บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันพุธที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

'วรเจตน์'ดื้อ-ลุย กู้ชื่อนิติราษฎร์

ที่มา บางกอกทูเดย์



ฝ่ายความมั่นคงหวังปิดปาก
ห้ามพูดเรื่องจริง!!
ถึงวันนี้ไม่แน่ใจว่า กลุ่มอำนาจทางการเมืองและการทหาร ตลอดจนแม้แต่กระทั่งขั้วอำนาจพิเศษ ที่เชื่อมั่นว่า การทำรัฐประหารเมื่อ 19 กันยายน 2549 คือการยึดคืนอำนาจประชาธิปไตยไปจัดการให้อยู่ในแนวทางที่ต้องการนั้น
จะรู้ตัวหรือยังว่า ประชาธิปไตยที่แท้จริงนั้นฝังรากลึกอยู่ในจิตใจของมนุษย์ทุกคน จนยากเกินกว่าจะใช้ปืน ท็อปบูท ตุลาการภิวัฒน์ หรืออำนาจใดๆสยบให้อยู่ในกรอบที่ต้องการได้อีกต่อไป

การเติบโตของสังคมข้อมูลข่าวสาร สังคมโลกไซเบอร์ ได้ทำลายกำแพงอำนาจและความสะพรึงกลัวให้ล่มสลาย
แม้แต่กระทั่งประตูห้องแห่งความลับบางห้อง ซึ่งเป็นเรื่องที่ในอดีตจะเป็นข้อยกเว้นไม่มีใครกล้าแตะต้อง หรือกลาที่จะพูดกล้าที่จะวิพากษ์วิจารณ์ถึง แต่มาในยุคของการเปิดกว้างของของมูลข่าวสาร
ประตูบานนั้นก็ได้ถูกเปิดขึ้นแล้ว

แต่กลุ่มอำนาจและกลุ่มผลประโยชน์ทางการเมือง กลับยังเชื่อมั่นแบบงมงายว่า จะสามารถกดขี่ระบบประชาธิปไตยที่แท้จริงได้เหมือนเช่นที่เคยเป็นมาในอดีต ทำให้ในวันนี้บรรยากาศของสังคมจึงเป็นเหมือนภูเขาไฟเดือดอยู่ภายใต้ภาพภายนอกที่นิ่งสงบ
รอยแยกของแผ่นดินใต้มหาสมุทรที่เริ่มเคลื่อน และพร้อมที่จะปะทุเปลี่ยนแปลงฉันใด รอยแยกของความเชื่อที่ไม่ยอมรับการครอบงำของระบบเก่า ก็กำลังพร้อมรอการปะทุฉันนั้น

นี่คือสถานการณ์จริงที่กำลังเกิดขึ้น ไม่เฉพาะกับเพียงแค่ประเทศไทยเท่านั้น แต่เกิดขึ้นทุกมุมโลกในปัจจุบัน อันเป็นผลส่วนหนึ่งจากโลกของข้อมูลข่าวสารถูกเปิดและเชื่อมโยงถึงกันหมดนั่นเอง
อย่างล่าสุดที่ประเทศอียิปต์ ประชาชนลุกฮือขึ้นมาประท้วงขับไล่ประธานาธิบดีฮอสนี มูบารัค แม้ว่าจะมีการใช้อำนาจของกระทรวงมหาดไทยมาขมขู่ไม่ให้มีการชุมนุม รวมทั้งมีการจับกุมตัวประชาชนที่เป็นหัวหอกในการลุกขึ้นมาชุมนุม เป็นจำนวนถึง 89 คน

แต่ก็ไม่สามารถที่จะหยุดพลังประชาชนได้ การชุมนุมจนวันนี้ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง ไม่ยุบ ไม่หยุด และมีแนวโน้มที่จะขยายตัว
ล่าสุดก็ได้มีการใช้กำลังสลายการชุมนุม จนมีประชาชนเสียชีวิตไปแล้วกว่า 100 คน แต่พลังประชาชนก็ยังไม่ถอย
ไม่รู้ใครเลียนแบบใคร

