บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

สำนักข่าวมุสลิมไทย: เผยเบื้องลึก 'บิ๊กบัง' นั่งมาตุภูมิ และประชาธิปไตยแบบ'สนธิ บุญรัตกลิน'

ที่มา ประชาไท

สำนักข่าวมุสลิมไทยสัมภาษณ์พลเอกสนธิคำต่อคำ ต่อหน้าสื่อกระแสหลัก คุยเกือบทุกประเด็น ค้นเกือบทุกคำถามที่คาใจ เผยเริ่มเชื่อมั่นประชาธิปไตย หลังใช้อำนาจรัฐประหาร กระโจนสู่ถนนสายนักการเมือง หลังรัฐธรรมนูญฉบับยึดอำนาจ และแผนบันไดสี่ขั้นเริ่มแผลงฤทธิ์

คำแถลงข่าวของพลเอกสนธิ บุญรัตกลิน
ต่อหน้าสื่อมวลชน และสำนักข่าวมุสลิมไทย
“เรียนที่มั่นที่เคารพ ท่านสมาชิกภาผู้แทนราษฎร์พรรคมาตุภูมิ สมาชิกพรรคมาตุภูมิตลอดจนคณะกรรมบริหารของพรรคมาตุภูมิที่สำคัญที่สุดก็คือน้องๆ สื่อมวลชนที่รักทุกท่าน
ครับ! ผมคิดว่า วันนี้มันเป็นวันที่สำคัญวันหนึ่ง ที่ผมเองที่ได้ตัดสินใจมาร่วมทำงานกับพรรคมาตุภูมิอย่างเต็มตัว มูลเหตุโดยทั่วไป ประการที่ 1 แนวนโยบายและความคิดทางการเมืองของพรรคมาตุภูมิ มีแนวนโยบายในความเป็นกลางจากปัญหาของบ้านเมืองในเวลานี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องความขัดแย้งในทางการเมืองที่เป็นปัญหาของสังคมไทยในปัจจุบัน และความแตกแยกของคนในสังคม ที่สำคัญก็คือเรื่องของวัฒนธรรมทางการเมือง ซึ่งมันล่อแหลมต่อการนำพาประเทศไปในทางที่ค่อนข้างลำบาก ผมเห็นแนวสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันนี้เป็นปัญหา
นโยบายพรรคมาตุภูมิจะเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างสรรค์การเมืองสังคมไทยให้เป็นสังคมที่มีความหน้าอยู่ เป็นสังคมที่มีเป็นการเมืองที่มีความเข้มแข็ง ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญที่สุด เมื่อแนวนโยบายและตรงกับแนวคิดแนวทางที่เรามีอยู่ ก็มีความตั้งใจตรงเห็นว่าตรงนี้คือแหล่งที่เราสามารถทำได้
ปัญหาที่สำคัญอีกประการ คือปัญหาสถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมทราบดีว่าขณะนี้มีพี่น้องประชาชนทั้งที่เป็นพุทธและมุสลิมเสียชีวิตไปเกือบ 4,000 คนในเวลาเพียงไม่กี่ปี ถามว่าเราจะแก้ปัญหากันอย่างไร ทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ใน 3 จังหวัด มีความสงบเรียบร้อย
ทางพรรคมาตุภูมิมีแนวคิดและนโยบายเกี่ยวกับการแก้ปัญหาภาคใต้ค่อนข้างชัดเจนมีโดยความเป็นไปได้ ตามแนวทางใหม่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์พรรคมาตุภูมิ ได้กำหนดแนวความคิดตามคำเสนอแนะของนักวิชาการ เห็นว่าแนวทางนี้เป็นแนวทางหนึ่งที่สอดคล้องกับแนวที่มีความจำเป็นที่ผมเคยอยากจะสานต่อในสิ่งที่เคยทำมาในอดีต โดยภาพรวมแล้วก็คือ ขออนุญาตสรุปปัญหาที่ทำให้ผมจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องเขามาอยู่กับพรรคมาตุภูมิ
ประการที่ 1 ในเรื่องของการเมืองที่มีความขัดแย้งของคนในชาติ
ประการที่ 2 ในเรื่องของความสมานฉันท์ความรักแหละความสามัคคีที่เกิดขึ้น
ประการที่ 3 เรื่องของความซื่อสัตย์สุจริต
ประการที่ 4 การแก้ปัญหาในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้อันนี้เป็นนโยบายหลักที่สอดคล้องและ
ตรงกันนโยบายเพิ่มเติมที่ทางพรรคมาตุภูมิได้กำหนดไว้ 2 เรื่อง ที่เห็นว่ามีความเป็นไปได้และสำคัญ ณ เวลานี้ คือ
เรื่องที่ 1 ก็คือ เรื่องของการศึกษาของเยาวชนและของประเทศชาติในภาพรวม จะเห็นได้ว่าการเมืองในระบอบประชาธิปไตยที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ เรายังไม่สามารถเดินไปสู่ความเป็นประชาธิปไตยที่สมบรูณ์ ทั้งนี้ทั้งนั้นเพราะประชาชนเรายังหลายคนยังไม่เข้าใจระบอบประชาธิปไตย เพราะมีการศึกษาที่จำกัด ทางพรรคมาตุภูมิได้พยายามการมุ่งเน้นในเรื่องของการศึกษา เพื่อให้ประชาชน มีโอกาสทางการศึกษาที่สูงขึ้น จะได้มีความเข้าใจในเรื่องของการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ประการที่ 2 ในเรื่องของระบบเศรษฐกิจ เราเห็นว่าประชาชนไทยที่ไม่น้อยที่ยังมีความยากจนอยู่ นโยบายที่สำคัญของพรรคมาตุภูมิต้องการให้ประชาชนมีความอยู่ดีกินดี มีสุขภาพมีพลานามัยที่แข็งแรง อันนี้เป็นปัจจัยหนึ่งที่เราถือว่า จำเป็นจะต้องมองไปสู่เรื่องของการรัฐสวัสดิการ แต่ทุกประเด็นเป็นสิ่งที่ผมเองเห็นว่าแนวคิดและนโยบายทั้งหมดมันสอดคล้องกัน คือความตั้งใจ ทำให้ผมเข้ามามีโอกาสและส่วนรวมกับพรรคมาตุภูมิในวันนี้ ที่ผมได้กราบเรียนให้ผู้ข่าวสื่อมวลชนทุกท่านทราบแนวความคิดและความตั้งใจวันนี้ผมก็มีเรื่องชี้แจ้งทุกท่านทราบเพียงเท่านี้ครับ ส่วนใครจะมีคำถามเชิญครับ
0 0 0
บทสัมภาษณ์
มุสลิมไทย :เหตุผลที่ท่านไม่เห็นด้วยกับแนวคิดกับพลเอกชวลิต ในเรื่องของนครปัตตานี
พลเอกสนธิ :ไม่ใช่ไม่เห็นด้วย จริงๆแล้วเรายังไม่ชัดเจนกับแนวคิดคำว่า “นครปัตตานี” มันกว้าง ผมเลยเสนอแนวคิดแบบทบวง โดยใช้ทบวงเข้ามาแก้ปัญหาโดยใช้นักวิชาการที่เขาคิดขึ้นมา มีทางสถาบันสันติวิธี ได้รับทุนจากมหาลัยมหิดลทำวิจัยในเรื่องการแก้ปัญหาพื้นที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้โดยมีบุคลที่สำคัญที่ทุกท่านทราบดีคือ ดร.โคทม อารียา ที่ปรึกษา ดร.ศรีสมภพ จิตภิรมย์ศรี จากมอ. ปัตตานี ดร.ฉันทนา หวันแก้ว จากจุฬาฯ ดร.สุกรี หลังปูเต๊ะ มอ.ปัตตานี บุคคลในคณะนี้ ได้เป็นส่วนหนึ่งได้รับทุนจากมหาลัยมหิดลเข้าไปทำการวิจัยน่าจะใช้หลักการบริหารแบบทบวงเราเอาแนวคิดของนักวิชาการกลุ่มนี้เข้ามาคิดต่อ แต่เพียงนักวิชาการกลุ่มนี้มีความคิดที่อยู่ในกรอบ แต่ทางเรามาเพิ่มเติมข้อเสนอแนะ ว่ามันควรจะเป็นอย่างไรสิ่งที่ผมมองเห็นคือการบริหารงานพื้นที่ใน 3 จังหวัดต้องมีเอกภาพมีนโยบายเดียว ที่สำคัญคือเรื่องของการบริหารงบประมาณมีความรวดเร็วและชัดเจน
มุสลิมไทย : โครงสร้างแบบเดิมๆ การแก้ปัญหาแบบเดิมๆ ที่ใช้แก้ปัญหาภาคใต้ เช่น กระทรวงมหาดไทย ศอ.บต. กอ.รมน .ความมั่นคง มันยังจะแก้ปัญหาภาคใต้ได้อีกหรือ
พลเอกสนธิ :ในฐานะที่อยู่ตรงนั้นมานานองค์กรต่างๆ ที่เข้าไปมันมีเอกภาพหรือเปล่า เราต้องไปศึกษาเรื่องเอกภาพการบริหารจัดการต้องมีความชัดเจนการบริหารเรื่องของนโยบาย การบริหารเรื่องงบประมาณ การบริหารเรื่องกิจการ เรื่องคน ถามว่ามันมีความชัดเจนไหมที่ผ่านมา เมื่อมันไม่ชัดเจนต่างคนต่างสั่งมันจะทำให้แนวนโยบายการปฏิบัติก็จะไม่สอดคล้องกัน
มุสลิมไทย :ในขณะที่ท่านเป็น ผบ.ทบ.และเป็นประธาน คมช.ทำไมท่านไม่ทำเรื่องนี้
พลเอกสนธิ :ผบ.ทบ.ไม่มีอำนาจไปทำตรงนี้ ผบ.ทบ. ไปสั่ง ทางมหาดไทย จะทำด้วยไหม ทางตำรวจจะเอาด้วยไหม ทางรัฐบาลจะเอาด้วยไหม ทำไม่ได้ ถึงต้องมีเอกภาพมีคนคนเดียวในการที่จะสั่งการ
พลเอกสนธิ :ในตอนหนึ่งที่ท่านได้ส่งทหาร ชุดนิติวิทยาศาสตร์ พันโทชัยวัฒน์ คำน่าน คนของท่านลงไปในพื้นที่ แล้วสามารถคลี่คลาย ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วยนิติวิทยาศาสตร์ได้ แล้วตอนนี้ ทำไมท่านจึงไม่แนะนำกองทัพให้ใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่เป็น กองทัพถอนทหารชุดนิติวิทยาศาสตร์ออกมาจากพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ทำไม
พลเอกสนธิ :อันนั้นคงต้องอยู่ที่กองทัพเพราะผมเกษียนแล้ว
มุสลิมไทย :ในอนาคตอาจจะมีการเลือกตั้ง ถามว่าในอนาคต หากพรรคเพื่อไทยมีเสียงข้างมากสามารถจัดตั้งรัฐบาล และได้เชิญพรรคมาตุภูมิมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ท่านจะเข้าไปร่วมกันได้ไหม
พลเอกสนธิ : ถ้านโยบายสอดคล้องกัน ก็ค่อยคุยกันอีกทีในอนาคต ถ้านโยบายมันขัดแย้งกันก็คงต้องไปกันคนละทาง คงไปด้วยกันไม่ได้
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านมองนโยบายหรือมองที่ตัวบุคคลเป็นหลัก เพราะอย่างที่ทราบพรรคเพื่อไทยก็มี พ.ต.ท.ทักษิณอยู่เบื้องหลัง
พลเอกสนธิ : การเมืองนี่ ต้องใช้นโยบายเป็นหลักในการรวมประสานประโยชน์ ในการรวมบริหารประเทศ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านไม่กลัวภาพของท่านเสียไปใช่ไหมครับในการที่จะต้องเข้าร่วมกับพรรคเพื่อไทยในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในอนาคต
พลเอกสนธิ : ก็ที่ผมว่าไงว่าถ้าหากนโยบายมันสอดคล้องกันก็ต้องว่ากันนะครับ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ในการที่ท่านเป็นประธานคมช.มาและเข้าไปยกเลิกระบอบ ทักษิณ ซึ่งมันนำไปสู่การยุบพรรคไทยรักไทย และนำมาซึ่งพรรคเพื่อไทย ท่านสามารถที่จะร่วมงานกับคนเหล่านี้ได้หรือ?
พลเอกสนธิ : ปัญหามันอยู่ที่ว่า การจะเข้าไปร่วมนี่ ประธาน คมช. หรือ ผมนี่ ในเวลานี้ผมไม่ใช่ ประธานคมช. แล้วนะครับ ตอนนั้นเป็นอะไรผมยังไม่แน่ใจ พลเอกสนธิอาจจะเป็นหัวหน้าพรรคตรงนี้มันคงละอันกันแล้วเราต้องถอดบทบาทออกจากตัวเรา
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านจะสามารถชี้แจ้งประชาชนได้อย่างไร ถ้าเพื่อประชาชนถามว่าท่านเคยปฏิวัติมาก่อนและกลับมาลงเลือกตั้งเสียเอง
พลเอกสนธิ : ต้องเอาระบอบประชาธิปไตยมาเป็นที่ตั้งครับ และประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเป็นตัวกำหนดทิศทางในการปฏิบัติ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านครับท่านถูกมองว่าในการปฏิวัติที่ผ่านเป็นการปู่ทางเพื่อนำไปสู่การทำงาน คำถามของทางการเมือง ท่านจะตอบกับประชาชนได้อย่างไรครับ
พลเอกสนธิ :เราอย่าไปมองอย่างนั้นครับ เราต้องมองว่าตอนนั้นมันเกิดอะไรขึ้น และเราต้องการแก้ปัญหาอะไร เรามองตรงนั้นดีกว่าครับ
มุสลิมไทย :ในเมือท่านคิดว่าจะเอาระบอบประชาธิปไตยเป็นตัวตั้ง แล้วท่านปฏิวัติทำไมครับ ในเมื่อปฏิวัติแล้วก็ยังไม่สามารถแก้ปัญหาประเทศชาติได้
พลเอกสนธิ : ประชาธิปไตยคืออะไร เราต้องศึกษาก่อน ถ้าเผื่อไม่เข้าใจประชาธิปไตยแล้ว แต่เราบอกว่านั้นคือประชาธิปไตย มันผิดนะ ไม่ใช่ว่า การเลือกเป็นประชาธิปไตยนะ เพราะระบอบประชาธิปไตย มันมีระบบอยู่ตั้ง 6-7 หัวข้อ ซึ่งเป็นแนวทางปฏิบัติ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านกลัวไมครับว่ากลุ่มคนเสื้อแดงจะออกมาโจมตีท่านหลังจากที่เปิดตัวกับพรรคมาตุภูมิ เพราะท่านจะเป็นกลุ่มเป้าหมายที่คนเสื้อแดง
พลเอกสนธิ :อันนี้คงเป็นธรรมชาติของการเมืองไทย
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :เป็นที่รู้อยู่ว่าคุณทักษิณ อยู่เบื้องหลังพรรคเพื่อไทย แล้วท่านโค่นล้มระบอบเขาลงมาแล้ว จะทำงานกับพรรคเพื่อไทยได้หรือค่ะท่าน
พลเอกสนธิ : อนาคตผมยังไม่รู้เพราะตอนนี้ผมไม่รู้ว่าผมจะอยู่กับใคร น้องๆ ถามมาเราก็ตอบไป ถ้าเราจะรวมกับพรรคเพื่อไทยเราจะไปได้ไหม อยู่ที่นโยบายเหมือนกันไหมวัตถุประสงค์ของเราคือบ้านเมืองแหละประเทศชาติเราก็ต้องมองตรงนั้น
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ทำไมถึงบอกให้ชัดเจนไม่ได้ พรรคประชาธิปัตย์เขายังบอกได้เลยว่า เขามีจุดยืนว่า เขาจะไม่ขอทำงานกับเพื่อไทย
พลเอกสนธิ :ไม่ได้หรอกครับ ตอนนี้สถานการณ์บ้านเมืองไม่แน่นอน การเมืองคืออะไรและต้องเอาทฤษฏีการเมืองมาจัด การเมืองคือประโยชน์แห่งชาติ อันนั้นเราต้องดูประโยชน์ตรงนั้น ว่าประชาชนเกิดความสงบเรียบร้อย ไม่มีแดงไม่มีเหลือง มันจะดีกว่าไหม
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :การเมืองของท่านคืออะไร อำนาจและผลประโยชน์เหมือนคนอื่นๆ หรือเปล่า?
พลเอกสนธิ : ในหลักการมันว่าอย่างนั้นหรือเปล่า เราก็ต้องมองในที่หลักการ การเมืองคืออะไรในที่สุดอยากจะบอกว่าหลักการของเราก็คือ ผลประโยชน์แห่งชาติ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ในฐานะของในหัวหน้าพรรคมาตุภูมิ หากมองย้อนกลับไปได้จะปฏิวัติไหมครับ?
พลเอกสนธิ : คิดถอยหลังไปมันไปไม่ได้อยู่แล้ว ณ เวลานี้มันเป็นอย่างนี้เพราะอะไรศึกษาตรงนี้ดีกว่า
ถ้าคำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :มีการเลือกตั้งท่านจะลงสัดส่านหรือว่าเขต
พลเอกสนธิ : เดี๋ยวว่ากันอีกที่ดีกว่า ขึ้นอยู่กับประชาชน
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ตอนนี้เหมือนกับว่าการเมืองในขณะนี้มักจะมีการอ้างว่าสถานการณ์เป็นแบบนี้ เป็นเพราะผลพวงมาจากการปฏิวัติของท่าน ท่านมองว่าปัญหาจริงๆ มันเกิดจากอะไรกันแน่
พลเอกสนธิ : แล้วแต่มุมมองของคน ถ้าเป็นมุมมองของบางท่าน นี่เป็นปัญหาที่ต่อเนืองมาจากการปฏิวัติครั้งนั้น แต่เรารู้ได้ยังไงถ้าเราไม่ปฏิวัติในวันนั้น มันจะเป็นอย่างไร ท่าน(กลุ่มผู้สื่อข่าว)อาจจะมานั่งในที่นี้ไม่ได้
มุสลิมไทย :ท่านยังยืนยันอยู่ไหมครับว่าระบอบทักษิณเป็นระบอบที่เลว
พลเอกสนธิ : ผมยังไม่เคยพูดว่าเลว แต่ผมบอกว่าประชาธิปไตยคือไร ผมยังบอกเสมอว่าผมทำการปฏิรูปในครั้งนั้นผมรักษาประชาธิปไตย
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ท่านจะกำหนดทิศทาง ส.ส. ทั้ง 3 คน ท่านจะมีอำนาจกำหนดทิศทางในปัจจุบัน
พลเอกสนธิ : ส.ส.ทุกท่านต้องรับนโยบายจากพรรค ไม่ใช่เอานโยบายจากผม พรรคมีนโยบายอะไรต้องรักษานโยบายตรงนั้น พรรคมาตุภูมิมีนโยบายที่บอกว่า ต้องประสานประโยชน์และไม่ทะเลาะกับใคร และวางตัวเป็นกลาง ต้องปฏิบัติตามหลักการอย่างนี้ สส.จะไปทะเลาะกับใครไม่ได้เพราะมันขัดต่อหลักการและนโยบายของพรรค
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านมองสถานการณ์ตอนนี้มันล่อแหลมไหมตามความเห็นของท่าน
พลเอกสนธิ : ผมคิดว่าสื่อมวลชนตอนนี้คงเห็นได้ดีกว่าผม ว่าเพราะสถานการณ์บ้านเมืองมันเป็นยังไง
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :มีโอกาสไหมที่กองทัพจะมาแทรกแซงทางการเมือง
พลเอกสนธิ : ก็ต้องไปถามกองทัพดู อันนี้ผมตอบไม่ได้
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ในฐานะที่ท่าน เคยเป็น ผบ.ในเคลื่อนไหวของกองทัพในขณะนี้ ท่านคิดว่าเหมาะสมหรือไม่?
พลเอกสนธิ : ผมต้องเรียนว่าการเมืองในขณะนี้ ของทหารก็ต้องแยกเป็นของทหาร อย่ามายุ่งผมคิดว่ามันคงไม่เหมาะ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านเคยบอกว่าวัฒนธรรมทางการเมืองจะทำให้ลำบาก
พลเอกสนธิ :มันเป็นทฤษฏีถ้าจะอธิบาย ต้องเปิดตำรามาสอนกันยาว
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านครับตอนนี้ท่านมีการชักชวนเพื่อนๆเตรียม 6 อย่าง ท่านพลอากาศเอก ชลิต และพลเอก วินัยมา รวมแนวทางทางการเมืองเพื่อแก้ปัญหา
พลเอกสนธิ : เป็นคำถามที่ดีนะครับ ผมมองว่าพรรคของเรามองปัญหาทางการเมืองขณะนี้ ถามว่าวิกฤตไหม ผมตอบปัญหาผมเองแล้วกันว่ามันวิกฤต แต่ถามว่าพี่น้องประชาชนคนไทยคนใดก็ตามที่อยากจะมาแก้บ้านเมืองเพื่อไปสู่จุดความสำเร็จก็เชิญนะครับ
ประการที่ 1 คือ เราต้องการให้การเมืองเป็นการเมืองที่มีคุณธรรม และจริยธรรม
ประการที่ 2 เราต้องการเห็นชาติบ้านเมืองมีความรักสามัคคี
