คอลัมน์ รายงานพิเศษ
บทบาทในบางเรื่องของนายสมัคร ส่งผลกระทบต่อชะตากรรมของบุคคลต่างๆ รวมถึงเหตุการณ์ 6 ตุลาฯ 2519
บัดนี้ นายสมัครถึงแก่อนิจกรรมไปแล้ว อดีตคนเดือนตุลาฯ ซึ่งเคยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น มีความคิดความเห็นอย่างไร เป็นมุมมองที่น่าสนใจ
จาตุรนต์ ฉายแสง
อดีตรองนายกรัฐมนตรี
เหตุการณ์ 6 ต.ค.2519 ผมเป็นคนหนึ่งที่อยู่ในเหตุการณ์ และท่านสมัคร สุนทรเวช ก็มีบทบาทอย่างที่สังคมเห็น แต่ต่อมา ท่านสมัคร ได้เป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลที่เกิดขึ้นหลังการยึดอำนาจ
สถานการณ์ขณะนั้นโดยรวมเป็นเรื่องของระ บบที่เกิดขึ้นของประเทศ และมีการเลือกวิธีปราบปรามประชาชนมาใช้ในการแก้ปัญหาความขัดแย้งของประเทศ เป็นการปกครองแบบที่ไม่เป็นประชาธิปไตย
สุดท้ายผู้ที่เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้บทเรียน จนต้องเปิดใจและหันหน้าเข้าหากัน
ผมไม่ได้มองในลักษณะที่ติดใจท่านสมัคร เพราะเห็นว่าเป็นการทำหน้าที่ของแต่ละคน และไม่มีประเด็นโกรธแค้นอะไรกับท่าน เพราะช่วงนั้นยังไม่ได้ร่วมงานกันอย่างใกล้ชิด
แต่มองว่าท่านเป็นนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่เข้ามาในระบบด้วยตัวของท่านเอง จุดนี้เป็นข้อดีของท่านที่สามารถพัฒนาเข้ามาอยู่ในเส้นทางของระบบรัฐสภา
ช่วงหลังผมกับท่านสมัคร มีปฏิสัมพันธ์กันมากขึ้น เพราะผมได้ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลในขณะนั้น ท่านสมัครฝากผมให้ช่วยพูดเรื่องวิกฤตเศรษฐกิจและยังให้กำลังใจ ชื่นชม จุดนี้ทำให้ได้ใกล้ชิด เกิดความรู้สึกที่ดี
และประทับใจเพราะท่านได้นำพระสยามเทวาธิราชมาให้ พร้อมกับบอกว่านอนตายตาหลับแล้วที่เห็นมีคนพูดเรื่องเศรษฐกิจ เพราะปัญหาเรื่องนี้ไม่ได้เกิดเพราะใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาสำคัญของประเทศ
หลังจากนั้นในช่วงปฏิวัติรัฐประหาร 19 ก.ย.2549 ท่านสมัครแสดงท่าทีที่ไม่เห็นด้วยกับการยึดอำนาจ
เพราะมองว่าทำให้เกิดความเสียหาย จึงเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อให้การทำงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) ไม่สำเร็จ โดยเข้ามาช่วยพรรคพลังประชาชน กระทั่งชนะการเลือกตั้ง
ต่อมามีการเรียกร้องของกลุ่มพันธมิตรฯ ท่านก็มีความคิดไม่เห็นด้วย และดำเนินการเพื่อรักษาระบบ รักษาความถูกต้อง ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่สำคัญ เนื่องจากเป็นการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย และคนที่ยึดมั่นในเส้นทางประชา ธิปไตยไม่เพลี้ยงพล้ำ ถึงแม้ตัวเองจะตกเป็นเหยื่อ
ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียใจและเสียดาย แต่ไม่ใช่เรื่องอับอายขายหน้าเพราะท่านทำเพื่อรักษาความถูกต้อง เพื่อให้เห็นความเป็นประชาธิปไตย ซึ่งคิดว่าเป็นสิ่งที่ดีมีคุณค่า
ที่ผมพูดมาไม่ใช่เพราะท่านถึงแก่อนิจกรรม แต่เป็นท่าทีของท่านที่เคยทำงานมาก่อนหน้านี้ จึงเห็นว่าไม่มีเรื่องอะไรที่ต้องติดใจหรืออโหสิกรรมกันในอดีตที่ผ่านมา
ตรงกันข้ามผมรู้สึกเสียดายที่ท่านจากไป และตกเป็นเหยื่อความไม่เป็นประชาธิปไตย โดยไม่ทันได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของประเทศให้เข้าสู่ความเป็นประชาธิปไตย
โดยรวมแล้วท่านสมัครถือมีคุณประโยชน์ต่อบ้านเมือง เพราะเป็นคนมีบุคลิกตรงไปตรงมา กล้าแสดงออกและพยายามทำงานเพื่อให้เกิดความเป็นประชาธิปไตย จนได้รับการยอมรับจากประชาชน
มีหลายเรื่องที่นักการเมืองในปัจจุบันควรมองเป็นแบบอย่าง เช่น การตั้งพรรคการเมือง ทำงานเองจนประสบความสำเร็จ บทบาทของดาวสภา การต่อสู้เพื่อประชาธิป ไตย รักษาระบบให้ถูกต้องโดยไม่ยอมแพ้และไม่ลงให้อำนาจนอกระบบ
ส่วนผู้ที่มีความคิดเห็นตรงข้ามหรือฝ่ายที่มีความขัดแย้งในเรื่องต่างๆ มาก่อนหน้านี้ คิดว่าความขัดแย้งที่ผ่านมาควรจะเรียนรู้และรับฟังซึ่งกันและกัน
ผมคิดว่าคนไทยเข้าใจวัฒนธรรมที่ดี คงไม่สร้างความเสียหายหรือทำร้ายบุคคลที่ล่วงลับไปแล้ว จึงคิดว่าไม่จำเป็นต้องฝากอะไร ก็คงจะเข้าใจกันได้
ท้ายที่สุดคิดว่าการจากไปของท่านสมัคร เป็นการจากไปแบบนอนตายตาหลับ แม้บ้านเมืองจะยังไม่ยุติเรื่องความขัดแย้งหรือยังมีความไม่เป็นประชาธิปไตยอยู่
เชื่อว่าท่านคงอโหสิกรรมให้นานแล้ว
วิทยากร เชียงกูล
ผอ.ศูนย์วิจัยทางด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต
ในช่วงเหตุการณ์ 6 ต.ค. 2519 นายสมัคร สุนทรเวช ดำรงตำแหน่งรมว. มหาดไทย สั่งให้เผาหนังสือจำนวนมาก โดยไม่สนว่าจะเป็นหนังสือประเภทไหน
แค่ดูจากชื่อหนัง สือถ้าออกแนวประ มาณ "เพื่อผู้ถูกกดขี่" เป็นแนวเพื่อชีวิต ก็จะโดนแบน โดนห้ามทันที ทำให้หนังสือถูกทำลายไปจำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นผลงานวิชาการไปจนถึงบทกลอน บทกวี งานเขียน ผลงานของผมก็โดนเผาทำลายไปหลายชิ้น
ช่วงนั้นนายสมัคร ทำให้เกิดบรร ยากาศหวาดกลัวในสังคม บางคนมีหนังสือเหล่านี้อยู่ก็ต้องเผาทิ้ง หรือเอาหนังสือไปฝังดิน ถือเป็นปรากฏการณ์ที่แย่มากทางวิชาการ
ช่วงนั้นผมต้องไปอยู่ต่างประเทศ ญาติๆ ก็ต้องนำหนังสือไปทิ้งหรือทำลายเพราะกลัว
แต่รู้สึกตลอดถึงทัศนคติแบบจารีตนิยมขวาจัดของคุณสมัคร
อย่างไรก็ตาม เมื่อนายสมัครเสียชีวิตไปแล้ว ผมก็ขออโหสิกรรมให้ ถ้าจะพูดไปแล้วนายสมัครถือว่ามีส่วนดีที่เป็นคนซื่อตรงต่อความคิดเห็นของตนเอง
แต่ขณะเดียวกันยอมรับว่าการไม่เปลี่ยน ไม่พัฒนา ก็เป็นปัญหาได้
ผมอยากให้กรณีของนายสมัคร เป็นบทเรียนกับคนรุ่นหลังต่อไป ขอให้มองปัญหาต่างๆ แบบยืดหยุ่น ใจกว้าง มองรอบด้าน ทั้งจุดแข็ง จุดอ่อน
ไม่ควรมองอะไรด้านเดียว คือมองเป็นแนวขวาจัดหรือซ้ายจัด ซึ่งสุดโต่งเกินไปจนไม่ฟังความคิดเห็นของคนอื่นเลย แต่กลับมองว่าคนอื่นเป็นอันตรายต่อตัวเอง
ถือเป็นบทเรียนที่ไม่ดี
น.พ.นิรันดร์ พิทักษ์วัชระ
อดีตสมาชิกวุฒิสภา
ในฐานะที่นายสมัคร เป็นบุคลากรทางการเมืองที่สำคัญคนหนึ่ง
เมื่อสูญเสียไปก็ต้องแสดงความเสียใจในความสูญเสียครั้งนี้ เพราะท่านเป็นบุคลากรทางการเมืองที่มีความคิดชัดเจน มุ่งมั่นในแนวคิดของตัวเองมาตลอด
ส่วนผลของการปฏิบัติออกมาจะดีหรือไม่ดี สังคมก็ต้องนำมาเป็นบทเรียน
แต่ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาเป็นอคติ การอาฆาต พยาบาทซึ่งกันและกัน เมื่อคนเสียชีวิตไปแล้ว ไม่ควรต้องซ้ำเติมอะไรกันอีก
เมื่อสิ้นอายุขัย สิ่งที่ได้ทำมาก็หมดลง ผมอยากให้เรามองเรื่องเหล่านี้เป็นบทเรียน ทั้งบทบาทของท่านในทางที่ดีก็มี ไม่ว่าจะเป็นความมุ่งมั่นในการทำงาน หรือการไม่ถือตัว เข้าถึงวิถีชาวบ้านได้ดี เราควรนำมาปฏิบัติตาม แต่อะไรที่ไม่ดี ควรนำมาเป็นบทเรียน
สิ่งเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าคนทั่วไปต้องมีทั้งด้านดีและด้านไม่ดี อยู่ที่ว่าจะนำตรงไหนมาพิจารณาและเอาไว้เป็นบทเรียน
อันนี้ถึงจะเป็นการศึกษาคุณค่าชีวิตของแต่ละบุคคล
และเราไม่ควรเอาเรื่องพวกนี้มาจองเวรกันต่อไป