สมัคร สุนทรเวช...เป็นนักการเมืองที่แวดวงสื่อมวลชนรู้กันเป็นอย่างดีว่า มีวาจาที่เผ็ดร้อน และมักมีวิวาทะหนักแน่นกับสื่อมวลชนอยู่เสมอ
ช่วงเลือกตั้งปลายปี 2550 ยิ่งมีวิวาทะกับสื่อหลายครั้ง เมื่อครั้งที่นักข่าวถามถึงปัญหาภายในพรรค นายสมัครตอบว่า... "เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่สามารถบอกได้"
แต่นักข่าวถามซ้ำหลายครั้ง นายสมัครจึงถามย้อนว่า "เมื่อคืน...ไปเสพเมถุนกับใครมาหรือเปล่า"
กรณีนี้เป็นข่าวดังอยู่นานทีเดียว แต่อีกมุมหนึ่งก็ชวนให้คิด สะท้อนหัวใจตรงกันข้ามที่ว่า การที่สื่อตั้งคำถามบางมุม...เป็นการละเมิดสิทธิส่วนตัว?
นับเนื่องจากวิวาทะการเมืองของชายชื่อสมัคร สุนทรเวช...ทำให้ วันที่ 3 พฤษภาคม 2551 "วันเสรีภาพสื่อมวลชนโลก" องค์กรวิชาชีพสื่อได้แถลงผลการศึกษาเรื่อง "(วิ) วาทกรรมสมัครกับสื่อ"
สรุปว่า...ตั้งแต่ช่วงที่เข้ามารับเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ท่านสมัครใช้กลยุทธ์การสื่อสาร ที่ทำให้การสื่อสารสองทาง...เป็นการสื่อสารทางเดียว
ใช้ภาษาข่มขู่ รุนแรง ดุเดือด เลี่ยง เบี่ยงเบน บิดเบือน และทำให้หลงประเด็น...พูดความจริงบางส่วน หรือพูดเท็จบ่อยๆ ทำให้ความชอบธรรมกลายเป็นความไม่ชอบธรรม ลดทอนน้ำหนักของประเด็นคำถาม สร้างเรื่องใหม่ขึ้นมา...กลบเกลื่อนประเด็นสำคัญ
นี่คือจิ๊กซอว์ชิ้นเล็กๆที่ปะติดปะต่ออยู่ในฉากชีวิตที่ยิ่งใหญ่...ที่มีอีกหลายมุมที่หลายคนไม่เคยล่วงรู้
"เวลาอยู่หน้ากล้อง คุณสมัครอาจจะดูโผงผาง พูดจาเสียงดัง...เหมือนเป็นภาพลักษณ์โลโก้เฉพาะตัว ให้เห็นว่าเป็นนักการเมืองที่ตรงไปตรงมา"
วันธนา ชีวะดุษฎี ผู้สื่อข่าวการเมือง ประจำทำเนียบรัฐบาล หนังสือพิมพ์ ไทยรัฐ ทำข่าวคลุกคลีกับคุณสมัคร สุนทรเวช มานานกว่า 15 ปี บอก
ทว่าเบื้องหลัง...นักการเมืองที่ดูกร้าวแข็งคนนี้ เป็นคนที่รักครอบครัว ยามว่างก็เข้าครัวทำกับข้าว คุยกับต้นไม้ บุหรี่ สุรายาเมา...ก็ไม่เคยแตะ
กับคนใกล้ชิด แม้แต่กับสื่อ ต่อหน้ากล้องอาจจะดูเหมือนว่าเป็นการปะทะอารมณ์กัน ถือเป็นฉากหนึ่งของการแสดงโต้ตอบ...
เคยพูดเปิดใจระหว่างกัน คุณสมัครบอกกับวันธนาว่า "ไม่ได้...เป็นการทะเลาะ ไม่ได้มองสื่อเป็นศัตรู แต่เป็นเรื่องสนุกดีที่ได้โต้ตอบกันทางความคิด"
อีกมุมหนึ่งก็เป็นการสอน คลื่นลมสงบแล้ว ก็จะมานั่งพูดคุยกัน "รู้มั้ย? ทำไมเขาถึงพูด เพราะอะไรถึงทำอย่างนี้ เขาต้องการอะไร..." เป็นเบื้องหลังของแต่ละเรื่อง แต่ละปม...ที่คุณสมัครสอนไปถึงการมองคน มองให้ทันเกม
อาจเป็นเพราะความใกล้ชิดสนิทสนม ทำให้วันธนามีโอกาสรู้จักฉากชีวิตที่ลึกไปกว่าฉากที่เห็นในหน้าจอโทรทัศน์ หน้าหนังสือพิมพ์ ที่ต้องย้ำว่า...สมัคร สุนทรเวช คนนี้ เป็นคนที่มีจิตใจเอื้ออาทรกับสื่อมากทีเดียว
"ท่านเป็นผู้ใหญ่ที่อบอุ่น มีความสม่ำเสมอ ซื่อสัตย์ต่อตัวเอง ไม่คิดคดทรยศหักหลังใคร"
เคยไปทำข่าวด้วยกันหลายครั้ง ทุกครั้งก็จะมีการนัดหมาย แต่คุณสมัครก็ยังเป็นคุณสมัคร ที่จะต้องมีการวางกรอบกติกา
ที่ต้องรู้กันโดยเฉพาะในหมู่นักข่าว คุณสมัครจะไม่ชอบให้ใครฝ่าฝืนกฎที่ตั้ง เพราะเป็นคนเจ้าระเบียบ จะเกลียดที่สุดคือ การไม่รักษาคำพูด
"ถ้าแกขอว่า อย่าตาม...ก็อย่าตาม"
สอดคล้องกับวาทกรรมเผ็ดร้อน โดยเนื้อแท้แล้ว คุณสมัครเป็นคนอย่างนั้นเอง บุคลิกตรงไปตรงมา แต่คนส่วนใหญ่ที่รู้จัก ได้เห็นแค่มุมเดียว...มุมต่อหน้าสื่อ
ภาพที่ออกมาจึงเป็น สมัคร สุนทรเวช...ดุดัน หาว่า... "ไอ้สมัคร... สำราก"
ขณะที่มุมอ่อนโยนก็มี แต่ไม่ค่อยหวือหวา...รักสัตว์ ทำกับข้าว
วันธนา บอกว่า กติกาที่วางเอาไว้ระหว่างสื่อกับตัวคุณสมัคร เป็นไปตามครรลองของระยะห่างระหว่างกัน
"คุณสมัครเคยพูดว่า คนเรามันไม่ได้ ต้องเคารพความเป็นส่วนตัวกันบ้าง... ไม่ใช่ว่าจะทำข่าวตามกันทุกฝีก้าว ทุกเวลา นาที จะไปขี้...ไปเยี่ยว ไปทำธุระ ก็ยังตาม จะไปตามอะไรกันนักหนา"
ภาพล่าน่าจะเป็นที่ตลาด อ.ต.ก. การโต้ไปมากับสื่อ พูดเสียงดัง น่าจะทำให้หลายคนงง แต่กับวันธนามองว่าเป็นเรื่องแสนจะธรรมดา
นัยความหมายที่ว่านี้ เป็นเพราะจุดยืนที่มั่นคงในตัวเองนั่นเอง
"คุณสมัครเป็นคนที่ถ้าได้ตัดสินใจอะไรแล้ว ได้เชื่อในเรื่องใดที่คิดแล้ว ก็จะยืนยันในความคิดนั้นเป็นเด็ดขาด...กูขวาก็จะขวาเลย ไม่มานั่งโกหกเสแสร้งปั้นหน้า"
นักการเมืองแบบนี้...ไม่ใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ ณ วันที่ นายสมัคร สุนทรเวช ยังมีตำแหน่งต่ำต้อย ล้มเหลว ไม่ประสบความสำเร็จ...ก็เป็นอย่างนี้ วันที่ได้ เป็นนายกฯ...ก็เป็นอย่างนี้ ยังพูดเหมือนเดิม...
"ไม่ได้หรอก มันต้องเคารพสิทธิซึ่งกันและกัน"
ครั้งหนึ่งสมัยเลือกตั้งใหญ่ คุณสมัครก็นัดพาผู้สื่อข่าวที่ไปทำข่าว ระหว่างรอก็ให้ไปนั่งปิกนิกที่สนามหญ้า...พุทธมณฑล
ทำไม? ต้องไปปิกนิก?
วันธนาเดาว่า คุณสมัครมีความใกล้ชิดกับวัด มีสัมพันธ์อันดีกับพระ เวลาว่างก็มักจะเข้าวัด ไม่ได้ไปสวดมนต์ นั่งสมาธิ แต่ไป...สนทนาธรรม
"สมัคร สุนทรเวช นอกจากจะเป็นขวัญใจของสีเขียว...ทหารแล้ว ยังเป็นขวัญใจของพระด้วย มักจะได้รับเชิญไปบรรยายอยู่บ่อยครั้ง"
ที่น่าสนใจ...บางครั้งหัวข้อที่รับบรรยายก็ไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องทางธรรมสักเท่าไหร่ กลับเป็นเรื่องของการเมือง เรื่องของบ้านเมือง การบริหารประเทศ แต่ก็บรรยายให้เข้ากับสถานการณ์ที่อยู่ในวัดวาอารามได้อย่างดี
ขณะที่บางเรื่อง...ก็ไม่เกี่ยวกับการเมืองด้วยซ้ำ คุณสมัครก็ยังไปบรรยายให้พระฟัง
วันไหนว่างๆ บางทีก็ชวนนักข่าวไปเดินตลาด ผ่านร้านโน้นร้านนี้ก็จะแนะนำให้ซื้อไอ้โน่นไอ้นี่...ซื้อให้ตัวเองแล้วก็ซื้อเผื่อนักข่าวด้วย ความรู้สึกเหมือน...ญาติผู้ใหญ่ซื้อขนมเลี้ยงเด็ก ไม่ใช่นักการเมืองเลี้ยงข้าวลูกน้อง
"บุคลิกนี้ไม่ใช่แค่ความใจดี แต่คุณสมัครเป็นคนที่มีนิสัยชอบจัดการ ชอบดูแล อำนวยการ...นิสัยแบบคนโบราณ"
ขนาดถ่ายรูปก็ยังจัดการขยับนิดเขยื้อนเข้าไปหน่อย เฟรมต้องอย่างนั้น... อย่างนี้ หรือถ้าจะถ่ายรูปชุดใหญ่...โปสเตอร์หาเสียงก็จะมานั่งเลือกรูปเอง ยิ้มยังไง หน้ายังไง มุมยังไง...เป็นคนที่ละเอียดสุดๆทุกขั้นตอน
บางคนก็เห็นว่า คุณสมัครดูแลมากจนเหมือนเป็นคนเผด็จการ สั่งทุกอย่าง
วันธนา บอกอีกว่า ลุงใจดีคนนี้ เวลาโกรธใคร...จะสังเกตได้ชัดเจนว่าจะเงียบ และไม่พูดด้วย ลองใครที่คุณสมัครไม่พูดด้วย ไม่เอ่ยถึง...ก็พึงรู้ตัวไว้เลย
ด้วยความเป็นคนช่างจัดการ อีกมุมหนึ่งคุณสมัครก็เป็นคนที่มีความรู้ระดับคลังข้อมูล ไม่เฉพาะเรื่องการเมือง ยังคุยในเรื่องวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี...คมนาคม ถนนหนทาง รวมไปถึงประวัติศาสตร์แบบที่ฟังแล้วหลับไม่ลง
"ชี้ไปที่ต้นไม้ต้นหนึ่ง...ก็พูดได้เป็นเรื่องๆ ชี้ไปที่ศาลาว่าการจังหวัดหนึ่ง...ก็เล่าถึงประวัติที่มา มีความเป็นไกด์ในตัว...บรรยายได้ตลอดเวลา"
เรื่องราวทั้งหมดที่วันธนาพูดมา เพราะทำข่าวคลุกคลีกับนายสมัคร สุนทรเวช มานานกว่า 15 ปีเต็ม จนวันธนาเรียกนายสมัครอยู่สองอย่างว่า "ลุง..." ซึ่งบางคนก็ล้อท่านว่า "ลุงหมัก...รักแมว" กับ "ท่านรอง"
โดยเฉพาะคำว่าท่านรอง จะเรียกมากหน่อย ในช่วงที่มีบทบาทมากยุคที่เข้ามาทำงานในทำเนียบรัฐบาลในตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี
นับตั้งแต่ 18 ปีที่แล้ว...ที่วันธนาถูกส่งไปทำข่าวพรรคประชากรไทย กระทั่งการเมืองไทยผ่านร้อนผ่านหนาวมาถึงวันนี้ การจากไปของนายสมัคร สุนทรเวช ทำให้รู้สึกเหมือนว่า...ได้สูญเสียผู้ใหญ่ที่เคารพรักไปอีกคนหนึ่ง.
ทีมข่าวการเมือง