ปิดฉากชีวิตนักการเมืองดาวสภาหลังจากที่รักษาตัวมาระยะหนึ่ง สุดท้ายอดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของเมืองไทย ก็ถึงแก่อนิจกรรมโดยสงบ ถือเป็นเส้นทางชีวิตของคนการเมืองที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง นายสมัครนั้นให้ความรักความผูกพันและเกรงใจภริยา คือคุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช เป็นอย่างมาก ทำให้หลายต่อหลายครั้ง มีคนที่พยายามเข้ามาใกล้ชิดนายสมัครใช้แง่มุมมนี้เป็นจุดอ่อนอย่างเช่นคนบางคนเข้ามาใกล้ชิด เพื่อหวังก้าวไปสู่ผลประโยชน์ต่างๆ นาๆ ในทางการเมือง ก็มาทำตัวเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน ผ่านเข้ามาทางสายของหลานชายคุณหญิงสุรัตน์แต่สุดท้ายนายสมัครถึงกับออกปากว่า เป็นคนที่ใช้ไม่ได้อย่างมาก เป็นคนที่ไม่รู้สำนึกในบุญคุณเลยแม้แต่น้อย
ในความเชื่อทางพุทธศาสนา สัตว์โลกทั้งหลาย ย่อมมีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นของธรรมดา ที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้นี่คือความจริงแห่งชีวิตดังนั้นด้วยหลักของพุทธศานา จึงสอนให้คนเราเข้าใจชีวิตสัพเพ สัตตา... สัตว์ทั้งหลายที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิด แก่ เจ็บ ตาย ด้วยกันหมดทั้งสิ้นอะเวรา โหนตุ... จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรซึ่งกันและกันเลยเมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทย ก็ได้ถึงแก่อนิจกรรมแล้วที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ด้วยวัย 74 ปีปิดฉากชีวิต และสีสันบนถนนการเมืองของไทยลงโดยสิ้นเชิง สำหรับการเจ็บป่วยจนกระทั่งนำไปสู่การถึงแก่กรรม
นั้น นายสมัครได้รับรู้อาการป่วยมาก่อนแล้ว โดยได้มีการเดินทางไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ เมื่อเห็นว่าอาการดีขึ้นบ้างจึงได้เดินทางกลับมาประเทศไทยและพักฟื้นอยู่ที่บ้าน หลักงจากนั้นก็ได้เข้าพักรักษาตัวอีกครั้งที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ด้วยโรคมะเร็งตับ กระทั่งถึงแก่อนิจกรรมในที่สุด ซึ่งทางญาติจัดบำเพ็ญกุศล ที่ศาลา 100 ปี วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม และจะมีพิธีพระราชทานน้ำหลวงอาบศพในวันนี้ (25 พ.ย.)นายสมัคร ถือเป็น “สีสันคนการเมือง” ที่โดด
เด่นคนหนึ่งของถนนนักการเมืองไทย ประวัติชีวิตของนายสมัครต้องถือว่าไม่ธรรมดา บิดาคือ เสวกเอกพระยาบำรุงราชบริพาร (เสมียน สุนทรเวช) มารดาคือ คุณหญิง บำรุงราชบริพาร เป็นหลานลุงของ มหาเสวกตรี พระยาแพทย์พงศาวิสุทธาธิบดี (สุ่น สุนทรเวช) นายแพทย์ประจำพระองค์พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นหลานตาของมหาเสวกตรี พระยาอนุศาสน์จิตรกร (จันทร์ จิตรกร) จิตรกรประจำสำนักเป็นศิษย์เก่า โรงเรียนเซนต์คาเบรียล โรงเรียน
อัสสัมชัญพาณิชย์ แล้วไปจบนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นอกจากนี้ยังศึกษาเพิ่มเติมได้ประกาศนียบัตรวิชามัคคุเทศก์ คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และยังไปเรียนที่ BRYANMT & STRATION INSTITUTE ชิคาโก สหรัฐอเมริกาด้วยนายสมัครถือเป็นคนหนังสือพิมพ์คนหนึ่ง จากจุดเริ่มต้นที่เขียนบทความและความคิดเห็นทางการเมือง ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐ สยามรัฐสัปดาห์วิจารณ์ และชาวกรุง รวมทั้งได้มีการทำหนังสือพิมพ์เป็นของ
ตนเองขึ้นมา 1 ฉบับ คือหนังสือพิมพ์เดลิมิเรอร์ ที่ก็ต้องถือว่าเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีประวัติโชกโชนอย่างยิ่งในแวดวงหนังสือพิมพ์เมืองไทยขณะเดียวกันการก้าวเข้าสู่แวดวงการเมือง เมื่อปี 2511 โดยสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ก็ได้เป็นจุดเริ่มต้นที่สร้างตำนานดาวเด่นนักการเมือง ระดับดาวสภา ขึ้นมาด้วยเช่นกันเพราะไม่เพียงเป็นดาวสภาในการพูด แต่ยังเป็นนักการเมืองที่ตั้งพรรคการเมือง คือ พรรคประชากรไทย ขึ้นมาจนยุคหนึ่งต้องถือว่าประสบความสำเร็จ
อย่างสูง เพราะกวาดที่นั่งในกรุงเทพฯ เกือบหมดเกลี้ยงที่สำคัญการลงชิงชัยในตำแหน่งผู้ว่าราชการจังหวัดกรุงเทพมหานคร นายสมัครได้รับคะแนนเสียงอย่างท่วมท้น คือ 1,016,096 คะแนน ซึ่งเป็นคะแนนเสียงมากที่สุดนับตั้งแต่มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมาเลยทีเดียวนายสมัครนั้นดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีและรองนายกรัฐมนตรีมามากมายหลายกระทรวง แต่ตำแหน่งที่สูงที่สุดก็คือ ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ของประเทศไทยซึ่งแม้จะเป็น
ตำแหน่งเกียรติยศทางการเมืองที่สูงที่สุดของนักการเมืองคนหนึ่งที่จะไต่เต้าขึ้นไปได้ แต่การขึ้นไปในจังหวะที่สังคมไทยเป็นจังหวะของการแตกแยกแบ่งขั้ว และทำลายล้างกันทางการเมืองอย่างรุนแรง หลังเหตุการณ์รัฐประหาร 19 กันยายน 2549 เป็นต้นมาการขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของนายสมัครจึงผจญกับแรงเสียดทานอย่างหนักมากที่สุดเพียงเพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เห็นว่านายสมัครเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน
เนื่องจากนายสมัครมีภาพของความจงรักภักดีต่อสถาบันอย่างเต็มเปี่ยม รวมทั้งนายสมัคร เป็นบุคคลคนเดียวที่กล้าต่อกรกับ “ผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ” ตามนิยามของพ.ต.ท.ทักษิณ หรือ “อีแอบผมขาว” ในนิยามของนายสมัครการกล้าพูด และพูดอย่างเชื่อมั่น จึงทำให้นายสมัครกลายเป็นเป้าของการทำลายทางการเมืองไปด้วย โดยใช้ข้อกล่าวหาว่าเป็นนอมินีของพ.ต.ท.ทักษิณซึ่งได้ผลอย่างมาก เพราะกลุ่มพันธมิตร ซึ่งต้องการเช็คบิล พ.ต.ท.ทักษิณให้สิ้นซากไปจาก
ถนนการเมืองไทยให้ได้ ก็ขานรับข้อกล่าวหานอมินีนั้น และเดินหน้าถล่มนายสมัครอย่างไม่ยั้งสารพัดเรื่อง สารพัดข้อกล่าวหา ปะทุและพุ่งเข้าใส่นายสมัครเหมือนดอกเห็ดยามหน้าฝน ที่ฉกาจฉกรรจ์ที่สุด คือกรณีที่นายสมัครลงนามใน MOU สัญญาจัดซื้อรถดับเพลิงและอุปกรณ์ดับเพลิงมูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาทในวันสุดท้ายก่อนที่จะพ้นตำแหน่งทำให้นายสมัครถูกคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ(คตส.) สอบสวนในเวลาต่อมาและถูก
แจ้งข้อกล่าวว่า ทุจริตในการจัดซื้อรถดับเพลิงทั้งๆ ที่นายสมัครเพียงแต่ลงนามใน MOU เท่านั้น ไม่ได้มีการทำสัญญาฉบับจริง ซึ่งคนทำสัญญาคือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าฯ กทม.คนถัดมาแต่เมื่อคดีฉกาจฉกรรจ์ที่หวังไว้ไม่สามารถที่จะสอยนายสมัครลงจากเก้าอี้นายกรัฐมนตรีได้ สุดท้ายก็ต้องใช้คดี “ชิมไป บ่นไป” สอยนายสมัครจนร่วงจากเก้าอี้นายกฯ ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในแง่ของกฎหมายเกิดขึ้นตามมาอย่างมากมายและต้องพ้นจากการเป็นนายก
รัฐมนตรีคนที่ 25 ไปในระยะเวลาไม่ถึงปีนั่นคือสีสันบนถนการเมืองของคนชื่อ “สมัคร สุนทรเวช” ที่เชื่อว่า คงจะหา “สมัคร” คนที่ 2 หรือหานักการเมืองคนใดมาเทียบเคียงได้ยากแน่ๆเพราะเป็นที่ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาอย่างโชกโชน และผ่านผู้คนมาหลากหลายรูปแบบนายสมัครนั้นให้ความรักความผูกพันและเกรงใจภริยา คือคุณหญิงสุรัตน์ สุนทรเวช เป็นอย่างมาก ทำให้หลายต่อหลายครั้ง มีคนที่พยายามเข้ามาใกล้ชิดนายสมัครใช้แง่มุมมนี้เป็นจุดอ่อนอย่างเช่นคน
บางคนเข้ามาใกล้ชิด เพื่อหวังก้าวไปสู่ผลประโยชน์ต่างๆ นาๆ ในทางการเมือง ก็มาทำตัวเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน ผ่านเข้ามาทางสายของหลานชายคุณหญิงสุรัตน์ซึ่งนายสมัครก็ให้ความเอ็นดู เกื้อหนุน แต่สุดท้ายบางคนกลับเป็นคนที่นายสมัครถึงกับออกปากว่า เป็นคนที่ใช้ไม่ได้อย่างมาก เป็นคนที่ไม่รู้สำนึกในบุญคุณเลยแม้แต่น้อยเพราะหลังจากที่ต้องพักรักษาตัว และทาง พ.ต.ท.ทักษิณ ให้การดูแลคอยส่งคนมาเยี่ยมเยือนอย่างสม่ำเสมอ จนนายสมัครเองยังนึกไม่ถึงว่า
จะได้รับการดูแลขนาดนั้น จึงได้มีการฝากความระลึกถึง ฝากความผูกพันและห่วงใยไปยังพ.ต.ท.ทักษิณ และครอบครัวด้วยเช่นกันว่าต่างก็เห็นใจกัน ดูแลกันในยามยากผิดกับคนบางคน ที่เข้ามาแฝงใบบุญนายสมัครจนกระทั่งร่ำรวย มีรถยนต์หรูหราไม่รู้กี่คันต่อกี่คัน กี่สีต่อกี่สี หรือบางคนก็มีโปรเจคท์ใหญ่ที่ได้มาจากการอ้างคอนเนกชั่น อ้างความใกล้ชิดนายสมัครแต่คนเหล่านั้นในยามยุติบทบาททางการเมือง ในยามเจ็บไข้ได้ป่วย กลับไม่ได้มีการมาเยี่ยมเยือนเลยแม้แต่
น้อยซึ่งเมื่อคนที่มาเยี่ยมนายสมัคร ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยังคงผูกพัน หรือคนที่มาเยี่ยมเยียนแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ต่างล้วนประหลาดใจที่ได้รับคำตอบตรงกัน เมื่อถามว่านายคนนั้น นายคนโน้น มาเยี่ยมบ้างหรือไม่นายสมัคร จะตอบชัดเจนเลยว่า “อย่าไปพูดถึงมันเลย” คนแบบนั้นหวังแต่ผลประโยชน์ จนลืมความเป็นคนดีไปแล้วว่าเป็นอย่างไร จึงไม่เคยที่จะโผล่หัวมาเยี่ยมแม้แต่สักครั้งแต่กลับไปเอ่ยอ้างภายนอกว่า มาเยี่ยมอยู่เป็นระยะๆเล่นเอาคนที่ได้ยินนายสมัครพูด ถึงกับ
อึ้งไปเหมือนกัน ว่าคนเราเป็นไปได้ขนาดนี้เชียวหรือในขณะที่คนหลายคนก็ยังงงๆว่า “มัน” ที่ว่านั้นหมายถึงใคร หรือจะเป็น “มันฝรั่งโปเตโต้” ที่วัยรุ่นชอบใช้แซวกันอะไรเทือกนั้นแต่ที่แน่ๆ วันนี้แม้ว่านายสมัครจะจากไปแล้ว แต่ความผูกพันกับการทำหน้าที่นักการเมือง กับการยืนหยัดปกป้องสถาบันโดยเข้าไปเป็นหัวหน้าพรรคพลังประชาชน และเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 25 ทำให้นายสมัครได้รับคำมั่นมาโดยตลอดว่า จะช่วยดูแลให้เต็มที่ทั้งตัวนายสมัคร และครอบครัว โดย
เฉพาะอย่างยิ่งคุณหญิงสุรัตน์ ซึ่งนายสมัครเป็นห่วงอย่างที่สุดกรณีคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใต้แผนอุบาทว์บันใด 4 ขั้น ซึ่งนายสมัครกังวลมาตลอดว่าจะทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนนั้น ก็ได้รับคำยืนยันว่าจะช่วยดูแล และต่อสู้ให้อย่างเต็มที่ซึ่งเชื่อว่าคำสัญญาดังกล่าวอย่างน้อยคงช่วยให้นายสมัครวางใจขึ้น และจากไปโดยสงบเพียงแต่ว่า การทำลายล้างทางการเมือง เมื่อไหร่จะสงบเสียทีนั้น คงต้องจับตาดูกันต่อไป