3 วัน ก่อนจะให้คำมั่นสัญญาในฐานะลูกผู้ชายชาติทหารกับพล.อ.สนธิ แม้ว่า หากปฏิวัติไม่สำเร็จจะถูกตั้งข้อหาว่าเป็นกบฏ ถูกปลดออกจากตำแหน่ง หรือเอาตัวไปยิงเป้า สะท้อนความรู้สึกเบื้องลึกที่เขาต้องตัดสินใจ "โค่นทักษิณ"
ในหนังสือ ยังมีเนื้อหา ที่สะท้อนความรู้สึกในหัวใจทหารนัก"บู๊-บุ๋น" อย่าง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ถูกเพื่อนร่วมรุ่นตท.10 ตราหน้าว่า "หักหลังเพื่อน"
"ผมไม่คิดมาก ใครมาอยู่ในตำแหน่งนี้ก็แล้วแต่ คงไม่มีใครคิดถึงครอบครัว เพียงขอให้ทำงานให้ดี" นั่นคือความรู้สึกภายใน
เช่นเดียวกับ ความรู้สึกของ พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ถูก พล.อ.สนธิมองว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่เข้ามาแล้วไม่ทำอะไรเลย และยังถูกนักวิชาการมองว่า เป็นฤาษีเลี้ยงเต่า
หากแต่ พล.อ.สุรยุทธ์ก็มีมุมมองที่แตกต่าง เขาบอกถึงเหตุผลที่ต้องบริหารประเทศในรูปแบบที่ถูกทั้ง คมช.และนักวิชาการออกมาตำหนิ
"...ถ้ามีโอกาสที่จะทำถนนของเราใหม่ ผมถามว่าเราจะเดินตามถนนใหม่นั้นหรือจะไปเดินในตรอกที่เราเคยเดินมาแล้ว และก็มีปัญหาอีก.."
นอกจากนั้น "ผู้อ่าน" จะได้รับฟังเหตุผลของนักการเมือง ซึ่ง พ.ต.ท.ทักษิณเคยบอกว่าเป็น "เพื่อนตาย" อย่าง ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตขุนพลคู่ใจพ.ต.ท.ทักษิณ, ดร.วิษณุ เครืองาม, สนธยา คุณปลื้ม ที่บอกถึง "เหตุผล" ที่ต้องตัดบัวแบบไม่เหลือใยกับนายที่เคยเคารพก่อนใครเพื่อน
อาจเป็นแนวคิดที่แตกต่างจาก "ยงยุทธ ติยะไพรัช" ที่ประกาศหลังเดินทางกลับเมืองไทยได้ไม่น่านว่า ชีวิตนี้อุทิศให้แก่ "นายใหญ่-นายหญิง" รวมถึงเปลือยหัวใจ "จักรภพ เพ็ญแข" ที่ตอบคำถามเต็มไปด้วยเหลี่ยมคูทางการเมือง แต่ทั้งหมดถวายหัวเพื่อ "ทักษิณ"
รวมทั้ง การได้สัมผัสการกลับคืนสู่สนามการเมืองของ "นักการเมืองตกขอบ" อย่าง สมัคร สุนทรเวช ที่ไม่คิดไม่ฝันจะก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ที่ทำทุกอย่างเพื่อตำแหน่ง มท.1 ที่เขาเองยัง "เซอร์ไพร์ส"
นั่นคือเนื้อหา "ฉะ แฉ ฉาว 2 เล่ห์..ลมปากการเมืองไทย" ที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องบันทึกเทปปากคำนักการเมืองไทย และทำหน้าที่สะท้อนให้เห็นถึง "เนื้อแท้" ของมนุษย์พันธุ์พิเศษเหล่านี้ เมื่อเปรียบเทียบกับพฤติกรรมที่แสดงออกมาในปัจจุบันว่า "..คำพูดเมื่อวันวาน..แตกต่างจากพฤติกรรมในวันนี้อย่างไร..?
ทักษิณ ให้ ยอดรัก รักษาที่ โรงพยาบาลพระรามเก้า จนหาย
"อริสมันต์" เผย "ทักษิณ" สวมบทเศรษฐีใจบุญให้ "ยอดรัก" ไปรักษาที่ โรงพยาบาลพระรามเก้าจนกว่าจะหาย เจ้าตัวขอหารือแพทย์ศิริราชก่อนย้าย โรงพยาบาล ยังไม่มีการติดต่อขอซื้อบ้าน เข็ดถูกโจมตีอย่างหนัก หลังพูดอ้อนเศรษฐีใจดีจากเมืองนอกมาซื้อบ้าน
เมื่อวันที่ 3 เมษายน นายอริสมันต์ พงศ์เรืองรอง รองโฆษกส่วนตัว พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกรัฐมนตรี กล่าวเกี่ยวกับกรณีกระแสข่าว พ.ต.ท.ทักษิณ ยื่นมือช่วยเหลือ นายนิพนธ์ ไพรวัลย์ หรือ "ยอดรัก สลักใจ" นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง เพื่อรักษาโรคมะเร็งตับว่า กระแสข่าวดังกล่าวเป็นเรื่องจริง เนื่องจากที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณทราบข่าวไม่สบายของยอดรักมาตลอด จึงให้ติดต่อประสานไปยังยอดรัก และตัดสินใจช่วยเหลือทางการเงินในการรักษาพยาบาลแก่ยอดรักเมื่อ 1 เดือนที่ผ่านมา โดย พ.ต.ท.ทักษิณให้ยอดรักไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลพระรามเก้าจนกว่าจะหายดี โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ เนื่องจากเมื่อการเลือกตั้งปี 2549 ที่ผ่านมา ยอดรักเคยประสานว่าจะมาลงสมัคร ส.ส.พรรคพลังประชาชน แต่บังเอิญมีปัญหาติดขัด ทั้งนี้ ยอดรัก สลักใจ ก็มีความรักใคร่ชอบพอกับ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ จึงทำให้ไม่สามารถตัดสินใจมาลงสมัคร ในนามพรรคพลังประชาชนได้
เมื่อถามว่าพ.ต.ท.ทักษิณจะช่วยเหลือเฉพาะค่ารักษาพยาบาล หรือจะซื้อบ้านที่ยอดรัก สลักใจ ประกาศขายมูลค่ากว่า 10 ล้านบาท ด้วยหรือไม่ นายอริสมันต์กล่าวว่า ทางฝ่ายของยอดรักเสนอไป ซึ่งตนทำหน้าที่ประสานอยู่ แต่ตอนนี้ พ.ต.ท.ทักษิณยังไม่ได้ตัดสินใจใดๆ อยู่ระหว่างการพิจารณา อีกทั้ง พ.ต.ท.ทักษิณบอกยอดรักว่า อยากให้รักษาตัวให้หายก่อน โดย พ.ต.ท.ทักษิณ จะช่วยเหลือทางการเงินในเรื่องค่ารักษาพยาบาล แต่เรื่องการขายบ้านที่ยอดรักต้องการขายนั้น พ.ต.ท.ทักษิณแนะนำยอดรักไปว่า ให้เก็บบ้านไว้อยู่กับครอบครัว นอกจากนี้ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเตือนยอดรักในเรื่องความขัดแย้งระหว่าง สายัณห์ สัญญา ว่าไม่ควรจะมาสร้างเรื่อง และไม่ควรจะมาพูดกันผ่านสื่อ เพราะจะทำยิ่งให้เข้าใจผิด
ขณะเดียวกันยอดรัก สลักใจ กล่าวในงานเลี้ยงขอบคุณพี่น้องสื่อมวลชน และคนในวงการบันเทิง ที่หมู่บ้านกฤษดานคร 17 ถนนพุทธมณฑล สาย 3 ว่า ข่าวที่บอกว่าอดีตนายกฯ มาซื้อบ้านนั้นไม่เป็นความจริง ก่อนหน้านี้มีคนทั่วไปติดต่อมา แต่ก็เงียบหายไป รู้สึกงงกับข่าวที่ออกไป แต่เรื่องการรักษาพยาบาลยอมรับว่ามีการคุยกันจริง โดยนายอริสมันต์มาพูดคุยเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ที่ผ่านมา ว่าทางผู้ใหญ่ให้เป็นผู้ประสานเรื่องการรักษาพยาบาล โดยให้ไปทำการรักษาที่โรงพยาบาลพระรามเก้าฟรีทั้งหมด ซึ่งเป็นการช่วยเหลือกันในเบื้องต้น ส่วนจะไปรักษาที่โรงพยาบาลดังกล่าวเมื่อไร กำลังปรึกษาหมอที่โรงพยาบาลศิริราชอยู่ ซึ่งน่าจะไปรักษาหลังสงกรานต์ โดยอาจจะใช้รักษาวิธีบล็อกเส้นเลือด
"ผมยืนยันนะ ว่าเศรษฐีใจบุญที่ว่าไม่ใช่อดีตท่านนายกฯ บอกได้แค่ว่าเป็นเศรษฐีนิรนาม ที่อยากมาช่วยเหลือผมจริงๆ แต่ไม่อยากเป็นข่าว แต่ถ้าทางโน้นจะให้ข่าวก็ให้ไป ผมเข็ดแล้ว เพราะตั้งแต่ที่บอกว่าให้เศรษฐีใจดีมาซื้อบ้าน ผมก็โดนโจมตีกระหน่ำแล้ว ส่วนเรื่องการรักษาโรคด้วยวิธีบล็อกเส้นเลือก คาดว่าหลังสงกรานต์จะให้หมอที่ศิริราชเช็กอย่างละเอียดอีกครั้งหนึ่ง ว่าขั้นตอนการบล็อกจะเป็นอย่างไร ซึ่งในขั้นต้นหมอให้พักผ่อนมากๆ เพื่อจะได้มีพลังในการรักษา" ยอดรัก สลักใจกล่าว
เมื่อถามถึงการรักษาตัวที่ประเทศอังกฤษซึ่งเศรษฐีใจดีจะเป็นผู้ดูแลค่าใช้จ่ายให้ทั้งหมด ว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน นักร้องชื่อดังบอกว่า คงต้องฟังหมอศิริราชเป็นหลักก่อนว่าการรักษาจะออกมาในลักษณะไหน จะรักษาหายหรือดีขึ้นอย่างไร ถ้ารักษาแล้ว แต่ยังไม่หาย ก็คงไม่จำเป็นต้องไปถึงอังกฤษ เนื่องจากเชื่อในความสามารถของหมอศิริราช
"ผมเข็ดแล้ว ถ้ามีข่าวอะไรยังไง ผมจะแจ้งให้สื่อมวลชนทราบอีกครั้งหนึ่ง ข่าวลือต่างๆ อย่าเพิ่งไปหลงเชื่อ จนกว่าจะมีความชัดเจนออกมาจากทางผม ข่าวลือก็คือข่าวลือ อย่างไรก็ตาม อยากฝากผ่านสื่อ แสดงความเสียใจไปถึงครอบครัวของ "น้ำ" เดอะ สตาร์ ที่เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งด้วย เพราะโรคพวกนี้มันเร็วมาก" นักร้องลูกทุ่งรุ่นใหญ่กล่าว
ข่าวส่งเสริมคนดี
-
►
2012
(2216)
- ► กุมภาพันธ์ (291)
-
►
2011
(6486)
- ► กุมภาพันธ์ (466)
-
►
2010
(5119)
- ► กุมภาพันธ์ (541)
-
►
2009
(5406)
- ► กุมภาพันธ์ (290)
-
▼
2008
(3573)
-
▼
เมษายน
(102)
- ปธ.วุฒิสภา ล้ำเส้น ออกความเห็นชี้นำ ค้านการแก้ไข รธน.
- ปัดฝุ่นคดี ปรส. / ดีเอสไอ เดินหน้าส่งอัยการฟ้องสิ้...
- นพ.สุรพงษ์ เชื่อการแก้ไข รธน.ทำให้ต่างชาติมั่นใจไท...
- พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุหากได้เงินคืนจะตั้งกองทุนเอเชีย
- สนนท.ยื่นหนังสือให้สภาฯ ยกเลิก รธน.ปี 50 พร้อมคำสั...
- นายกฯ สั่งปลด ผบ.ตร.ออกจากราชการไว้ก่อน
- อัยการติงคตส.ลัดขั้นตอน! ส่งฟ้องคดีทุจริตกล้าย...
- มท. 1 ไม่เชื่อคำทำนายโหร
- ‘ธีรยุทธ'โผล่อีกแล้ว!แก้ตัวสนับสนุนเผด็จการ...
- 'ทักษิณ' ดึงต่างชาติเป็นวิทยากรแนะนำนักธุรกิ...
- เลิกฝืนความจริงซะทีเถอะ!
- ‘ยูเออี'เชิญอดีตนายกฯ‘ทักษิณ'ปาฐกถา 14-16...
- ประกาศ 'ฉันทามติประชาธิปไตย'ล้มคว่ำ'รัฐธรรมนว...
- 'สมัคร'ยันมีข้าวสำรอง 2 ล้านตันลั่นชาวบ้านไ...
- เปลืองข้าวสุก
- 'มิ่ง'จีบ'อินเดีย-ญวน'ร่วมตั้งราคาข้าวส่ง...
- ฉะ แฉ ฉาว 2
- ทักษิณ ให้ ยอดรัก รักษาที่ โรงพยาบาลพระราม...
- “สมัคร” เชิญสื่อรดน้ำขอพร ช่วงเทศกาลสงกรานต์...
- อย่าปล่อยโอกาสทอง [5 เม.ย. 51 - 02:55]
- รมว.พาณิชย์ เตรียมหารือกับ 2 ประเทศผู้นำการส่งออกข...
- กัญจนาหวั่นเสียสัตยาบัน ค้านแก้รธน.เพื่อล้มคตส. [4...
- กฎหมายกับการยุบพรรค [4 เม.ย. 51 - 15:39]
- พ.ต.ท.ทักษิณ ร่วมงานวันเกิดยงยุทธ ที่เชียงราย
- การุณท้าสมเกียรติลาออกหากผลสอบบอกไม่ผิด
- งูหรือหมองู
- พระหรือโจร?
- กระทรวงศึกษาฯ ตรวจสอบ มธ.ให้พันธมิตรฯเช่าหอประชุม
- “สมัคร”กลับบ้านแล้ว-ฟิตพบสื่อที่ทำเนียบพรุ่งนี้
- คนเชียงรายแห่ต้อนรับ “ทักษิณ” คับคั่ง พร้อมให้กำลังใจ
- ทักษิณเดินสายทำบุญ การเมืองไม่ยุ่งมุ่งทำประโยชน์
- 'อานันท์' จี้รัฐตอบโจทย์แก้รธน.เพื่อใคร
- ‘สดศรี'หนุนแก้รธน.ให้ยุบพรรคทำได้ยาก
- ‘จักรภพ'ยืนยันชัดเจน!ไม่แก้รธน.ถือว่า‘เสียชาติเกิด'
- ชาวพะเยาต้อนรับอดีตนายกฯทักษิณอบอุ่น
- ขบถปราบกบฏ
- สิ่งตกค้างจาก คมช.
- เด้ง ! อธิบดีกรมขนส่งทางบก เรียกผลประโยชน์จากเอกชน
- ยุติธรรมสั่งDSIยกระดับงานสืบสวนสอบสวนเทียบเท่าตุลาการ
- ส.ส.พปช.เตรียมพร้อมสถานที่รับทักษิณ
- ทีมทนาย พ.ต.ท.ทักษิณ ทำเอกสารแจงคดีเอ็กซิมแบงก์ปล่...
- เดิมพันกับหมอ
- แก้ รธน.50 ประชาชนไม่โง่ แล้วใครโง่?
- “กฎหมายและอำนาจยุบพรรคการเมือง พัฒนาหรือวิบากกรรมส...
- ทิศทางการเมืองของเอ็นจีโอพันธมิตร
- จดหมายเปิดผนึกจาก ดร.วรพล พรหมิกบุตร กรณีสื่อเทียม...
- เชื้อชั่วเผด็จการขวางแก้ รธน.
- แก้ไขดีกว่าฉีกทิ้ง
- สวน‘พันธมิตร’ อาชญากรปชต.ตัวจริง * ‘ม็อบไข่ป๋า’ ต้...
- ‘ทักษิณ’ทำพิธีสืบชะตาวันนี้ รับนัด ‘ฮุนเซน’ดวลวงสวิง
- ตามคุ้ยหญิงเป็ด ให้คู่สัญญา สตง. เช่าตึกผัวตัวเอง
- ขีดเส้นตาย 6 เดือน ลุยปราบยาเสพติด ยันไม่มีฆ่าตัดตอน
- 'อนุพงษ์'กำชับกำลังพลห้ามใช้อำนาจบาตรใหญ่
- ‘พปช.'จี้กกต.ตรวจสอบพิมพ์บัตรเลือกตั้งเกินมโหฬาร
- รัฐบาลประกาศสงครามยาเสพติด 300คนชุมนุมหนุน
- อย่าท้ารวมพล
- คน “พันธมิตร” ถ่อยซ้ำกลางสภา – “สมเกียรติ” กร้าวปร...
- รองผู้ว่าฯ กทม. ชิงตั้งโต๊ะ แจงซื้อBRTโปร่งใส! อ้า...
- อดีตส.ว.-สมาคมทนายความ-องค์กรครูผนึกกำลังหนุนแก้รธน.
- “ดร.วรพล” นำทีมนักวิชาการถกรธน.50เพื่อใคร?ประชาชนไ...
- “ทักษิณ”ขึ้นเหนือเดินสายทำบุญ 3-4 เม.ย.นี้ ปลอบขวั...
- ยุทธการ ‘รื้อ...รัฐธรรมนูญโจร'
- ศึกษา รัฐประหาร จังหวะก้าว ทางการเมือง ประสาน การทหาร
- ร.ต.อ.เฉลิมฟ้องหมิ่นประมาทรองโฆษก ปชป.
- กกต.ให้โอกาสพรรคชท.-มฌ.ชี้แจงเพิ่ม 8 เม.ย.นี้
- นายกฯสมัครอาการดีขึ้น-แพทย์แนะพัก.อีก 1-2 วัน
- ส.ส.พปช.228คนลงชื่อขอแก้รธน.
- ผู้ว่าฯเชียงใหม่ชี้รดน้ำดำหัว‘ทักษิณ'เป็นสิทธิส่วนตัว
- "สู่ประชาธิปไตย ต้องยกเลิกกฎหมายท็อปบู๊ตทมิฬ"
- แก้รัฐธรรมนูญ จุดสมดุลระหว่าง ‘ประชาธิปไตย' กับ ‘ก...
- วันนี้มียุบ [2 เม.ย. 51 - 19:00]
- โหมงานหนักพักผ่อนน้อย เหตุนายกฯ สมัครป่วย [2 เม.ย....
- ปฏิวัติ
- 309 กับ 157
- ‘ปุ’ มาแล้ว?
- มั่นใจหลักฐานมัดแน่นไอ้โม่งBRT
- จัดอาหารมงคลรับ‘ทักษิณ’ ทำพิธีขับไล่เสนียด-จัญไร
- มาตรา 309 : ล้างบ้านต้องฆ่าเชื้อ
- จากตำนาน แดง-ไม่รับ ถึง แดง-แก้ไขรธน.50
- กกต.แตะต้องไม่ได้
- พ.ต.อ.ทวี นั่งเก้าอี้ อธิบดี ดีเอสไอ เต็มตัว พร้อม...
- ประมวลภาพงานเปิด คลับทักษิณ สาขาอ่างทอง
- 'ทักษิณ'ออกแถลงการณ์โต้คตส. คดีปล่อยกู้พม่าพรุ่งนี้
- 'สุเทพ'รับเป็นที่ปรึกษา ใครโดนมท.1สอบเรื่องที่ดิน
- ทนายชี้'ทักษิณ'รวยอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องโกงบ้านเมือง
- ยอมรับกันเสียบ้าง
- ของฝากติดมือ”ทักษิณ” [1 เม.ย. 51 - 02:19]
- หนูลองยา [1 เม.ย. 51 - 18:31]
- สรุปเสนอแก้ไข รธน. 5 ประเด็น [1 เม.ย. 51 - 03:11]
- กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้ การตรวจสิทธิ ศรีสุบรรณฟาร์ม ...
- กก.ยกร่างแก้ รธน.มีมติยกเลิกมาตรา 309 เร่งเสนอร่าง...
- คตส.ส่งเรื่องเอ็กซิมแบงก์ปล่อยกู้พม่าให้อัยการสูงสุด
- 30 องค์กรมีมติตั้ง กก.ขับเคลื่อนการแก้รัฐธรรมนูญ
- คิดอย่าง ‘สมัคร’
- จปร.กับ จปร
- หักดิบ!
- 'สนธิ' กับพฤติการณ์แห่งรูปคดี
- กก.ยกร่างแก้รธน.มีมติ เลิก 309-แก้ไข 4 มาตรา
- 'ชูวิทย์'ไล่'เติ้ง'กลับบ้านไปเลี้ยงหลาน
- 'เสนาะ'ชี้แก้รธน.เร็วไป แนะรัฐแก้ปัญหาเศรษฐกิจก่อน
- ► กุมภาพันธ์ (617)
-
▼
เมษายน
(102)
จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม
Powered by web hosting provider . |
มุมพักใจ
มีสติ ไม่เพ่ง ไม่เผลอ
คนไทยทุกคนน่าจะรู้อย่างยิ่ง
- บทสัมภาษณ์ 'ต้องห้าม' ทักษิณ ชินวัตร-จอม เพ็ชรประดับ รายการ'ตัวจริง ชัดเจน'
- นำเงินหวยมาส่งเสริมเด็กเรียน VS รีดเงินบาปจากเหล้า บุหรี ให้เนชั่นทำทีวี : ใครเลว ????
- ไว้อาลัย นพ.สงวน นิตยารัมภ์พงศ์ : ผู้ปิดทองหลังพระโครงการ '30 บาทรักษาทุกโรค'
- บทความ: ตุลาการวิวัฒน์ กลายเป็น ตุลาการศาลเตี้ย
- ***ปฏิกิริยาจากสื่อนานาชาติต่อการยกฟ้อง..คดียุบพรรคพลังประชาชน****
- ว่าแต่เขา [19 ม.ค. 51 - 19:23]
- แถลงการณ์กลุ่ม 24 มิถุนาฯ คัดค้านกฏหมายเผด็จการทำลายสื่อเสรี
- 80 ข้อ ที่ผมไม่เคยรู้เกี่ยวกับในหลวง
- ผู้รับใช้เผด็จการ ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้พิพากษา
- เรายังรอความเป็นธรรมจาก กกต.ชุดนี้ ได้อีกหรือ?
- เอพีตีข่าว‘ทักษิณ'เดินทางออกจากฮ่องกงกลับอังกฤษแล้ว!
- คุณสดศรีครับ ผมไม่สามารถไว้วางใจให้เป็น กกต. ได้แล้วครับ ลาออกไปเสียเถอะครับ
- ขอคารวะท่าน พล.อ.ปอ สี่เสา : ทำบุญก่อนท่านจะละสังขารจากไปเถอะครับ
- วีซีดีทีเด็ดอยู่ที่ไหน?
- นานาปฏิกิริยาจากสังคม หลังเห็นเอกสารลับ " สัมพันธ์ บังธิ-สองแม่ลูก 'สัตยธรรม' "
- สุจริตเที่ยงธรรมยังมีอยู่หรือไม่
- ยุบพรรค พปช. กลยุทธ์ที่หน่อมแหน้ม เพราะเขาก็ยกพรรคไปอยู่พรรคใหม่ วิญญาณเก่าในร่างใหม่
- อย่าโกงประชาชน
- Thailand's Thaksin Supporters Accuse Opponents Employing 'Dirty Tricks'
- ใบแดงที่ไม่เป็นธรรม ไม่ใช่โกงทักษิณ แต่เป็นการโกงชาวบ้าน มันจึงเป็นฉนวนไปสู่จลาจล
- ประจานทั่วโลก!‘รัฐประหารเงียบ'สกัด‘พปช.'
- กกต.ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน โปรดฟังอีกครั้งหนึ่ง !
- กทม.เมืองเทวดาแพ้ศัตรู คือความสูญสิ้น ดังนั้นต้องไม่แพ้พระอินทร์ สั่งมา (ต้องอ่านให้ได้ครับ)
- เปิดวิสัยทัศน์แก้วิกฤติเศรษฐกิจไทย สไตล์ 'ทักษิณ ชินวัตร'
- 'มิ่งขวัญ' เสนอนโยบายพรรคในรายการตัวจริง ชัดเจน
พลังประชาชนอ่านยัง
- ทักษิณ กับ เทพชัย หย่อง กรณีขายหุ้น และ ผลประโยชน์ทับซ้อน
- นักรบไซเบอร์ (Cyber Warrior) อินเตอร์เน็ต รัฐประหาร และประเทศไทย
- ปล้น
- เหรียญเปรมเหมาะสมหรือไม่
- อนุดับเพลิง คตส.ชี้ อภิรักษ์ ไม่ผิดทุจริตรถ-เรือดับเพลิง
- …พลังประชาชน ฆ่าอย่างไรก็ไม่ตาย !...
- คตน.สรุปไร้หลักฐานฟัน'ทักษิณ' สั่งฆ่าตัดตอนปี46
- “กฎหมายไม่ใช่ตัวยุติธรรม แต่เป็นเครื่องมือให้เกิดความยุติธรรม”
- และแล้วทีไอทีวี ก็เรียบร้อยโรงเรียนโจร ไปตามระเบียบคมช. !!!
- รัฐรีดสนุกมือสนับสนุน 'ทีวีสาธารณะ' [16 ม.ค. 51 - 04:24]
- สองขั้นอัปยศ : การทำรัฐประหารเป็นความดีความชอบ เข้าขั้นเสียสติแล้ว
- ITV ย้อนรอยเหตุการณ์นับแต่ก่อตั้ง จนถูกสั่งปิดเมื่อคืน
- เทพชัย-เนชั่นผงาด 5อรหันต์ทีวีสาธารณะ [15 ม.ค. 51 - 12:38]
- เงื่อนไขหน้าด้านๆของขันที
- ผู้รับใช้เผด็จการ ไม่มีคุณสมบัติเป็นผู้พิพากษา
- เรายังรอความเป็นธรรมจาก กกต.ชุดนี้ ได้อีกหรือ?
- เอพีตีข่าว‘ทักษิณ'เดินทางออกจากฮ่องกงกลับอังกฤษแล้ว!
- เปิดใจประธานเรือใบ1, 2, 3
- 'ประดาบ'คุยกับตัวเอง
- สำนึกแห่งไทย สำนึกแห่งความจงรักภักดี สำนึกที่มีต่อพระมหากษัตริย์ของคนไทย
- พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ 'ก้อนกรวดในรองพระบาท'
- ชีวิต(บัดซบ)ของ...อี๊ด
- เพราะฉะนั้น จึงรักกันเช่นฉะนี้
- รวมงานเขียนบาดใจคนคด ของ รอยคมประดาบ (ชอบก็ต้องอ่าน ไม่ชอบก็ยิ่งต้องอ่าน)
- สมุดปกม่วง
Links
- Hi Thaksin (Th)
- ชมรมคนคิดถึงทักษิณ
- กลุ่มพลเมืองภิวัฒน์
- Welovethaksin (Th)
- Hello Hello KonThaiUK!
- Thinking in Ink (Th/Eng)
- Thaksin Come Back (Th)
- Truethaksin.com (Th/Eng)
- Siam Freedom Fight (Th/Eng)
- Thaksin.wordpress.com (Th/Eng)
- Thai Press Log บล็อกบันทึกสื่อชั่ว
- ดาวเมือง บล็อคข่าวขับไล่เผด็จการ
- Thai E-News ข่าวสารที่คุณไม่อาจหาอ่านได้จากสื่อ
- นิพพาน ปฏิบัติใหม่ๆ อยากไปนิพพาน