ห่างหายจากการเป็น“คอละคร” ไปนานเอาการ..ย้อนนึกกลับไปถึงละครเรื่องที่ผู้เขียนได้ดูจริงจัง และสามารถปะติดปะต่อเรื่องได้ “แม่นยำ”ก็ต้องเป็นเรื่อง “คมแฝก 1” ที่มีป๋อ ณัฐวุฒิ สกิดใจ เป็นพระเอกจะว่าไปแล้ว! ละครโทรทัศน์หากดูด้วย “สติ” ไม่เอามันส์เพียงอย่างเดียว บทละครแต่ละเรื่องสามารถ
สะท้อน “ความจริง” ของสังคมให้ได้คิดไม่มากก็น้อย“ดอกบัวขาว” ละครโทรทัศน์ช่อง 7 สี ...1 เรื่องที่ผู้เขียนได้สวมบท“คอละคร” อีกครั้งแม้ว่าละครจะจบไปนานแล้ว ทว่าบทละครบางมุมสะท้อน“วิถีการเมืองไทย” ได้อย่างใกล้เคียงเนื้อหาละครดอกบัวขาวเวียนวนอยู่กับเรื่องความอิจฉาริษยา แย่งชิงมรดก แย่งชิงผู้ชายมีนางเอกที่ใสซื่อบริสุทธิ์ เปี่ยมไปด้วยจิตใจที่โคตรจะดีงาม เพราะคำสั่งสอนของมารดาที่พร่ำบอกก่อนสิ้นใจว่าให้“เสียสละ”มีพระเอกเป็นนักธุรกิจรูป
หล่อ ร่ำรวยเป็นนักเรียนนอกมีนางร้ายแสนสวยที่ตอหลดตอแหลเป็นไฟแลบ วันๆ หมกมุ่นอยู่แต่เรื่องเลวร้าย แม้จะมีพ่อเป็นนายทหารระดับสูงแต่พ่อก็เข้าใจผิดแม่นางเอก (เมียที่โดนขืนใจ) และแสดงอาการจงเกลียดจงชังมาถึงลูก (นางเอก)มีตัวละครฝ่ายธรรมะที่แทบจะเป็นนางฟ้าในเทพนิยาย มีเหตุการณ์ที่ทำให้นางเอกผู้น่าสงสารต้องโดนย่ำยีตลอดเรื่อง เรียกได้ว่าครบสูตรละครน้ำเน่าทุกประการแม้ละครจะเน่าแต่หากพิจารณาให้ถี่ยิบแบบเฟรมต่อเฟรม “น้ำดี”ก็มีอยู่
มาก.. นี่คือเหตุผลที่ทำให้ผู้เขียนสวมวิญญาณ “คอละคร” ในช่วงเวลา “ว่าง” หรือ “เซ็ง” กับบรรยากาศการเมืองไทยการเมืองไทยเน่ายิ่งกว่าละคร!การเมืองไทยแย่งชิงกันจอสะเทือน!การเมืองไทยอิจฉาริษยากันยิ่งกว่าเรื่องที่อุปโลกขึ้น!ร้ายกว่านั้น??! การเมืองไทยก็มีแต่เรื่องเดิมๆบทเก่าๆผู้แสดงทั้งหน้าเก่าหน้าใหม่ก็ยังตีบทกันไม่ค่อยแตก แสดงกันไปคนละทางสองทาง แย่งบทกันบ้างลืมบทของตัวเองบ้างหรือไม่ก็คอยแต่เงี่ยหูฟังคนบอกบทข้างฉากที่สำคัญก็คือ
อะไรที่มีอยู่ในละครโทรทัศน์ก็มีอยู่ในการเมืองไทยไม่ว่าจะเป็นตัวพระ ตัวนาง ตัวโกง นางร้าย นางอิจฉา รวมทั้งความเจ้าเล่ห์เพทุบาย การโกหกมดเท็จอย่างหน้าด้านๆการท