บล็อคข่าวส่งเสริมคนดี (รักดีหามจั่ว รักชั่วหามเสา หามจั่วก็หนักนะ)

ข่าวจากสื่อ

บทความจากสื่อ

วันเสาร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

ต้องทำลายรัฐบาลประชาชน และเปลี่ยนเป็นรัฐทหารปิดประเทศเท่านั้น

ที่มา thaifreenews

โดย poonnook

สถานการณ์ประเทศในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมานี้..เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วจนแทบจะปรับจิตใจไม่ทัน.. นับตั้งแต่การเสื่อมความนิยมลงอย่างรวดเร็วจากกระแส “ตาสว่าง” ที่เกิดขึ้นทั้งแผ่นดิน.. ความขัดแย้งของประชาชนในประเทศที่แผ่ขยายจนรัฐบาลไม่สามารถแก้ปัญหาได้... แม้ว่ารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ จะได้รับการอุ้มสมให้ขึ้นมาบริหารประเทศโดยมีอำนาจที่มองไม่เห็นหนุนหลังอยู่อย่างเต็มที่เพียงไร ก็ไม่สามารถทำให้กระแสความนิยมกลับคืนมาได้..และมีแต่จะลดถอยลงไปอย่างน่าตกใจ..


การจุดกระแสให้เกิดความขัดแย้งกับประเทศเพื่อนบ้านอย่างกัมพูชาในเรื่องเขตแดนทับซ้อน.. ซึ่งใครๆ ก็มองออกว่าเป็นเพียงการปลุกกระแสคลั่งชาติขึ้นมาสร้างสถานการณ์เพื่อบังหน้าเท่านั้น.. การที่นายวีระ สมความคิด.. และพรรคพวก เดินข้ามเขตแดนเข้าไปยังพื้นที่ ที่ยังมีข้อขัดแย้งกันอยู่ จนถูกทหารกัมพูชาจับไปนั้น จะมองไปเป็นอื่นไม่ได้เลยนอกจากว่าเป็นการจงใจเข้าไปเพื่อเป็นการจุดชนวนความขัดแย้งขึ้นระหว่างไทยกับกัมพูชา แล้วกลุ่มพันธมิตร และกลุ่มคนไทยหัวใจรักชาติ ก็ออกมาชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาล...


จึงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจแต่อย่างใดที่กระแสการจุดชนวนคลั่งชาติเพื่อสร้างความขัดแย้งกับกัมพูชาในครั้งนี้จึงไม่มีประชาชนไทยให้ความสนใจมากนัก.. พูดง่ายๆ ก็คือเพราะเราไปหาเรื่องเขาก่อน..


แต่สิ่งที่น่าจะพิจารณาและนำมาวิเคราะห์ถึงสถานการณ์ในขณะนี้ก็คือ.. ทำไมกลุ่มพันธมิตร ที่เคยแนบแน่นอยู่กับ รัฐบาลประชาธิปัตย์ โดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เคยถึงขั้นเดินทางไปเยี่ยม พันธมิตร ถึงหน้าเวทีการชุมนุมและแสดงความเห็นอกเห็นใจมาแล้ว.. และที่สำคัญ พันธมิตรที่เรียกกันว่า “ม๊อบมีเส้น” กับรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ ก็เป็น “รัฐบาลที่มีเส้น” เช่นกัน.. และที่แน่ๆ เส้นของทั้งสองฝ่ายก็เป็นเส้นชนิดเดียวกัน.. แล้วทำไมถึงมาเกิดความขัดแย้งกันได้..ชนิดผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ...


ความขัดแย้งจนถึงขั้นชุมนุมขับไล่นี้มิได้เกิดขึ้นระหว่าง “พันธมิตรและรัฐบาลอภิสิทธิ์” ด้วยตัวเอง.. เพราะถึงอย่างไรทั้งสองกลุ่มก็มีคนหนุนหลังที่เป็นคนเดียวกัน.. แต่ทว่าภาพความขัดแย้งรุนแรงถึงขั้นขับไล่กันนี้ น่าจะพิจารณาได้ว่าเป็นความขัดแย้งเทียม (หรือภาพเบื้องหน้า) ที่แสดงให้คนทั้งโลกและทั้งชาติเห็นว่า “เกิดความขัดแย้งและความวุ่นวาย” ขึ้นภายในประเทศนี้.. และต้องการให้เรื่องลุกลามจนกลายเป็นปัญหาระหว่างชาติ.. เพื่อเพิ่มน้ำหนักของความวุ่นวายให้มากยิ่งขึ้น.. เพื่อสอดคล้องกับกระแสข่าวการรัฐประหาร หรือการเข้ายึดกุมอำนาจรัฐของทหาร


การที่จะให้ทหารเข้ามายึดกุมอำนาจรัฐนั้นมิใช่เพื่อแก้ปัญหาความขัดแย้งชายแดน หรือแก้ปัญหาการบริหารประเทศของรัฐบาลอภิสิทธิ์... แต่เป็นการให้ทหารเข้ามาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติศรัทธาที่กำลังเกิดขึ้นอย่างรุนแรงในขณะนี้.. เวลานี้หนทางเดียวที่จะทำให้เกิดการใช้อำนาจเบ็ดเสร็จในการบริหารประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาทุกปัญหาของฝ่ายเผด็จการอมาตย์ที่กำลังประสบอยู่นั้นก็คือ การยึดกุมอำนาจรัฐแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด.. และหนทางเดียวที่ทำได้ก็คือ การทำรัฐประหาร.. หรือ การประกาศกฎอัยการศึก เพื่อให้ทหารมีอำนาจเต็มในการควบคุมประเทศ

ปูนนก

Re:

แต่ดูเหมือนว่าหนทางทั้งสองก็เป็นหนทางที่เลือกที่สุ่มเสี่ยงมิใช่น้อย.. ท่ามกลางกระแสการต่อต้านเผด็จการที่กำลังดำเนินอยู่ทั่วโลกในขณะนี้.. ทว่าเวลาก็มีน้อยลงเรื่อยๆ นายโรเบิร์ต อัมสเตอร์ดัม ได้ยื่นฟ้อง ICC ต่อรัฐบาลไทยโดยเฉพาะนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ในฐานะนายกรัฐมนตรี.. และให้บังเอิญเปิดช่องให้ฟ้องได้ในฐานะเป็นผู้มีสัญชาติอังกฤษ


เจ้าของอำนาจเผด็จการคงจะไม่ยอมให้นายอภิสิทธิ์ ถูกนำตัวขึ้นไต่สวนในคดีนี้อย่างแน่นอน เพราะทุกอย่างจะถูกเปิดเผยต่อหน้าชาวโลก..ด้วยเหตุนี้ การใช้อำนาจสุดท้ายที่มีอยู่ควบคุมประเทศนี้จึงเป็นหนทางสุดท้ายในเวลาอันจำกัดนี้..


แต่ถึงอย่างไรไม่ว่าจะให้ทหารออกมาทำรัฐประหารหรือไม่.. หรือจะปล่อยให้นายอภิสิทธิ์บริหารประเทศต่อไป ท่ามกลางกระแสประชาธิปไตยที่กำลังไหลเชี่ยวกรากไปทั่วทั้งโลกเวลานี้ ไม่มีทางที่อำนาจเผด็จการที่ครอบประเทศอยู่ขณะนี้จะดำรงอยู่ได้อีกแล้ว.. ประชาชนผู้รักประชาธิปไตย คนเสื้อแดงและผู้ที่ต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยมาตลอดหลายสิบปี ต่างรอคอยเวลานี้มาอย่างยาวนาน


ต้นไม้ประชาธิปไตยที่ถูกราดรดด้วยน้ำตา..คราบเลือด.. และชีวิตของวีรชนเหล่านั้น กำลังเกิดดอกออกผลแล้ว.. วันที่ประชาชนจะโห่ร้องด้วยความยินดีที่ได้รับประชาธิปไตยกลับมาอย่างแท้จริงกำลังจะมาถึงแล้ว.. “และครั้งนี้จะเป็นการต่อสู้กับเผด็จการครั้งสุดท้ายอย่างแท้จริง” แล้วเราจะร่วมถือป้ายประชาธิปไตยด้วยกัน


“To banish the trace of a tear from eyes;
A thousand deaths would I gladly die;
If one more life were granted me;
I’d spend that life in serving thee.”
By Awetik Issaakjan

“เพื่อลบรอยคราบน้ำตาประชาราษฎร์
สักพันชาติจักสู้ม้วยด้วยหฤหรรษ์
แม้นชีพใหม่มีเหมือนหวังอีกครั้งครัน
จักน้อมพลีชีพนั้นเพื่อมวลชน”
จิตร ภูมิศักดิ์ (ผู้แปล)

"ไม่มีอำนาจใดในโลกหล้า ผู้ปกครองต่างมาแล้วสาปสูญ
ไม่มีใครต่างล้ำเลิศน่าเทิดทูน ประชาชนสมบูรณ์นิรันดร์ไป
เมื่อยืนหยัดต่อสู้ผู้กดขี่ ประชาชนย่อมมีชีวิตใหม่
เมื่อท้องฟ้าสีทองผ่องอำไพ ประชาชนย่อมเป็นใหญ่ในแผ่นดิน"


วิสา คัญทัพ


ปูนนก

ข่าวส่งเสริมคนดี

จำนวนผู้เข้าเยี่มมชม

link to affordable web hosting
Powered by web hosting provider .

สถิติการเข้าชม DMNEWS

eXTReMe Tracker