ประการที่ 3 เราต้องการขบวนการการเมืองที่มีความซื่อสัตย์สุจริต
ประการที่ 4 แก้ปัญหาภาคใต้ ใครต้องการที่มาแก้ปัญหา 4 ประการหลักๆ นี้ เรายินดีตอนรับ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ท่านได้รับการตอบรับจากพลเอกชลิต ที่มาร่วมพรรคการเมือง
พลเอกสนธิ :ผมว่าให้ลองถามท่าน ชลิต เอง
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ถ้าท่านยื่นยันว่าไม่ร่วม
พลเอกสนธิ :ผมว่าตอนนี้มันอยู่ที่แนวคิดและอุดมการณ์ของท่าน ว่าตรงกับเราไหม และเจตนารมณ์ของท่านตรงกับเราไหมผมคิดว่าไม่ใช่ท่านชลิต ท่านเดียว ใครสามารถช่วยประเทศชาติได้ก็เข้ามา
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : แต่ท่านทาบทามไว้แล้วใช่ไหมครับ
พลเอกสนธิ : จริงๆ คุยกับทุกคนแหละครับ ผมพยายามหาคนมาช่วยงาน หลายท่านที่จะต้องมาและทยอยมาเรื่อยๆ ในเร็วๆนี้
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ทำไมเลือกเปิดตัวเองในเวลานี้ ที่ผ่านมาก็มีข่าวมาตลอดว่าท่านร่วมงานกับพรรคมาตุภูมิ
พลเอกสนธิ: ขึ้นอยู่กับคณะกรรมการของพรรคและสมาชิกของพรรค
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ไม่ได้ประเมินตอนนี้ว่าอีกไม่กี่เดือนรัฐบาลจะไป
พลเอกสนธิ : ผมต้องยืนยันกับสื่อหลายๆ ครั้งว่าตอนนี้การเมืองยังอีกยาว
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ท่านพูดเสมอว่าจะมาเป็นน้ำดีไล่น้ำเสีย ทำไมท่านมั่นใจว่าท่านเป็นน้ำดีคนเดียวแล้วมาไล่น้ำเสียได้
พลเอกสนธิ :ก็ดีกว่าเอาน้ำเสียเข้ามาทำให้น้ำเสียมากขึ้น
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ท่านยื่นยันว่าการเมืองจะไม่เปลี่ยนข้างใช่ไหมค่ะ
พลเอกสนธิ : เปลี่ยนใจผมเป็นคนดีไม่ได้ เท่านั้นเอง
มุสลิมไทย :พรรคมาตุภูมิมีนโยบายอะไรใหม่ที่จะชูเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนใต้
พลเอกสนธิ:เรามีทบวงที่แก้ปัญหา ถ้าแก้ไม่ได้เราต้องเข้าใจว่า ทบวงมันทำอย่างไรปัญหาภาคใต้เราต้องเข้าใจถึงเนื้อแท้ของปัญหา
มุสลิมไทย :ทบวงมันคล้ายกับกระทรวง
พลเอกสนธิ : ใช่
มุสลิมไทย :แล้วไม่เห็นว่า กระทรวงมหาดไทย มันแก้ปัญหาได้ ปัญหาภาคใต้เป็นมาหลายสิบปีแล้ว
พลเอกสนธิ : ไม่ใช่กระทรวงเดียวแก้ปัญหาไม่ได้ทบวงมันมีทุกกระทรวงอยู่ภายใต้ต้องไปศึกษาเรื่องทบวง พอสถาบันสันติวิธีเขาส่งเอกสารมาแล้วเราไปศึกษากัน
มุสลิมไทย:ช่วยบอกวิธีรูปแบบการปกครองว่ามันเป็นยังไง การดูแลเป็นอย่างไร การปกครองในพื้นที่รูปแบบยังไง
พลเอกสนธิ :อำนาจทั้งหมดอยู่ที่คน ที่คณะ คณะของกระทรวงนี้แล้วกันที่จะสามารถทำไรได้หมดเพื่อให้นโยบายไปทางเดียวกัน นโยบายทหารก็ไปทางเดียวกัน นโยบายตำรวจก็ไปทางเดียวกัน ทางด้านกระทรวงต่างๆ ก็ไปทางเดียวกันไม่ซับซ้อนที่ทางผ่านมา ก็มองเห็นทหารไปอย่าง ตำรวจไปอย่าง
มุสลิมไทย :ต่างจาก ศอ.บต. ตรงไหน
พลเอกสนธิ : อำนาจมันต่างกัน อำนาจของ ศอ.บต.น้อยกว่า การเมืองสามารถเข้าไปแทรก ศอ.บต.ได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องของกระทรวงและทบวงคงจะแทรกเข้าไปยาก เพราะตัวรัฐมนตรี เจ้ากระทรวงอยู่ในคณะมนตรี เขาอยู่ใน ครม. ด้วย
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : จะแก้ปัญหาหาการแย่งชิงอำนาจระหว่างฝ่ายปกครองกับฝ่ายกองทัพได้ยังไงครับ
พลเอกสนธิ : ทุกคนอยู่ภายใต้ทบวงนี้กองทัพก็ต้องอยู่ภายใต้ทบวงนี้ อันนี้เป็นแนวคิดผมนะ ที่เสนอไปทางด้านของสถาบันสันติวิธี
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ปัจจัยมูลเหตุอะไรค่ะ ที่ทำให้มองว่าการเมืองยังอีกยาว หมายความว่ารัฐบาลประชาธิปัตย์สามารถประคองให้ผ่านพ้นไปได้
พลเอกสนธิ :หลักการที่ผมมองน่ะ ในสถานการณ์ที่บ้านเมืองกำลังวิกฤต และการเมืองของพรรครัฐบาลเข้มแข็งมากน้อยเพียงใด ถ้ายังเข้มแข้งพอก็ยังไม่ยุบสภาหรอกครับ นี่คือธรรมชาติของการเมือง ที่ผมศึกษามาจากประวัติศาสตร์
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ปัจจัยทางการเมือง ทั้งการเคลื่อนไหวของคุณทักษิณและกลุ่มคนเสื้อแดงยังไม่สามารถสั่นคลอนอะไรให้กับรัฐบาล
พลเอกสนธิ :ไม่เกี่ยวกับเรื่องของการยุบสภา มีนักข่าวต่างชาติมัยครับ ไม่มีนะครับเพราะว่าทางต่างประเทศมองว่าบ้านเราเป็นประชาธิปไตยหรือเปล่าก็เลยจะเอาตำรามาสอน ไม่มีนะครับ ขอบคุณมากครับ
(เป็นที่น่าสังเกตว่า ในการแถลงข่าวของพลเอกสนธิครั้งนี้ ไม่ปรากฏผู้ข่าวจากสำนักข่าวต่างประเทศเข้ามาทำข่าวเลย หลังจากพลเอกสนธิ ตอบคำถามบรรดาผู้สื่อข่าวเสร็จ แต่รู้สึกว่า ยังมีอะไรที่คาใจ ก็เลยถามบรรดาผู้ข่าวอีกครั้งว่า)
พลเอกสนธิ : รู้สึกว่ายังมีอะไรคาใจอยู่
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : มองดูเหมือนกับว่าตอนนี้มุ่งเน้นเรื่องการแก้ปัญหาภาคใต้ใช่มัยค่ะ ไม่เน้นเรื่องภาคอื่นเลยเน้นแต่ภายใต้อย่างเดียว
พลเอกสนธิ :ไม่ใช่ครับ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ถ้าไม่มีกลุ่มวาดะห์ พรรคนี้จะขายจุดไหนค่ะ
พลเอกสนธิ :จริง ๆ แล้วนโยบายที่ผมพูดเมื่อกี้ไงครับ ว่าบ้านเมืองกำลังแบ่งออกเป็น 2 - 3 ขั้ว ถูกไหม พรรคมาตุภูมิต้องการให้มันหมดขั้ว นี่คือนโยบายที่หนึ่ง นโยบายที่ประชาชนมีความขัดแย้ง เราต้องการเห็นความรักความสามัคคี อันนี้ขึ้นไปทางเหนือทางอีสานแล้วไม่ใช่เฉพาะทางภาคใต้ภาคเดียว ภาคใต้ก็คงเป็นเรื่องของภาคใต้ไป พรรคมาตุภูมิไม่ใช่พรรค 3 จังหวัดน่ะครับ แต่เป็นพรรคทั้งประเทศ แล้วเดี๋ยวจะได้เห็นกัน
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : แล้วท่านจะทำให้หมดขั้วได้ยังไงค่ะ
พลเอกสนธิ :อย่างน้อยเพียงคิดก็ถือว่าเริ่มต้นแล้ว
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น(ป้าแจ๋ว) : ความเป็นธรรมไม่มีแล้วความสามัคคีจะเกิดขึ้นได้ยังไง
พลเอกสนธิ : อะไรคือเครื่องชี้วัดว่าไม่เป็นธรรม
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น(ป้าแจ๋ว) : ก็มองทุกวันนี้มันเห็นอะไรที่ไม่เป็นธรรม มันเอนเอียงไปข้างหนึ่ง
พลเอกสนธิ : คุณคิดเองหรือเปล่าว่ามันไม่เป็นธรรม บางทีมันเป็นธรรม แต่ใจเราคิดว่าไม่เป็นธรรม ผมว่าบางทีตัวผมเองยังลำเอียงเลย แล้วมองคนอื่นว่าไม่เป็นธรรม แต่จริง ๆ ใจเราลำเอียงต่างหาก คนที่จะทำให้เป็นธรรมให้ได้คือรัฐบาลเอง อีกส่วนหนึ่งคือคนที่ดำรงความเป็นธรรมไม่ว่าเป็น ตำรวจ ศาล ต่าง ๆ พวกนี้ต้องดำรงความเป็นธรรม
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น :ท่านหัวหน้าพรรค หวังว่าจะได้ สส. สักกี่คนในการเลือกตั้งคราวหน้า
พลเอกสนธิ :ประชาชนเป็นผู้ตัดสิน ยังคาใจใครอีกบ้างครับ
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : จากสถานการณ์ตอนนี้ท่านมองว่าพรรคร่วมยังเหนียวแน่นอยู่ใช่ไหมค่ะ
พลเอกสนธิ :ใช่ครับ ยังไงผมอย่างเรียนน่ะครับว่า พี่น้องสื่อมวลชนขณะนี่บ้านเมืองเรา เมื่อวานผมไปต่างประเทศมามีทูตท่านหนึ่งพูดว่า ประเทศไทย 2 ปีมานี้ทำไมถอยหลังได้เร็วเหลือเกิน อันนี้เขียนไปได้เลย มันเกิดจากอะไรน้องๆ ต้องไปศึกษาข้อมูลดูเอง
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ท่านครับตอนนี้ท่านเขาสู่การเมืองเต็มตัวแล้ว วิสัยทัศน์ในการแก้ไขความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นไงบ้างครับ
พลเอกสนธิ :ปกติการเมืองระหว่างประเทศจะมีระบอบระเบียบของมันอยู่
คำถามของผู้สื่อข่าวสำนักอื่น : ท่านครับพลเอกประวิทย์เตรียม 6 เนี่ยเข้าตาไหมครับ
พลเอกสนธิ : ต้องไปถามท่านไม่ใช่มาถามผม ผมทาบทามทุกคนที่มีนโยบายอย่างนี้ ทุกคนที่มาต้องเป็นคนดี
มุสลิมไทย :เอาไรเป็นตัวชี้วัดการเป็นคนดี
พลเอกสนธิ :แต่ละคนตอบไม่เหมือนกัน
มุสลิมไทย : ถ้าท่านได้มีโอกาสเป็นรัฐบาลสมัยหน้าแล้วมองย้อนกลับไปสมัยที่ ท่านเด่น โต๊ะมีนา เป็นรัฐมนตรีช่วงยว่าการกระทรวงมหาดไทย แล้วโรงเรียนโดนเผาไป 30 กว่าโรง แหละสมัยที่ท่านวันนอร์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย โรงเรียนก็โดนเผาไปเกือบ 40 โรง ท่านจะตามไปแก้ปัญหาเหล่านี้ไหมครับ เพราะมันเป็นการเจาะยางกลุ่มวาดะห์
พลเอกสนธิ : ปัญหานี้มันเกิดมาหลายปีแล้วมันหมดอายุความ ปัญหาเหล่านี้จะต้องศึกษาว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เผาเพื่อเจาะยางวาดะห์ หรือเผาเพื่อต้องการโรงเรียนใหม่ หรือต้องการงบประมาณใหม่ หรือผู้ก่อความไม่สงบบนภูเขา เราต้องศึกษาหาข้อเท็จจริง

ที่มา: http://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?page=content&category=101&id=5883
สำนักข่าวมุสลิมไทย ถอดความโดย.กองบรรณาธิการ
สัมภาษณ์โดย.ราญาอี (บิลังโหลด) ธนชยางกูร อดีตผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ข่าวสด,อาทิตย์วิเคราะห์รายวัน,วิทยุ ไอเอ็นเอ็น.,พิมพ์ไทย,สติกเกอร์ ช่อง 7 สี ,สยามชน,สมาร์ทนิวส์,สมิหลาไทม์ และฅนใต้ ประจำจังหวัดสตูล อดีตหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์อามานดามัย และกำลังจะเป็นอดีตบรรณาธิการข่าวหนังสือพิมพ์พับลิกโพสต์ ปัจจุบันบรรณาธิการเว็บไซต์ www.muslimtoday.in.th บรรณาธิการหนังสือพิมพ์มุสลิมทูเดย์ และบรรณาธิการข่าว www.muslimthai.com

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker