บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพฤหัสบดีที่ 3 เมษายน พ.ศ. 2551

ขีดเส้นตาย 6 เดือน ลุยปราบยาเสพติด ยันไม่มีฆ่าตัดตอน

รัฐบาลประกาศเดินหน้าปราบปรามยาเสพติดอย่างจริงจัง ภายใต้ปฏิบัติการ "รวมพลังประชาไทย พ้นภัยยาเสพติด" ขีดเส้น 6 เดือนก่อนประเมินผลความสำเร็จ พร้อมกับเร่งประชาสัมพันธ์เพื่อไม่ให้เกิดผู้เสพหน้าใหม่ “สมชาย” ยืนยันไม่มีการฆ่าตัดตอนอย่างที่มีคนพยายายมกล่าวหาแน่

เมื่อตอนสายวันที่ 2 เมษายน ที่ผ่านมา นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดปฏิบัติการ "รวมพลังประชาไทย พ้นภัยยาเสพติด" ซึ่งจัดโดยศูนย์อำนวยการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด(ศอ.ปส.) ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยมีร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ยุติธรรม นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข นายพงศ์โพยม วาศภูติ ปลัดกระทรวงมหาดไทย นายกิตติ ลิ้มไชยกิจ เลขาธิการปปส. พร้อมด้วยผู้ว่าราชการจังหวัดและหัวหน้าส่วนข้าราชการที่เกี่ยวข้อง ทหาร ตำรวจ ร่วมงานอย่างคับคั่ง

นายสมชาย กล่าวมอบนโยบายว่าท่านนายกรัฐมนตรีป่วยกระทันหันไม่สามารถมาร่วมงานได้ แต่ถ้าเลื่อนกำหนดการไปวันเวลาก็ไม่รอคอยยาเสพติดก็เพิ่มทุกวัน ท่านจึงมอบหมายให้มาทำหน้าที่แทน ทั้งนี้นโยบายการปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาลชุดนี้จะเริ่มเอาจริงเอาจังและมีการประเมินความสำเร็จตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. – 30 ก.ย. ภายใต้กลยุทธ์ที่มีสโลแกนว่า “3 ลด 3 เพิ่ม 3 เน้น”

นายมชาย กล่าวตอนหนึ่งว่า นโยบายปราบปรามยาเสพติดอยู่ในทุกรัฐบาล และรัฐบาลนี้แถลงต่อสภาว่ามุ่งมั่นจะปราบปรามซึ่งเป็นสัญญาประชาคมที่ให้ไว้ อย่างไรก็ตามการปราบปรามนั้นขึ้นอยู่เพียงว่าในยุคใดสมัยใดที่มีความเข้มเข้นเน้นหนักเอาจริงเอาจังเอาจังแค่ไหน ซึ่งบางรัฐบาลที่ผ่านมาก็เอาจริงเอาจัง เด็ดขาดและยาเสพติดลดปริมาณจำนวนมาก แต่ก็ยังมีปัญหาเกิดขึ้นซึ่งเป็นการบั่นทอนความรู้สึกและความตั้งใจของผู้ปฏิบัติที่ดำเนินการ แต่สุดท้ายตนเชื่อว่ารัฐบาลที่มานั่งทำงานจะต้องมองถึงปัญหาและมองสวัสดิภาพและความสุขของประชาชนเป็นที่ตั้ง

พร้อมกันนี้ยังได้อธิบายถึงปัญหาฆ่าตัดตอนว่า ยาเสพเป็นเรื่องของการทำผิดกฎหมายอย่างหนึ่งตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ ที่ว่าผู้ใดมีไว้หรือผู้ใดค้าก็มีความผิดตามกฎหมาย ซึ่งเมื่อก่อนเป็นการประกาศสงครามกับยาเสพติดก็ทำให้มุมมองกลายเป็นว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่เหมือนจะไปฆ่าฟันทำลาย ทำร้ายร่างกายประชาชน ทั้งที่คิดง่ายๆว่าเป็นการทำผิดกฎหมายอย่างหนึ่ง ซึ่งเจ้าหน้าที่บ้านเมืองมีหน้าที่ต้องดูแลและปราบปราม

“คนทำผิดกฎหมายทุกคนต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่ว่าทหาร ตำรวจหรือคนที่มีส่วนในการช่วยเหลือดูแลก็ต้องดำเนินการทุกอย่างเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ผู้มียาเสพติด ผู้ค้ายาเสพติดต้องถูกดำเนินคดี จริงๆแล้วผมคิดว่าถ้าพูดง่ายๆก็พูดว่าการเน้นในการดำเนินคดีกับผู้มีความผิดตามกฎหมาย แต่พอพูดเป็นเรื่องสงคราม ทำให้มุมมองแตกต่างไป”

นายสมชาย กล่าวอีกว่า สำหรับรัฐบาลชุดนี้เพื่อไม่ให้ไขว้เขวกับความรู้สึกไม่ว่าจะด้านใดก็ตาม อยากะจะเรียนว่าสิ่งที่รัฐบาลต้องการเอาจริงเอาจังกับการดำเนินการจับกุมหรือดำเนินการทางการเงินกับผู้ค้ายา ผู้ทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติดจึงเป็นที่มาของการรวมพลังประชาไทยพ้นภัยยาเสพติด

“เพื่อความเข้าใจกัน ไม่ใช่นโยบายที่ต้องการให้ทำร้ายร่างกายหรือฆ่าใคร เดี๋ยวจะเบนเป็นประเด็นเรื่องของการฆ่าตัดตอนกันอีก และอยากเรียนว่าผู้ค้ายาหรือผู้มีครอบครองมีความผิดทางกฎหมายจะต้องถูกจับกุมและทำดำเนินคดีโดยผู้มีหน้าที่โดยตรง”

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมาตนไม่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่จะไปฆ่าใคร แต่การที่มีคนตายโดยเจ้าหน้าที่นั้นมีกฎหมายรองรับและประมวลกฎหมายอาญามีชัดเจน “ผู้ใดกระทำเพื่อป้องกันภยันตราย ที่จะมาถึงแล้วป้องกันไปตามสมควรแก่เหตุ” ตรงนี้เห็นชัดเจนว่าไม่มีเรื่องที่จะฆ่าคน ไม่มีเรื่องที่จะทำร้ายคน แต่ถ้าเขาฆ่ากันเองก็ดำเนินคดี จะได้ตัดปัญหาที่ว่านโยบายฆ่าตัดตอน ซึ่งนโยบายนี้ไม่มีและท่านนายกเน้นย้ำมาแน่นอน เพราะรัฐบาลเป็นห่วงเจ้าหน้าที่ทุกท่านในการดำเนินการเรื่องนี้รวมทั้งที่ผ่านมาก็ตาม

นโยบายจะสวยอย่างไรก็ตามหากเจ้าหน้าที่ไม่ทำงาน ไม่สนใจ รวมทั้งหากรัฐบาลก็ไม่สามารถก็ไม่สามารถสื่อสารกับผู้ปฏิบัติ ไม่สามารถทำความเข้าใจหรือไม่มีความเห็นอกเห็นใจกับผู้ปฏิบัติ ทุกอย่างก็จะไม่ประสบความสำเร็จ ฉะนั้นตั้งแต่สวัสดิการหรือการดูแลเราก็ต้องเข้าอกเข้าใจผู้ปฏิบัติ ดังนั้นจะต้องเห็นอกเห็นใจซึ่งกันและกัน มิฉะนั้นจะล้มเหลว

นายสมชาย กล่าวอีกว่า ในเรื่องของการป้องกันยาเสพติดท่านนายกได้มอบหมายให้ ร.ต.อ.เฉลิม ซึ่งทุกฝ่ายไม่ว่าราชการ ตำรวจ กองทัพ ฝ่ายปกครองและประชาชนต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง นอกจากนี้ต้องมีการให้ความรู้กับเยาวชนชองชาติที่อาจจะเป็นผู้เสพรายใหม่ว่าการเสพยาไม่ได้โก้ไม่ได้เก๋ ดังนั้นต้องให้นโยบายว่าต้องเสียสละเวลาในวิชาต่างๆในการสร้างความเข้าใจกับเด็กในเรื่องพิษภัยของยาเสพติดเพื่อไม่ให้เข้าไปอยู่ในวงจรอุบาท

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าภายหลังพิธีนายสมชาย ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงระยะเวลาที่มีการกำหนดระหว่างวันที่ 1 เม.ย.-30 ก.ย.ว่า การปราบปรามทำตลอดทุกปีแต่อยู่ที่ว่าใครจะทำจริงหรือไม่จริง แต่ช่วงนี้เป็นช่วงที่ต้องเข้มข้นและเน้นย้ำ เพราะเป็นรัฐบาลใหม่ ต้องการทำจริงจัง และไม่ใช่ว่าจะครบกำหนด 30 ก.ย.แล้วจะหยุดดำเนินการ จะต้องประเมินจุดดีจุดเด่นจุดด้อยว่าอยู่ตรงไหน

“ไม่ใช่นโยบายการฆ่าตัดตอนอะไร การทำความผิดเรื่องยาเสพติดเป็นเรื่องของการทำผิดพรบ.ยาเสพติด เพราะฉะนั้นทางที่ดีคือดำเนินคดีกับทุกคน ที่ผิดตามพรบ.นี้ ไม่ใช่เรื่องที่ไปฆ่าใคร แล้วก็ตำรวจหรือผู้เกี่ยวข้องทั้งหลายต้องไม่ไปฆ่าหรือทำร้ายประชาชน เว้นแต่เรื่องที่ว่าเท่าเทียมตามกฎหมายคือป้องกันตัวของเขา ซึ่งต้องไปขึ้นศาล รวมทั้งวิสามัญก็ต้องไปขึ้นศาล และตำรวจต้องระมัดระวังไม่ให้เขาฆ่ากันเอง ถ้าใครฆ่ากันต้องจับมาดำเนินคดีทันที จะได้รู้ว่าใครเป็นคนร้าย”นายสมชาย กล่าว



ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker