“กระแสข่าวการปฏิวัติเราไม่ต้องตรวจสอบ ผมมั่นใจ และผมได้รับรองท่านนายกฯไปแล้วเมื่อสักครู่นี้ ไม่ต้องมีการตรวจสอบอะไร เพราะถ้ามีอะไรผมก็รับผิดชอบ เมื่อผมยืนยันไปแล้วผมก็รับผิดชอบอยู่แล้ว”
น้ำเสียงเข้มๆของ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ให้สัมภาษณ์นักข่าวที่สนามบินดอนเมือง ก่อนขึ้นเครื่องบินร่วมคณะ “ลุงหมัก” นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไปปฏิบัติภารกิจที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว
ท่ามกลางกระแสข่าวความพยายามวางแผนรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลที่ถูกจุดพลุออกมาโดยเจ้ากรมข่าวใหญ่อย่าง “ลุงหมัก”
ดักคอดังๆไปทั้งบ้านทั้งเมือง
เรื่องของเรื่องก็เลยต้องรีบรายงานตัวกันทันทีทันควัน “บิ๊กป๊อก” การันตีในยุคคนชื่อ “อนุพงษ์” นั่งจ่าฝูงกองทัพบก รถถังไม่ติดเครื่องออกจากค่ายมาล้อมทำเนียบรัฐบาล
ดุดัน ขึงขัง จริงจัง
อย่างน้อยก็ทำให้คนขี้ระแวงอย่าง “สิงห์เหลิม” ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รมว.มหาดไทย ออกมาสำทับความมั่นใจ เมื่อคนพูดเป็น พล.อ.อนุพงษ์ เชื่อว่าจะไม่ซ้ำรอย
เพราะ พล.อ.อนุพงษ์มีบุคลิกทหารอาชีพเหนือกว่า “บิ๊กบัง” พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีต ผบ.ทบ.และอดีตประธาน คมช.
งานนี้น่าจะได้ใจกันไปเยอะ
สังเกตจากอารมณ์กะหนุงกะหนิงระหว่างรอประชุมอยู่ที่ประเทศลาว “ลุงหมัก” ควง “บิ๊กป๊อก” เดินซื้อปาท่องโก๋ หมูหัน ไก่ย่าง ออกชมตลาดเช้าท่าหลวง นครเวียงจันทน์ ด้วยความสบายอกสบายใจ
ไม่มีร่องรอยของอาการหวาดระแวงกันแต่อย่างใด
กลายเป็นคู่ซี้คอเดียวกันไปเลย
เบอร์หนึ่งทำเนียบรัฐบาลกับเบอร์หนึ่งกองทัพบกเหมือนเงาตามตัว ไปไหนไปด้วยกัน โดยรูปการณ์กระแสข่าว “ปฏิวัติ” ก็คงจะค่อยๆซาลงไป
ดูยังไงก็ยังไม่เห็นจังหวะเหมาะที่จะก่อการใหญ่
ก็แม้แต่จดหมายน้อยเตือนปฏิวัติที่ “ลุงหมัก” ออกมาอ้าง แฉขบวนการวางแผนก่อรัฐประหาร ยังติดติ่งไว้ด้วยว่า ขบวนการล้มโต๊ะยังหาเหตุที่จะเอามาอ้างในการขับไล่ไม่ได้ ในเมื่อรัฐบาลเพิ่งเข้ามาบริหารประเทศไม่ทันถึง 2 เดือน
ไม่ใช่ปุบปับจะสั่งรถถังออกมาวิ่งได้
อีกทั้งเงื่อนไขที่จะนำไปสู่การหักดิบที่ทำท่าตั้งเค้า เอาเข้าจริงก็จุดไม่ติด
แค่ขู่ดูเชิง ดึงราคา หาที่ยืนในเกมผลัดอำนาจ
วัดจากปรากฏการณ์ กระแสต่อต้าน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี กลับเมืองไทย ที่ตอนแรกทึกทักจะเอาเป็นเอาตาย
แต่ล่าสุด อดีตนายกฯทักษิณบินกลับมาเมืองไทยเป็นรอบที่สอง กลายเป็นข่าวต่อการเมืองในหน้าหนังสือพิมพ์
ทั้งกองเชียร์ ทั้งม็อบไล่ ไม่ตื่นเต้นแล้ว
อย่างไรก็ตาม แม้จะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนไฟลท์แรกที่กลับมาเหยียบแผ่นดินมาตุภูมิ คราวนี้มีเพียงลูก เมีย รัฐมนตรี ส.ส.และคนใกล้ชิดไปรอรับกันพออบอุ่น
แต่โดยฟอร์มของสุดยอดนักบริหาร ยี่ห้อของซีอีโอที่สมองไม่เคยอยู่เฉย กลับมาเที่ยวนี้อดีตนายกฯทักษิณไม่วายมีของติดไม้ติดมือกลับมาฝาก
ด้วยผลงานการชวนเพื่อนนักธุรกิจมหาเศรษฐีระดับโลก คนหนึ่งเชี่ยวชาญด้านพลังงานไบโอดีเซล แก๊สโซฮอล์ จะมาลงทุนด้านพลังงาน อีกคนเป็นมหาเศรษฐีติดอันดับ 1 ใน 10 ของโลก ที่เตรียมขนเงินเข้ามาลงทุนเรื่องเหล็กในประเทศไทย
โชว์เครดิตระดับอินเตอร์
“ทักษิณ” ยังทำคะแนนต่อเนื่องในเรื่องของความเป็นมือบริหารระดับเซียน ชั้นเชิงทางเศรษฐกิจที่ได้รับการยอมรับทั้งในและต่างประเทศ
ครองตำนานผู้นำเก่งครบเครื่อง ความหวังกินดีอยู่ดีที่ประเทศไทยไม่เคยมี
และในเดือนเมษายนนี้ อดีตนายกฯทักษิณมีโปรแกรมจะเดินทางกลับไปทำบุญไหว้บรรพบุรุษ และเล่นสาดน้ำสงกรานต์ที่บ้านเกิดจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมกับเปิดโอกาสให้ ส.ส. อดีตลูกพรรคไทยรักไทยเข้ารดน้ำดำหัว
นอกจากกลับไปเยือนฐานใหญ่ภาคเหนือแล้ว อดีตนายกฯทักษิณยังวางโปรแกรมเดินสายทำบุญในภาคอีสาน ถิ่นที่กองเชียร์แน่นหนาที่สุด
ประคองเกมรักษาเรตติ้งไปพลางๆ.
ทีมข่าวการเมือง รายงาน