ศูนย์ประสานงานกลางแดงเชียงใหม่ขึ้นป้ายไม่ต้อนรับรัฐบาลโจร ประกาศให้อภิสิทธิ์เป็น"โมฆะบุรุษประชาธิปไตย"พร้อมออกแถลงการณ์หากดึงดันมาเกาะโพเดี้ยมให้ได้ ต้องถูกชาวเชียงใหม่ขับไล่ในทุกจุดทุกเส้นทาง พร้อมกันนั้นชาวเชียงใหม่ได้โชว์บัตรประชาชนคนไทยให้ผู้สื่อข่าวดูเพื่อยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนต่างด้าวตามที่รัฐบาลให้ร้ายป้ายสี
โดย ทีมข่าวไทยอีนิวส์
24 พฤศจิกายน 2552
วันนี้(24 พ.ย.) เวลา 10.00 น.ชาวเชียงใหม่ผู้รักประชาธิปไตย ในนามศูนย์ประสานงานกลางแดงเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย ได้เดินทางเข้ายื่นหนังสือชี้แจง และอ่านแถลงการณ์ ต่อผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หอการค้า และสมาคมโรงแรมจังหวัดเชียงใหม่ กรณีที่ชาวเชียงใหม่ไม่ต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “ โมฆะบุรุษประชาธิปไตย” ที่จะเดินทางขึ้นมาแค่เกาะโพเดียม แล้วมาสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้กับชาวเชียงใหม่ ถามในตอนที่เชียงใหม่จะได้เป็นเจ้าภาพประชุมอาเซียนซัมมิต ทำไมอ้างเสี่ยงรุนแรง ย้ายไปจัดพัทยาจนล่ม แล้วตอนนี้ไม่รุนแรงแล้วหรือ?ถึงได้กล้ามาเสนอหน้า
โดยชาวเชียงใหม่ประกาศจะทำการประท้วงขับไล่ นายอภิสิทธิ์ ไปทุกหนทุกแห่งทุกอำเภอ พร้อมทั้งขอร้องกันดีๆว่า ถ้าหากเห็นแก่ความสงบสุขของบ้านเมืองจริง อภิสิทธิ์อย่ามาเชียงใหม่
แถลงการณ์ ชาวเชียงใหม่ผู้รักประชาธิปไตย
ศูนย์ประสานงานกลาง แดงเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย
ณ ศาลากลางจังหวัดเชียงใหม่
วันอังคารที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
เรื่อง ชาวเชียงใหม่ไม่ต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “โมฆะบุรุษประชาธิปไตย”
นับตั้งแต่ประเทศไทยเกิดการรัฐประหาร ๑๙ กันยายน ๒๕๔๙ เป็นการยึดอำนาจการบริหารประเทศล้มรัฐบาลประชาธิปไตยที่ประชาชนเลือกมา ฉีกรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน พ.ศ.๒๕๔๐
โดยการกระทำของเผด็จการทหารบางคน ที่ถูกยุยงส่งเสริมจากเหล่าขุนทหารเก่าเหล่าอำมาตย์หลงยุค ที่หลงมัวเมาในอำนาจและผลประโยชน์ส่วนตัว มากกว่าจะเห็นแก่ผลประโยชน์สุขของส่วนรวมและประเทศชาติ ทำการเขียนรัฐธรรมนูญ พ.ศ. ๒๕๕๐ ที่มีเนื้อหาตกยุคล้าหลังไม่เป็นประชาธิปไตย มุ่งเน้นการรักษาอำนาจและผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มมากกว่าคำนึงถึงผลประโยชน์ของประเทศชาติ
จัดการเลือกตั้งในสภาวการณ์ที่ทั่วประเทศอยู่ภายใต้เงาของการปฏิวัติรัฐประหาร แต่พวกเขาก็ไม่สามารถเอาชนะหัวใจประชาธิปไตยของประชาชน ที่ได้แสดงพลังอำนาจของผู้มีอำนาจตัวจริง โดยเลือกพรรคการเมืองของประชาชนเข้าไปบริหารงานปกครองบ้านเมือง เป็นการตบหน้าสั่งสอนเผด็จการอำมาตย์ ตัดขาดการสืบทอดอำนาจของเผด็จการทรราช แบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ ที่ผู้ก่อการยึดอำนาจจะพ่ายแพ้พลังอำนาจของประชาชนอย่างอย่างหมดรูปเช่นนี้
เมื่อจัดการเลือกตั้งแล้วแพ้ให้แก่พลังบริสุทธิ์ของประชาชน แทนที่เหล่าเผด็จการอำมาตย์หลงยุคจะสำนึกผิด กลับฝ่าฝืนเจตนารมณ์ของประชาชนใช้อำนาจแอบแฝง เจ้าเล่ห์เพทุบายทำการปฏิวัติเงียบ ทำลายพรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามโดยขาดความยุติธรรม สมคบคิดกับพรรคการเมืองไดโนเสาร์ ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลในค่ายทหาร แถลงนโยบายรัฐบาลนอกรัฐสภา จึงได้รับขนานนามว่า”รัฐบาลโจร” มี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เข้ารับตำแหน่งเป็นหัวหน้ารัฐบาลโจร
เมื่อมีโอกาสที่เผด็จการส่งเสริมเข้ามาบริหารประเทศชาติอย่างไม่สง่างาม ไร้ประสบการณ์ความเชี่ยวชาญ ไร้บารมีและคุณธรรม ทำแต่เรื่องไม่เป็นเรื่อง ใช้การปกครองแบบสองมาตรฐาน ไล่จับอดีตนายกฯทักษิณที่โดนทหารปฏิวัติ และเผด็จการได้ตั้งธงข้อหาเซ็นชื่ออนุญาตให้ภรรยาซื้อที่ดิน แต่ในกรณีของพันธมิตรที่ทำลายบ้านเมืองทำร้ายประเทศชาติ กลับปล่อยให้ลอยนวล ไม่เอาใจใส่ดูแลจัดการตามกฏหมาย
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้มีคำพูดสวยหรูติดปากมาตลอดว่าเชื่อมั่นในระบบรัฐสภา แต่กลับมีพฤติกรรมนำพรรคบอยคอตการเลือกตั้งไม่ส่งผู้สมัครเข้าแข่งขันเพราะรู้ตัวว่าต้องพ่ายแพ้ให้แก่พรรคอื่น พรรคประชาธิปัตย์จัดส่ง ส.ส.ของพรรคเข้าไปสนับสนุนและร่วมเป็นแกนนำพันธมิตรฯ ที่เป็นกลุ่มการเมืองข้างถนน เรียกร้องทหารเข้ามาทำการปฏิวัติ ขับไล่รัฐบาลที่เข้ามาโดยความชอบธรรมของประชาชน พรรคประชาธิปัตย์สนับสนุนส่งเสริมการกระทำของพันธมิตรทั้งการเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล ยึดสถานีโทรทัศน์ ปิดสนามบินดอนเมืองและสนามบินสุวรรณภูมิ ทำความเสียหายให้แก่ประเทศชาติอย่างประมาณค่าไม่ได้
เมื่อครั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพในการประชุมอาเซียนซัมมิต ในปี พ.ศ. ๒๕๕๑ จังหวัดเชียงใหม่ทั้งข้าราชการ เจ้าหน้าที่ พ่อค้า และประชาชนทุกหมู่เหล่า ได้เตรียมการหวังให้การประชุมครั้งนั้นประสบความสำเร็จ เพื่อสร้างรายได้ สร้างชื่อเสียงให้แก่จังหวัดเชียงใหม่ที่เป็นเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก แต่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ใส่ร้ายปรักปรำประชาชนชาวเชียงใหม่ที่รักชาติ รักประชาธิปไตย ว่าจะเป็นตัวการทำลายชื่อเสียงของประเทศ ขัดขวางการประชุม จึงทำการย้ายที่ประชุมอาเซียนซัมมิต ไปที่พัทยา ซึ่งก็ต้องล้มลงไปเพราะความอ่อนด้อยขาดประสบการณ์ของผู้นำ อย่างนายอภิสิทธิ์ เช่นกัน
แล้วที่เคยประกาศว่าจังหวัดเชียงใหม่ไม่ปลอดภัยจนต้องย้ายสถานที่ประชุมอาเซียนซัมมิต แล้วในวันนี้ ในสถานการณ์การเมืองที่เลวร้ายลงยิ่งกว่าเก่า ความขัดแย้งของประชาชนเลวร้ายลงยิ่งกว่าเดิม สถานการณ์ปัญหาของสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ขาดการเหลียวแลจากภาครัฐ แทนที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะลงไปคลุกคลีแก้ปัญหาสงครามการแบ่งแยกดินแดน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กลับมุ่งสู่ดินแดนที่มีแต่ความสงบสุข หวังแค่มาเกาะโพเดียม แล้วมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ เพราะพกพา พ.ร.บ.ฉุกเฉินที่จะนำมาประกาศใช้ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ถามว่าถ้านายอภิสิทธิ์ไม่มาจังหวัดเชียงใหม่ ชาวบ้านประชาชนจะพากันเดือดร้อนเช่นนี้หรือไม่ ใครกันแน่ที่เป็นผู้สร้างปัญหาในวันนี้ ใครกันแน่ที่ท้าทายสร้างความร้าวฉานในประเทศชาติและบ้านเมือง
ดังนั้นในนามประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ เราจึงขอประกาศไม่ต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในการเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้ ไม่ว่าจะเดินทางไปอำเภอใดของจังหวัดเชียงใหม่ เราชาวจังหวัดเชียงใหม่จะส่งตัวแทนเข้าไปประท้วงขับไล่ในทุกเส้นทาง
ในฐานะประชาชนคนไทย เราหวังว่าด้วยคำแถลงการณ์นี้ หากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับทราบแล้ว และเห็นแก่ความสงบสุขของประชาชนและประเทศชาติ เราหวังว่าท่านคงจะงดการเดินทางมาสร้างความเดือดร้อนให้แก่พวกเราชาวจังหวัดเชียงใหม่ แต่หากท่านได้รับทราบแล้วยังคงดึงดันจะเดินทางเข้ามาในจังหวัดเชียงใหม่เพื่อมาทำความเดือดร้อนให้แก่พวกเราให้ได้ แม้พวกเราชาวจังหวัดเชียงใหม่จะรักและปรารถนาความสงบ สันติสักเท่าไร พวกเราก็พร้อมจะต่อสู้กับท่านตามวิธีการของเรา เราจะต่อสู้กับอำมาตยารุ่นสุดท้าย ผู้ไม่มีความจริงใจต่อตัวเอง และประชาชน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ “ โมฆะบุรุษประชาธิปไตย ”
แถลงการณ์มาให้เป็นที่รับทราบโดยทั่วกัน
ชาวเชียงใหม่ผู้รักประชาธิปไตย
ศูนย์ประสานงานกลาง แดงเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย
หนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
ศูนย์ประสานงานกลาง แดงเชียงใหม่เพื่อประชาธิปไตย
ที่ 005 / 2552
วันอังคารที่ 24 พฤศจิกายน 2552
เรื่อง ชี้แจงการดำเนินงานประท้วงไม่ต้อนรับ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
เรียน นายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
สิ่งที่แนบ แถลงการณ์ ชาวเชียงใหม่ผู้รักประชาธิปไตย
ตามที่จะมีการประชุมสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 27 ที่จังหวัดเชียงใหม่ ในวันที่ 27 – 29 พฤศจิกายน 2552 ณ โรงแรมเลอเมอร์ริเดียน ในฐานะประชาชนชาวจังหวัดเชียงใหม่ มีความยินดี และขอต้อนรับสมาชิกหอการค้าทั่วประเทศที่เดินทางมาร่วมประชุมสัมมนาในครั้งนี้
ตามกำหนดการประชุมสัมมนา นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะเดินทางมาปาฐกถาพิเศษ เรื่อง บทบาทในการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ เพื่ออนาคตประเทศไทย และปิดการสัมมนาหอการค้าทั่วประเทศ ในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2552 นั้น เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นผู้หนึ่งที่ทางฝั่งของประชาชนคนเสื้อแดงมองเห็นว่าคือ ร่างทรงของฝ่ายเผด็จการอำมาตย์ที่ทำลายประเทศชาติ และ ระบอบประชาธิปไตย พฤติกรรมของนายนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นไปตามแถลงการณ์ที่แนบเป็น “โมฆะบุรุษประชาธิปไตย” ที่คนเสื้อแดงไม่ต้อนรับ และจะมีการชุมนุมประท้วงขับไล่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ที่จะเดินทางมาในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ในครั้งนี้
การออกมาชุมนุมขับไล่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในครั้งนี้จะเป็นไปตามข้อกฎหมาย เป็นการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ เพราะฉะนั้นหากมีเหตุการณ์ที่ไม่พึงประสงค์เกิดขึ้น ขอให้แน่ใจได้ว่าจะไม่ใช่เป็นการกระทำของคนเสื้อแดงเรา ส่วนจะเป็นใครผู้ใดนั้น ขอให้เจ้าหน้าที่บ้านเมืองจัดการตามหน้าที่
ในการออกมาประท้วงขับไล่ของประชาชนคนเสื้อแดงในครั้งนี้ หากทำให้เกิดปัญหากระทบต่อการดำเนินกิจกรรมของท่านอย่างหนึ่งอย่างใดก็ดี คนเสื้อแดงเรากราบขออภัย เพราะการดำเนินกิจกรรมทางการเมืองก็มีความจำเป็นต่อประเทศชาติและบ้านเมืองเช่นกัน
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ด้วยความเคารพ
( นายพีรพล มรกต )
( รองเลขาธิการศูนย์ประสานงานกลางฯ )
โทร.086-9110208