เพราะที่เมืองไทย รัฐบาลก็มีการใช้กำลังทหารสลายการชุมนุมของประชาชนคนเสื้อแดงที่มาชุมนุมกันเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง จนกระทั่งมีประชาชนตายมากถึง 91 ศพ และบาดเจ็บกว่า 2,000 คน
และเพราะยากที่จะตอบประชาชน ยากที่จะตอบชาวโลก ประเทศไทยจึงต้องเกิดปรากฏการณ์ 2 มาตรฐาน ปรากฏการณ์ตุลาการภิวัฒน์ขึ้นมาปิดบังความจริง จนนักวิชาการทางด้านกฎหมายจำนวนมากถึงกับต้องส่ายหน้า และเลือกที่จะใช้คำย่อของคำว่าตุลาการ ด้วยตัวย่อว่า ตลก. แล้วจึงเอามาบวกกับคำว่าภิวัฒน์ กลายเป็นคำเขียนที่ว่า

ตลก.ภิวัฒน์!!
เพราะหลายๆเรื่องในเวลานี้ ไม่สามารถจะหาคำตอบตามหลักนิติศาสตร์ที่แท้จริงได้แล้ว และเป็นสาเหตุให้สังคมยังคงมีการแตกต่างทางความคิดอยู่ตลอด บรรดาอาจารย์มหาวิทยาลัย นักวิชาการที่ยึดมั่นในจรรยาวิชาชีพ และยึดมั่นในหลักการ ที่ไม่ใช่หลักกู ต่างพากันเกิดอาการยอมรับไม่ได้

แถมยังไม่สามารถที่จะสอนลูกศิษย์ลูกหาได้เต็มปากเต็มคำเหมือนเช่นในอดีต
ทำให้อาจารย์ด้านนิติศาสตร์หลายคนเลือกที่จะแสดงออกในการเรียกร้องประชาธิปไตยที่แท้จริง และหลักการนิติศาสตร์ที่แท้จริง ให้กลับคืนมาสู่สังคมไทย
กลุ่มที่เคลื่อนไหวชัดเจนที่สุดก็คือ “กลุ่มนิติราษฎร์”บนจุดยืนคือนิติศาสตร์เพื่อราษฎร ที่กล้าแสดงออกอย่างเปิดเผยและน่ายกย่องชมเชย

เพราะในแง่ของการแสดงความคิดเห็นทางวิชาการแล้ว ย่อมจะต้องแสดงความคิดเห็นได้หมดทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรัฐ ของระบบ ขององค์กร หรือของสถาบันใดๆก็ตาม
ทำให้การทำกิจกรรม การแสดงความคิดเห็นทางวิชาการ ตลอดจนการให้สัมภาษณ์ การจัดการสัมนาวิชาการของกลุ่มนิติราษฎร์ได้รับความนิยมและได้รับความสนใจจากประชาชนที่รักประชาธิปไตยทั่วโลก

อย่างในช่วงปลายปีที่ผ่านมา กลุ่มนิติราษฎร์ได้มีการจัดสัมนาวิชาการ 2 ครั้ง โดยในเดือนพฤศจิกายน 53 จัดสัมมนาทางวิชาการเรื่องตุลาการ-มโนธรรมสำนึก-ประชาธิปไตย
และ รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ หนึ่งในกลุ่มนิติราษฎร์ ได้เขียนบทความเรื่อง ตุลาการภิวัตน์กับการบิดเบือนการใช้อำนาจตุลาการ ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก

ยิ่งในช่วงปลายที่ผ่านมามีเรื่องของคดียุบพรรคประชาธิปัตย์ที่ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิตจารณ์ทางวิชาการอย่างหนักหน่วงที่สุด
รวมทั้งในเดือนธันวาคม ช่วงวันรัฐธรรมนูญ ทางกลุ่มนิติราษฎร์ ก็ได้มีการจัดสัมนาทางวิชาการเรื่อง “สถาบันกษัตริย์ – รัฐธรรมนูญ – ประชาธิปไตย” ที่ห้อง แอลที 1 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

โดยวิทยากรประกอบด้วย ผศ.ดร.สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ รศ.ดร.สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล รศ.ดร.วรเจตน์ ภาคีรัตน์ นายณัฐพล ใจจริง ดำเนินการอภิปรายโดยนายธีระ สุธีวรางกูร
ซึ่งปรากฏว่าได้รับความสนใจอย่างมากมาย ทำให้อาจารย์หลายๆคนกลายเป็นขวัญใจของคนวิญญาณประชาธิปไตยไปในทันที อาทิ อาจารย์สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

เพราะถือเป็นการเปิดมิติให้ประชาชนหันมาให้ความสนใจในเรื่องของการจัดสัมมนาวิชาการมากขึ้น จนมีเสียงเรียกร้องให้ทางกลุ่มนิติราษฎร์ จัดอภิปรายสัมมนาวิชาการอีกเป็นระยะๆ
ซึ่งทางกลุ่มนิติราษฎร์เองก็เห็นพ้องกับเสียงเรียกร้องของประชาชน เพราะถือว่านี่คือการเคลื่อนไหวทางวิชาการที่ให้ความรู้ที่ถูกต้องกับประชาชน จะได้ผลักดันประเทศไทยให้เดินไปอย่างถูกต้อง ไม่ใช่ถอยหลังเข้าคลอง หรือเดินหน้าลงเหวอย่างที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้

ล่าสุดทางกลุ่มนิติราษฎร์ ต้องการที่จะจัดสัมมนาวิชาการ หัวข้อ “ประชาธิปไตยในปัจจุบันกับการใช้พระราชอำนาจของสถาบันพระมหากษัตริย์” โดยจะจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จึงได้มีการไปขออนุญาตใช้สถานที่กับทาง ศ.ดร.สมคิด เลิศไพฑูรย์ อธิการบดี มธ. คนใหม่ ที่ขึ้นมาแทนดร.สุรพล นิติไกรพจน์

และ ดร.สมคิด เองนั่นแหละที่ได้เคยประกาศเอาไว้ในช่วงขึ้นมาดำรงตำแหน่งอธิการว่า แนวทางในการบริหารงานจะมุ่งเน้นการดึงจิตวิญญาณ ความเป็นธรรมศาสตร์คืนกลับมา
ให้ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพ

สร้างบุคลากรที่มีความรู้คู่คุณธรรม ดูแลประชาคมธรรมศาสตร์
ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใดๆเลยที่จะไม่ให้มีการจัดการสัมมนา และได้มีการอนุญาตให้จัดสัมมนาวิชาการ โดยกำหนดให้จัดที่หอประชุมเล็ก มธ. ท่าพระจันทร์
แต่ปรากฏว่าพอฝ่ายความมั่นคงรู้ข่าว ก็มีการส่งคนมาเบรกการจัดสัมนาดังกล่าวในทันที
อ้างว่าที่ไม่ให้จัด เพราะไม่สบายใจในเรื่องของการแสดงความคิดเห็น ทำให้ ดร.สมคิด ทำท่าว่าจะยอมคล้อยตามฝ่ายความมั่นคง เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องเกิดราวขึ้นมา
แต่ทาง ดร.วรเจตน์ ไม่เห็นด้วย!!!
พร้อมกับแสดงความคิดเห็นอย่างตรงไปตรงมาว่า ถ้าหากมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ไม่สามารถที่จะจัดสัมนาทางวิชาการได้

ก็ให้ปิดมหาวิทยาลธรรมศาสตร์ไปเลยดีกว่า!!!
ทำให้ ดร.สมคิด ต้องไปเจรจากับทางฝ่ายความมั่นคงใหม่อีกรอบหนึ่ง ว่านี่เป็นการสัมนาวิชาการที่เป็นการให้ความรู้กับประชาชน ทำให้ทางฝ่ายความมั่นคงไม่สามารถที่จะหาข้ออ้างอีกต่อไปได้ แต่กระนั้นก็ยังพยายามขอว่าให้ทางมหาวิทยาลัยดูแลการพูดการแสดงความเห็นให้อยู่ในกรอบด้วย

เรียกว่า ไม่ว่าอย่างไรก็ยังพยายามที่จะตะแบง พยายามที่จะครอบงำความคิดเห็นทางวิชาการให้ได้
แต่ก็แน่นอนเช่นกันว่า ทางกลุ่มนิติราษฎร์เองก็คงไม่ยอมให้มีอำนาจใดๆมาครอบงำได้เช่นกัน

ดังนั้นเสียงสะท้อนในประชาคมธรรมศาสตร์ จึงมองว่ากลุ่มนิติราษฎร์คือความหวังทางภาพลักษณ์ที่สำคัญ
และอาจารย์วรเจตน์ ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของผู้หลักผู้ใหญ่ใน มธ. ที่ควรยกย่องเป็นตัวอย่าง ที่ไม่ยอมถอยให้ความไม่ถูกต้อง
แม้ว่าจะเป็นการขีดเส้นขีดกรอบมาจากฝ่ายความมั่นคงที่มีอำนาจรัฐอำนาจทหารในมือก็ตาม

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker